K WEALTH / บทความ / Market Update / ประเด็นร้อน : ตลาดหุ้นจีนเหวี่ยงระยะสั้น แต่พื้นฐานแกร่ง แนะลงทุนระยะยาว
30 กันยายน 2565
3 นาที

ประเด็นร้อน : ตลาดหุ้นจีนเหวี่ยงระยะสั้น แต่พื้นฐานแกร่ง แนะลงทุนระยะยาว


​​“

• หุ้นจีนปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นโลกจากความกังวล FED และธนาคารกลางประเทศอื่นเร่งขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอย และความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับโลกตะวันตกที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยยังคงแนะนำถือลงทุนระยะยาว


• กองทุนน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลง ชี้ให้เห็นถึงความต้องการใช้น้ำมันยังคงฟื้นตัว โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนเอียนที่เคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเม็กซิโก แนะนำพิจารณาขายคืนทั้งหมดหากมีกำไร


• กองทุนตราสารหนี้ปรับตัวลงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ทำให้ราคาตราสารหนี้ปรับตัวลง ตราสารหนี้ที่มีอยู่ในตลาดจึงมีความน่าสนใจน้อยลง แนะนำให้ถือต่อตามระยะเวลาการลงทุนที่เหมาะสม



28 ก.ย. 65 กองทุน K-CHINA ปรับตัวลดลง -3.19% เทียบกับวันก่อนหน้า ขณะที่ตลาดหุ้นจีน​และฮ่องกงปรับตัวลงเช่นกัน เช่น ดัชนี HSCEI -3.12% HSI -3.41% SSEC-1.58% China A50 -0.90% เทียบกับวันก่อนหน้า


ส่วนกองทุน K-OIL ณ 28 ก.ย. 65 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +4.50% เทียบกับวันก่อนหน้า ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 3.65 ดอลลาร์ หรือ 4.70% ปิดที่ 82.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล


นอกจากนี้ ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคากองทุนตราสารหนี้ก็ปรับตัวลงเช่นกันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางประเทศต่างๆ เช่นกัน โดย ณ 28 ก.ย. 65 กองทุน K-SFPLUS K-CBOND และกองทุน K-GDBOND ราคาปรับตัวลง -0.10% -0.63% และ -5.17% เทียบกับเดือนก่อนหน้า ตามลำดับ



ทำไมกองทุน K-CHINA ถึงปรับตัวลดลง


ตลาดหุ้นจีน ณ 28 ก.ย. ปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกเนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) รวมถึงธนาคารกลางประเทศอื่นๆ เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอย นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับโลกตะวันตกที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้กองทุน K-CHINA ที่เน้นลงทุนในหุ้นจีนมีการปรับตัวลงเช่นกัน


อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกองทุน K-CHINA มีนโยบายการลงทุนแบบเชิงรุก (active management) จึงมีความผันผวนสูง และราคาสามารถปรับขึ้นลงได้แรงกว่า หรือขึ้นลงในทิศทางที่ตรงข้ามกับดัชนีตลาดหุ้นจีน​ได้ ดังนั้น นักลงทุนควรหมั่นติดตามข้อมูลข่าวสาร อัปเดตสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างมีสติ ลงทุนด้วยความระมัดระวังในภาวะที่ตลาดมีความผันผวนสูง



ทำไมกองทุน K-OIL ถึงปรับตัวเพิ่มขึ้น


กองทุน K-OIL ปรับตัวขึ้นกว่า 4% ตามสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส (WTI) เนื่องจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 215,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 443,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 709,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซลลดลง 2.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 69,000 บาร์เรล แสดงให้เห็นถึงความต้องการใช้น้ำมันที่ยังคงฟื้นตัว ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น


นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลง 1.31% สู่ระดับ 112.6080 เมื่อคืนวันที่ 28 ก.ย. ซึ่งการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้ผู้ถือเงินสกุลอื่นๆ สามารถซื้อน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์ได้ในราคาที่ถูกลง ดึงดูดใจนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ รวมถึงยังได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่าพายุเฮอร์ริเคนเอียน (Ian) ที่เคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันนอกชายฝั่งของสหรัฐฯ นั้น อาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันของสหรัฐฯ โดย ณ 28 ก.ย. การผลิตน้ำมันประมาณ 9.12% และก๊าซธรรมชาติประมาณ 5.95% ในอ่าวเม็กซิโกได้ปิดทำการเนื่องจากอิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคนเอียน



คำแนะนำการลงทุน


ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นจีน เช่น K-CHINA, K-CHX, K-CCTV อยู่ แนะนำถือลงทุนต่อ ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม สามารถทยอยลงทุนเพิ่มได้ แต่ควรเป็นเงินที่สามารถลงทุนระยะยาวได้ 


ผู้ที่ถือกองทุน K-OIL อยู่ ให้พิจารณาขายคืนทั้งหมดหากมีกำไร ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม ไม่แนะนำให้ลงทุน 


สำหรับผู้ถือกองทุนตราสารหนี้ แนะนำให้ถือต่อตามระยะเวลาการลงทุนที่เหมาะสมหรือไม่น้อยกว่าอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ในแต่ละกองทุน เช่น กองทุน K-CBOND ควรมีระยะเวลาการลงทุนไม่น้อยกว่า 1 ปีขึ้นไป 


สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น หากรับความเสี่ยงได้บ้าง แนะนำพักเงินในกองทุน K-SF ซึ่งเหมาะกับการพักเงิน 3 เดือนขึ้นไป เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนระหว่างที่รอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก KAsset, RYT9.com 


Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”



บทความโดย K WEALTH TRAINER สุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ CFP®
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

FED ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ปรับพอร์ตลงทุนอย่างไรให้รอด
ประเด็นร้อน : ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วง ควรเก็บหรือปล่อยกองทุนไหน
เปิดโผ 4 ปัจจัย หนุนหุ้นจีนแกร่งขึ้นระยะยาว