23 ก.ย. 65 หลายกองทุนราคาปรับตัวลง (ประกาศคืน 26 ก.ย.) โดยราคากองทุนหุ้นสหรัฐฯและกองทุนหุ้นยุโรป ปรับตัวลงสอดคล้องกับตลาดหุ้น ณ 23 ก.ย. อย่างตลาดหุ้นสหรัฐฯ เช่น ดัชนี Dow Jones -1.62% S&P500 -1.72% และ Nasdaq -1.80% ส่วนตลาดหุ้นยุโรป เช่น ดัชนี STOXX 50 (หุ้นใหญ่) -2.29% และ STOXX 600 (หุ้นใหญ่/กลาง/เล็ก) -2.34%เทียบกับวันก่อนหน้า
โดยกองทุน K-USA K-EUROPE-A(D) K-EUSMALL ล้วนมีนโยบายการลงทุนแบบเชิงรุก ราคาจึงมีการปรับตัวลงหรือขึ้นมากกว่าดัชนีตลาดหุ้น หรือบางครั้งอาจมีการเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับตลาดหุ้นได้ในช่วงสั้นๆ
อย่างล่าลุด 26 ก.ย. ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง 0.60%-1.11% แต่กองทุนหลักของ K-USA (MS US Advantage) กลับปรับตัวขึ้น +3.14% เทียบกับวันก่อนหน้า (คาดว่าจะสอดคล้องกับราคาของ K-USA ที่จะประกาศคืนนี้) สวนทางตลาดจากกลยุทธ์การลงทุนของผู้จัดการกองทุน ส่วนกองทุนหุ้นญี่ปุ่นก็ปรับตัวลงสอดคล้องกับตลาดหุ้นญี่ปุ่น ณ 26 ก.ย. เช่น ดัชนี TOPIX -2.71%เทียบกับวันก่อนหน้า
สาเหตุที่กองทุนปรับตัวลง
• หุ้นสหรัฐ หุ้นยุโรป และหุ้นญี่ปุ่น ปรับตัวลง
เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากธนาคารกลางต่างๆ ยังคงใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว เช่น การขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลต่อต้นทุนการเงินของภาคธุรกิจและประชาชน
โดยเฉพาะ FED (ธนาคารกลางสหรัฐฯ) ที่นอกจากล่าสุดเมื่อ 22 ก.ย. ยังส่งสัญาณขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง โดยยอมรับว่าอาจต้องแลกมาด้วยภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและตัวเลขการว่างงานที่สูงขึ้นแล้ว ยังมีการทำ QT ซึ่งเป็นการดึงเงินออกจากระบบเพื่อลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจด้วย
• ราคาน้ำมัน ปรับตัวลงเช่นกัน
เนื่องจากความกังวลว่าหากเศรษฐกิจถดถอยหรือชะลอตัว ย่อมส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานลดลงจึงไม่เป็นผลดีต่อราคาน้ำมัน โดย ณ 26 ก.ย. กองทุนหลักของ K-OIL (Invesco DB Oil Fund) ราคายังคงปรับตัวลดลงอีก -3.30%เทียบกับวันก่อนหน้า
• กองทุนตราสารหนี้ หลายกองทุนมีการปรับตัวลง
โดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ระยะยาว เนื่องจากเมื่อดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ตราสารหนี้ที่ออกใหม่มักให้ดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ตราสารหนี้เดิมที่มีอยู่จึงมีความน่าสนใจน้อยลงราคาตราสารหนี้และกองทุนตราสารหนี้จึงปรับตัวลง
ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา หลายกองทุนปรับตัวลง
แม้ในช่วงสั้นๆ จะมีเพียงบางกองทุนที่ปรับตัวลงแรงอย่างเห็นได้ชัด แต่หากพิจารณาผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 เดือน พบว่ามีอีกหลายกองทุนที่ราคาปรับตัวลง จากผลกระทบของความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยและดอกเบี้ยนโยบายที่มีการปรับตัวขึ้นเช่นกัน หากพิจารณาข้อมูล ณ 22-26 ก.ย. พบว่า
สถานการณ์อื่นที่น่าสนใจ
ตลาดหุ้นเวียดนาม ณ 26 ก.ย. เช่น ดัชนี VNI มีการปรับตัวลง –2.40%เทียบกับวันก่อนหน้า โดยระหว่างวันมีการปรับตัวลงกว่า -3%เทียบกับวันก่อนหน้า ซึ่งการปรับตัวลงในช่วงแรกคาดว่าเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยเช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่น
หลังจากตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลงจนถึงระดับที่นักลงทุนต่างชาติกำหนดไว้ ทำให้มีแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้นักลงทุนในประเทศเวียดนามมีการขายตาม ตามมาด้วยบริษัทหลักทรัพย์มีการบังคับขายหลักทรัพย์ (force sell) ที่เป็นหลักประกันของบัญขีซื้อขายหุ้นแบบ Margin (ให้วงเงินกู้ซื้อหลักทรัพย์) เพื่อลดภาระหนี้ที่ผู้ลงทุนมีต่อบริษัทหลักทรัพย์ ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามมีความผันผวนในวันดังกล่าว
คำแนะนำการลงทุน
• ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นยุโรป (เช่น K-EUROPE-A(D) K-EUSMALL) กองทุน K-OIL และกองทุน K-GB อยู่ แนะนำให้พิจารณาขายคืนหรือลดสัดส่วนการลงทุน สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม ยังไม่แนะนำให้ลงทุน
• ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ (เช่น K-USA, K-US500X, K-USXNDQ) อยู่ แนะนำให้ถือต่อ โดยรอประเมินสถานการณ์และทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ชัดเจน ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม ยังไม่แนะนำให้ลงทุนตอนนี้
• ผู้ที่ถือกองทุนผสม ที่มีการกระจายการลงทุนที่หลากหลาย แนะนำถือต่อเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาว สำหรับที่ต้องการลงทุนเพิ่ม แนะนำกองทุน K-GINCOME
• ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ แนะนำพิจารณาทางเลือกในการแบ่งเงินลงทุนบางส่วนมาทยอยลงทุนกองทุนหุ้นเวียดนาม (เช่น K-VIETNAM) หรือกองทุนหุ้นไทย (เช่น K-STAR, K-BANKING) เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว
• สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น แนะนำพักเงินในกองทุน K-CASH เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก KAsset, Infoquest, Vietnam Posts English
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”