ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีส่วนใหญ่มักคำนึงถึงการขยายธุรกิจให้เติบโตและรักษาธุรกิจให้ยั่งยืน มากกว่า “การบริหารจัดการคน” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง โดยปัญหาเรื่องคนที่ธุรกิจต้องเจอบ่อยๆ ก็คือ หนึ่ง ไม่สามารถหาคนเก่งเข้ามาทำงานได้ สอง คนที่เข้ามาทำก็อยู่ไม่นาน และสุดท้ายปัญหาที่สามคือ ตัวผู้ประกอบการไม่สามารถผลักดันธุรกิจได้อย่างที่วางแผนไว้ แถมตัวเองยังจมอยู่กับการจัดการดูแลและแก้ไขปัญหาต่างๆ ของธุรกิจ ไม่สามารถลุกไปคิดทำสิ่งใหม่และขยายธุรกิจได้อย่างใจฝัน
ถ้าผู้ประกอบการหันมาให้ความสนใจเรื่องคนเพิ่มขึ้นสักนิด ให้เท่ากับเวลาที่คุณใช้ไปกับการคิดเรื่องกลยุทธ์จะช่วยสร้างรากฐานและสร้างคนให้กับองค์กรเพื่อการเติบโตอย่างไม่สะดุด เรามาดูกันดีกว่าว่า เทรนด์การบริหารคนแบบไหนที่เอสเอ็มอีทำได้ และจะพาธุรกิจโตไปไกลแบบไม่เหนื่อย
1. ทำความเข้าใจคน Gen C ผู้ประกอบการควรเข้าใจก่อนว่า สังคมดิจิทัลได้เปลี่ยนพฤติกรรมของคนทุก Gen ให้กลายเป็น Gen C ไปแล้ว คือเป็นกลุ่มคนที่บริโภคเนื้อหาจากโลกดิจิทัล มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับกลุ่มคนที่ตัวเองเลือก มีสื่อในมือทำให้สามารถส่งต่อข้อมูลให้คนอื่นที่เชื่อมโยงกับเขาได้ และมองว่าตัวเองเป็นผู้บริโภค ดังนั้นคนสมัยนี้จึงไม่ได้มีไว้ให้คุณเลือก แต่เขาจะเลือกเองว่า “คุณและเขา เข้ากันได้ไหม” เนื่องจากเขาไม่ได้มองว่าตัวเองคือ “ผู้สมัคร” ให้องค์กรเลือก แต่มองตัวเองเป็นผู้บริโภค ที่มีสิทธิ์ในการเลือกว่า คุณเหมาะที่จะเป็นนายจ้างหรือไม่ เราจึงเห็นว่า หลายบริษัทเริ่มปรับตัวเข้าหาคนกลุ่มนี้ด้วยการ Open House เปิดบริษัทพาดูธุรกิจ บางที่ทำวิดีโอแนะนำตัวให้เห็นชีวิตจริงในหนึ่งวันของการทำงานในบริษัท หรือจัดแบบทดสอบออนไลน์เพื่อช่วยให้คนตัดสินใจได้ว่า เขาเหมาะกับองค์กรหรือไม่ เรียกว่าทำการคัดกรองตัวเองไปเลย ทำให้ธุรกิจลดการสูญเสียเวลาและทรัพยากรในการคัดสรรบุคลากรลงไปได้
2. คนรุ่นใหม่ไม่ยึดติดองค์กรใหญ่ คนรุ่นใหม่ไม่ได้คิดว่า ความมั่นคงคือการทำงานในองค์กรใหญ่ไปจนเกษียณ เพราะบริษัทใหญ่แค่ไหนก็ล้มได้ ดังนั้นความมั่นคงของคนรุ่นใหม่ หมายถึง การสะสมประสบการณ์ที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยให้เขาพร้อมรับมือและปรับเปลี่ยนได้มากกว่า เขาจึงพร้อมที่จะลองทำงานหลายๆ อย่าง ดังนั้นการรักษาพนักงานไม่ใช่ตัววัดความสำเร็จในการบริหารจัดการคนอีกต่อไป แต่ผู้ประกอบการควรคิดว่า จะวางแผนใช้กำลังคนอย่างไรให้เกิดผลกับธุรกิจให้มากที่สุด คือผู้ประกอบการต้องมองให้กว้างกว่าแค่คนที่คุณจ่ายเงินเดือนจ้างประจำ แต่ให้มองว่างานใดคนนอกทำได้ดีกว่า เร็วกว่า และไม่อยากมาปวดหัวเก็บไว้เป็นงานภายใน ก็จ้างผู้ให้บริการจากภายนอกหรือฟรีแลนซ์เป็นงานๆ ไป ส่วนตำแหน่งที่สำคัญและเป็นหัวใจธุรกิจต่างหาก คือส่วนที่คุณควรลงทุนสรรหาบุคลากรชั้นดีเข้ามาพัฒนา บ่มเพาะ และดูแลรักษาเขาไว้จะดีกว่า
3. สร้างเอกลักษณ์ขององค์กร การบริหารคนไม่มีคำว่าถูกผิด สิ่งที่เคยดีในช่วงเวลาหนึ่งอาจใช้ไม่ได้กับคน Gen C สมัยนี้ จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนทิศทางองค์กร ด้วยการสร้างประสบการณ์หรือวัฒนธรรมการทำงานให้เป็นซิกเนเจอร์ขององค์กรคุณ โดยให้คิดจากมุมมองพนักงานว่า อะไรคือสิ่งที่มีคุณค่าต่อเขาที่คุณสามารถให้เขาได้ เช่น 3F คือ ได้ความสนุก (Fun) ได้เพื่อน (Friends) และได้ชื่อ (Fame) ซึ่งจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะรักษาคนในองค์กร
4. การเติบโตทางอาชีพที่มากกว่าการเลื่อนตำแหน่ง คนรุ่นใหม่ให้คุณค่าผลงานที่เขาสามารถพูดถึงได้ด้วยความภูมิใจ มากกว่าการเลื่อนตำแหน่งแบบไร้ความหมาย ดังนั้นองค์กรเล็กแบบเอสเอ็มอี ก็ไม่ได้แปลว่าไร้หนทางเติบโต คุณสามารถตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้ด้วยการชี้ให้เขาเห็นการเติบโตผ่านประสบการณ์และความรับผิดชอบใหม่ๆ คุณสามารถออกแบบเป้าหมายใหม่ โปรเจกต์ใหม่ ที่เปรียบเสมือนเกมให้คนที่ชอบท้าทายตัวเองได้ไล่ตาม และสะสมผลงานพร้อมความภูมิใจไว้พูดถึงได้ในอนาคต
5. คนเก่งอยากอยู่ในสังคมคนเก่งด้วยกัน หากคุณเริ่มหาคนเก่งเข้ามาได้จำนวนหนึ่ง ก็จะเริ่มกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเก่งใหม่ๆ ตามเข้ามา เพราะการมีคนเก่งพูดถึงองค์กรของคุณในทางที่ดีนี่แหละ คือการดึงดูดคนเก่งรุ่นใหม่เข้ามาได้เป็นอย่างดี จริงอยู่ที่ว่าคนรุ่นใหม่ไม่ผูกพันกับองค์กร แต่สิ่งที่เค้าผูกพันด้วยคือผู้คนในองค์กรนั้นต่างหาก ดังนั้นหากคุณสร้างสังคมคุณภาพในองค์กรของคุณได้ คุณจะดึงดูดรักษาคนรุ่นใหม่ไว้กับคุณได้ดีเช่นกัน
คนรุ่นใหม่มองหาแรงบันดาลใจและไอดอลเสมอ คุณในฐานะผู้นำองค์กรจึงเท่ากับแม่เหล็กชั้นดี ถ้าคุณอยากได้คนเก่งคนดี คุณต้องพัฒนาตัวคุณเองให้ดึงดูดคนชั้นดีเหล่านั้นด้วย และอย่าหยุดพัฒนาตัวเองในด้านศาสตร์และศิลป์ของการบริหารคน เพราะเรื่องคนเป็นเรื่องใหญ่ จึงควรอยู่ในมือของผู้นำที่อยากพาธุรกิจโตไวและไปไกลเช่นคุณ
สินเชื่อที่เกี่ยวข้อง : สินเชื่อและบริการยอดฮิต