เข้าสู่เดือนสุดท้ายของทุกปี ที่นอกจากจะเป็นช่วงเวลาของการเฉลิมฉลองยังเป็นช่วงเวลาโค้งสุดท้ายที่จะหาตัวช่วยเพื่อลดหย่อน และ บริหารภาษีสำหรับผู้มีรายได้ถึงเกณฑ์ ซึ่งตัวช่วยที่จะสามารถนำมาลดหย่อนได้นั้นมีหลากหลายชนิด เช่น การลดหย่อนผู้มีเงินได้ ลดหย่อนคู่สมรส - บุตร การบริจาค การซื้อประกันต่าง ๆ และ ตัวช่วยยอดฮิตของคนทำงานในปัจจุบันคงหนีไม่พ้นการซื้อกองทุนรวมเพื่อการลดหย่อนภาษี
กองทุนรวมเพื่อการลดหย่อนภาษี เป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเห็นเงินออมเติบโตผ่านการลงทุน ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกอยู่ด้วยกันสองแบบ คือ กองทุนรวม SSF และ กองทุนรวม RMF โดยมีรายละเอียดของแต่ละกองทุน ดังนี้
- กองทุนรวม SSF ( Super Saving Fund ) ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30% ของเงินได้ที่เสียภาษี ซื้อได้สูงสุด 200,000 บาท และ เมื่อนับรวมกับกลุ่มเกษียณทั้งหมดต้องไม่เกิน 500,000 บาท ระยะเวลาถือครอง 10 ปีขึ้นไป และไม่ต้องลงทุนต่อเนื่อง
- กองทุนรวม RMF ( Retirement Mutual Fund ) ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30% ของเงินได้ที่เสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาทเมื่อนับรวมกับกองทุนรวม SSF และกลุ่มเกษียณทั้งหมด โดยต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปีเว้นได้ไม่เกิน 1 ปี ถือลงทุนอย่างน้อย 5 ปี และอายุ 55 ปีบริบูรณ์ถึงจะสามารถขายคืนได้แบบไม่ผิดเงื่อนไข
จุดที่เหมือนกันของกองทุนรวม SSF และ RMF ก็คือ นโยบายการลงทุนที่มีให้เลือกหลากหลาย เช่น หุ้นไทย ตราสารหนี้ไทยและต่างประเทศ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงหุ้นต่างประเทศ แต่ส่วนที่แตกต่างกัน ก็คือ ระยะเวลาในการถือครอง ซึ่งเราสามารถใช้เกณฑ์การถือครองเป็นตัวช่วยพิจารณาในการเลือกซื้อกองทุนรวม SSF หรือ RMF ได้อีกด้วย กล่าวคือ คนที่อายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป และ ต้องการขายคืนได้เร็วแบบไม่ผิดเงื่อนไข แนะนำให้ซื้อกองทุนรวม RMF เพราะระยะเวลาในการถือครองจะสั้นกว่ากองทุนรวม SSF
K-Expert พงษ์พิทักษ์ พิทักษ์ตระกูล
ที่ปรึกษาการเงินกสิกรไทย