Display mode (Doesn't show in master page preview)
Turn on more accessible mode
Skip Ribbon Commands
Skip to main content
Turn off Animations

เศรษฐกิจโลกอาจเปลี่ยนแปลง บทบาทของ BRICS และ การแบ่งขั้วอำนาจ

เศรษฐกิจโลกอาจเปลี่ยนแปลง บทบาทของ BRICS และ การแบ่งขั้วอำนาจ

​​​​        BRICS เป็นอักษรย่อที่ใช้เรียกกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และ มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว หรือ ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Market) ซึ่งประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และ แอฟริกาใต้ ซึ่งเรียกได้ว่ามีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลกมากขึ้นจากการที่มีขนาดเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มนี้นั้นมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

        แม้ว่าขนาดการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) ของกลุ่ม BRICS จะมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 26 ของ GDP โลก ตามหลังผู้นำกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว 7 ประเทศ (G7) ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจรวมกันอยู่ที่ร้อยละ 43.7 ของ GDP โลก หากแต่จำนวนประชากรของประเทศในกลุ่ม BRICS นั้นครอบคลุมจำนวนประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของโลก หรือ ร้อยละ 42 เลยทีเดียว นอกจากนี้เมื่อวันที่ 22 – 24 สิงหาคม 2566 ประเทศในกลุ่ม BRICS ได้มีการประชุมหารือร่วมกันในหลายมิติ ซึ่งมีสรุปสาระสำคัญ ดังนี้



    • ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ทั้ง สงครามระหว่างรัสเซีย - ยูเครน และ สหรัฐฯ - จีน ทำให้ BRICS มีมุมมองด้านภูมิรัฐศาสตร์ในฝั่งประเทศเกิดใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่การแบ่งแยกโลกออกเป็นสองขั้ว และ หาแนวทางที่จะลดการพึ่งพาทางเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ กับชาติตะวันตกลง
    • การผลักดันให้สมาชิกหันมาใช้เงินสกุลท้องถิ่นระหว่างกัน เพื่อเป็นอีกทางเลือกในการชำระเงิน และ ลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ฯ โดยแผนงานนี้เป็นรูปธรรมมากขึ้นตั้งแต่เกิดการคว่ำบาตรรัสเซีย ทำให้สัดส่วนการใช้เงินหยวนในการชำระเงินเพื่อการค้า และ บริการระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงความสัมพันธ์ด้านการค้า และ การลงทุนภายในกลุ่ม BRICS จากช่วงทศวรรษที่ผ่านมาก็เพิ่มขึ้นด้วย กลับกันความสัมพันธ์กับชาติฝั่งตะวันตกกลับลดน้อยลง



    • สนับสนุนเงินกู้ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และ การสนับสนุนด้านการเงินฉุกเฉินในกรณีเกิดวิกฤตเศรษฐกิจผ่านการเป็นสมาชิกของธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ (NDB) หรือ BRICS Bank และ ข้อตกลงกองทุนสำรองฉุกเฉิน (CRA) ที่มีบทบาทใกล้เคียงกับ World Bank และ IMF ตามลำดับ
    • การพิจารณารับสมาชิกใหม่เป็นวาระสำคัญ ได้มีการประกาศรับเพิ่มเติมแล้ว 6 ประเทศ ซึ่งล้วนเป็นตัวแทนเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาค ประกอบด้วย ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ อิหร่าน อียิปต์ เอธิโอเปีย และ อาร์เจนตินา โดยจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 และ ยังมีอีกหลายประเทศสนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกอีกจำนวน 40 ประเทศ โดย 23 ประเทศได้มีการสมัครเข้าเป็นสมาชิกแล้ว 

        โดยวัตถุประสงค์ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของ BRICS คือ แต่ละประเทศต้องการรักษาสมดุลของขั้นอำนาจทางเศรษฐกิจของประเทศเกิดใหม่ และ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งสำหรับประเทศไทยที่ได้แสดงท่าทีสนใจสมัครเข้าเป็นสมาชิกนั้น อยู่ระหว่างรอทางการพิจารณา



        ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า BRICS นั้นเป็นการรวมกลุ่มเศรษฐกิจแบบกว้าง ไม่มีข้อกำหนดการเปิดตลาด และ สิทธิประโยชน์เหมือน FTA ทำให้เมื่อไทยเข้าร่วมกลุ่มจะถือเป็นการเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจในอีกแง่มุม สามารถกลุ่มเศรษฐกิจที่สำคัญในแต่ละทวีปทั่วโลก เอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ และ นักลงทุนให้มีทางเลือกในการเข้าถึงตลาดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นด้านการค้า และ การลงทุน โดยจะมีทางเลือกในการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นกับประเทศสมาชิก รวมถึงมีโอกาสเข้าถึงเม็ดเงินในการพัฒนาเศรษฐกิจในอีกฝั่งขั้วอำนาจของโลก ปัจจุบันกลุ่ม BRICS นี้มีบทบาทต่อการค้าของไทยถึงร้อยละ 22.8 ของการค้ารวมไทยทั้งหมด ใกล้เคียงกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (G7) ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 26.2 ของการค้ารวมไทย 

        อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสโลกที่มีการแบ่งเศรษฐกิจออกเป็นสองขั้วที่ชัดเจนมากขึ้น โดย BRICS เป็นขั้วตรงข้ามของชาติตะวันตก ดังนั้น ทางการไทยจะต้องรักษาท่าทีในการรับข้อตกลงใหม่ ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความอ่อนไหวต่อคู่ค้าในฝั่งตะวันตก และ อาจนำมาซึ่งมาตรการกีดกันทางการค้าเพิ่มเติมได้ในอนาคต ผู้ประกอบการ และ นักลงทุนไทยจึงต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ประกอบกับดำเนินแผนทางธุรกิจและการลงทุนอย่างระมัดระวัง

​​


กลับ