Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

        ในช่วงนี้หลาย ๆ คนคงเริ่มวางแผนที่จะออกท่องเที่ยว พักผ่อนในช่วงหน้าร้อน นอกจากนี้ยังมีการท่องเที่ยวที่เหมาะกับช่วงเวลาหยุดยาวที่กำลังจะมาถึง อย่าง การเดินทางผ่านรถไฟสุดหรู ชมบรรยากาศ 2 ข้างทางโดยรอบ และ การโดยสารเรือสำราญแสนสบายที่พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการสุดประทับใจไม่ต่างจากโรงแรมชั้นนำเลยทีเดียว ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบต่างก็กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วโลก จะดีแค่ไหนเมื่อทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาก็เจออีกสถานที่ใหม่ๆ เที่ยวได้ทั้งวัน ไม่ต้องเดินทางเอง ในวันนี้ Ultimate Leisure จึงขอหยิบยกรถไฟหรู และ เรือสำราญทีได้รับการจัดอันดับรางวัล มาตอบสนองการท่องเที่ยวหยุดยาวนี้กันค่ะ



Silver Sea​
Travel Weekly’s Globe Travel Awards Best Luxury Cruise Company 2023
TTG Luxury Travel Awards Ultra-Luxury Cruise Line of The Year 2022

เรือสำราญ Silver Sea เรือสำราญที่เน้นประสบการณ์สุดหรู ซึ่งจะพาคุณไปเยี่ยมชมจุดหมายปลายทางอันเป็นที่นิยมไปทั่วโลก และ หยุดแวะยังใจกลางเมืองที่เป็นสถานที่สำคัญ หรือ จุดที่ได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีที่น่าค้นหาตามเส้นทางการเดินเรือที่บางจุดนั้นยากจะเข้าถึง พร้อมให้คุณสะดวกสบายด้วยการบริการเหนือระดับจากพนักงานที่มีประสบการณ์กว่า 15 ปี


ห้องพัก Grand Suite​​

โปรแกรมแนะนํา : Indian Ocean Cruise Cape Town to Mahe 17 คืน 15 ท่าเรือ
ช่วงเวลาเดินทาง : 28 มีนาคม – 15 เมษายน 2023
สถานที่ในเส้นทางการเดินทาง : 
Day 1 – 7 : South Africa (Cape Town, Port Elizabeth, East London, Durban, and Richard's Bay)
Day 13 : Madagascar (Ampangorinana, Nosy Komba , Nosy Be)
​Day 10 : Mozambique
Day 14 – 18 : Seychelles (Assumption, Aldabra, Praslin & La Dugue, and Mahe)
​Day 11 – 12 : Comoros (Moroni and Anjouan)


​ราคาเริ่มต้น : USD $19,000 ต่อคน หรือ ประมาณ 654,607 บาท
ตารางการเดินทางทั้งหมด : www.silversea.com



การเดินทางในครั้งนี้จะเดินทางกันทั้งสิ้น 17 คืนซึ่งจะทำให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับ 14 ท่าเรือ จาก 5 ประเทศ เริ่มต้นจากแอฟริกาโดยเดินเรือออกจากจาก Cape Town เพื่อขึ้นเหนือไปยัง Port Elizabeth, East London, Durban และ Richard’s Bay ซึ่งคุณจะได้ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมซูลู และ โซซาของชนเผ่าพื้นเมือง เพลิดเพลินไปกับเมืองท่า และ หาดทรายขาวที่สวยให้คุณได้เดินชม อีกทั้งยังมีกิจกรรมมากมาย เช่น การชมสัตว์ป่าใน Mpongo Private Game Reserve (East London) หรือ การดำน้ำชมโลกใต้ทะเลที่ Cape Vidal (Richard’s Bay)



หลังจากแวะเที่ยวตอนใจ้ของ South Africa แล้วก็เป็นเวลาพักผ่อนบนเรือ 2 วันระหว่างเดินทางเข้าสู่ Mozambique ดินแดนที่ผสมผสานไว้ด้วยวัฒนธรรมที่มากมาย และ สถาปัตยกรรมอันเก่าแก่สวยงามจนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกของโลกโดยองค์กรยูเนสโก้ ก่อนจะเดินทางเข้าสู่ Comoros เกาะ Moroni และ Anjouan ที่จะทำให้คุณตื่นตากับนกเขตร้อนหลากหลายสายพันธ์อันอุดมสมบูรณ์ภายในป่าที่เขียวชอุ่ม หรือ การสัมผัสเมืองเก่าติดทะเลที่สวยงาม



ในช่วงกลางทริป เรือของเราจะมุ่งหน้าต่อไปยัง Ampangorinana, Nosy Komba และ Nosy Be บนเกาะ Madagascar ซึ่งจะทำให้คุณได้พบกับความแปลกใหม่ของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นชายหาดส่วนตัวที่สะอาดเข้าถึงได้ง่าย มีจุดดำน้ำตื้นที่เต็มไปด้วยสัตว์น้ำมากมาย รวมถึงป่าที่อุดมสมบูรณ์สวยงาม นอกจากนี้ยังมีเอกลักษณ์ด้วยกลิ่นหอมของต้นไม้ต่าง ๆ เช่น กระดังงา วานิลลา จนทำให้เกาะมาดากัสการ์มีชื่อเล่นว่า "เกาะแห่งกลิ่นหอม" ด้วยเนั้นเอง



เข้าสู่ช่วงสุดท้ายกับเกาะ Seychelles โดยเริ่มจาก Assomption เกาะรูปพระจันทร์เสี้ยวขนาดเล็กที่มีแนวปะการังที่สวยงาม และ เกาะ Aldabra เกาะปะการังขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ที่ทั้งสองเกาะนั้นเต็มไปด้วยสัตว์ทะเลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปลากระเบนขนาดเล็ก หรือ ปลาสวยงามต่าง ๆ โดยเฉพาะเกาะ Aldabra ที่มีเต่ายักษ์อัลดาบรา เต่าบกขนาดใหญ่ที่สุดบนโลกอาศัยอยู่



กลับมาพักผ่อนบนเรือ 1 คืน เพื่อเข้าสู่เกาะ Praslin & La Digue หนึ่งในเกาะที่สวยที่สุดของ Seychelles ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Anse Lazio ชายหาดที่ได้รับรางวัลสถานที่ที่สวยที่สุดในโลกมาหลายต่อหลายครั้ง และ ยังมีป่าเชียวขจีที่เป็นที่อยู่ของนกแก้วดำที่พบได้เพียงเกาะแห่งนี้เท่านั้น ก่อนจะมาถึงจุดหมายปลายทาง และ สิ้นสุดการเดินเรือที่เกาะ Mahe เกาะหลักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน Seychelles ซึ่งเช่นเดียวกับเกาะน้อยใหญ่ก่อนหน้านี้ที่อุดมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม น้ำทะเลใส และ ชายหาดขาวละเอียด นอกจากนี้เกาะ Mahe ยังโดดเด่นด้วยยอดเขาสูงตระหง่านของอุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ที่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์และพืชท้องถิ่นมากมาย เช่น Scops หนึ่งในนกเค้าแมวที่หาได้ยาก

ตลอดเส้นทางการเดินเรือนอกจากจะเพลิดเพลินกับสถานที่ต่าง ๆ ที่สวยงาม สนุกสนานไปกับกิจกรรมมากมาย คุณยังสามารถพักผ่อนอย่างไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งสปาสุดหรู อาหารเลิศรสจากห้องอาหารบนเรือ รวมไปถึงงานเลี้ยงรื่นเริงยามค่ำคืนที่จะทำให้ตลอดเส้นทางของคุณเต็มไปด้วยสีสันไม่มีเบื่อ



Regent Seven Seas
​Condé Nast Traveler Gold List 2022 Best Cruise Line in the World
Travel + Leisure’s 2022 World’s Best Awards The Top 5 Midsize-Ship Ocean Cruise Lines

Regent Seven Seas Cruises ผู้ให้บริการเรือสำราญสุดหรูอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 30 ปี โดยมีจุดเด่นอยู่ที่พื้นที่บนเรือที่กว้างขวาง และ กิจกรรมบนเรือมากมาย เช่น คาซิโน การแสดงโชว์ต่าง ๆ รวมไปถึงคลาสสอนทำอาหารมากมาย ทำให้ตลอดการเดินทางของคุณสามารถเพลิดเพลินได้


ห้อง Grand Suite

โปรแกรมแนะนํา : Stunning Strait of Messina Barcelona to Venice 10 คืน 10 ท่าเรือ
ช่วงเวลาเดินทาง : 19 – 30 เมษายน 2023
สถานที่ในเส้นทางการเดินทาง : 
​Day 1 : Spain (Barcelona)
​Day 8 : Montenegro (Kotor)
​Day 2 : France (Provence (Marseille))
​Day 9 : Croatia (Split)
​Day 3 : Monaco (Monte Carlo)ฃ
​Day 10 : Italy (Venice (Fusina))
​Day 4 – 6 : Italy (Tuscany (Livorno), Rome (Civitavecchia), Amalfi and Positano)

​ราคาเริ่มต้น : USD $9,599 ต่อคน หรือ ประมาณ 328,765 บาท
ตารางการเดินทางทั้งหมด : www.rssc.com
Booking : www.rssc.com



สำหรับทริปการเดินเรือล่องทะเลในแถบเมดิเตอร์เรเนียนระยะเวลา 10 คืนนี้ จะผ่านทั้งสิ้น 6 ประเทศบนเรือสำราญสุดหรูที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยริ่มเดินเรือออกจากชายหาด Barcelona ของสเปนไปสู่จุดแรกกับแคว้น Provence (Marseille) ของประเทศฝรั่งเศส ที่คนส่วนใหญ่นิยมปลูกดอกลาเวนเดอร์ จึงทำให้เราสามารถพบเห็นภาพของบ้านหลังเล็ก ๆ กลางทุ่งสีม่วงที่สวยงาม และ ยังมีแลนด์มาร์กสำคัญ ๆ มากมายให้คุณได้ไปเยือน เช่น มหาวิหารนอเทรอดาม หรือ Old Port ท่าเรือเก่าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และ ร้านค้ามากมาย



ก่อนที่เช้าวันถัดไปเรือสำราญจะพาคุณเข้าสู่ประเทศ Monaco เมือง Monte Carlo เมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ผสมผสานประวัติศาสตร์ ความงาม ความบันเทิง และ การพักผ่อนเอาไว้ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีที่พำนักของเกรซ เคลลี เจ้าหญิงเกรซแห่งโมกาโกผู้โด่งดังอีกด้วย



จากนั้นในวันที่ 4 – 6 คุณจะได้สัมผัสจุดท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ของประเทศ Italy โดยเริ่มต้นจาก Tuscany เมืองที่มีทิวทัศน์เนินเขาที่สวยงาม โด่งดังด้านศิลปะเรเนซองส์ และ โรงบ่มไวน์ที่ดีที่สุด ถัดมากับ Rome เมืองนิรันดร์ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ ที่มีแลนด์มาร์กสำคัญในตำนาน เช่น โคลอสเซียม, น้ำพุเตรวี, วิหารแพนธีออน หรือ นครรัฐวาติกัน สุดท้ายกับจุดหมายของ Italy ที่อ่าว Amalfi อ่าวที่สวยงามด้วยน้ำทะเลใส และ ภายในเมืองมีสถาปัตยกรรมโบราณ เช่น มหาวิหารอมาฟี ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้นหินอ่อนแกะสลักนักบุญ St. Andrew โดยศิลปินระดับโลก Michelangelo นั่นเอง

ออกจากประเทศ Italy ผ่านช่องแคบ Missina โดยในระหว่างนี้คุณสามารถพักผ่อนตามอัธยาศัยไปพร้อม ๆ กับการเพลิดเพลินกิจกรรมต่าง ๆ บนเรือได้ตามสะดวก ก่อนจะเข้าสู่เมือง Kotor ในวันที่ 8 ซึ่งเป็นหนึ่งในชายฝั่งติดทะเลที่สวยงามที่สุดของประเทศ Montenegro และ ในวันที่ 9 กับเมือง Split ของประเทศ Croatia เมืองที่เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์สวยงามมากมาย โดยทั้ง 2 เมืองนี้เป็นอีกมรดกโลกที่ถูกแต่งตั้งจากองค์กรยูเนสโก้อีกด้วย



ช่วงสุดท้ายของทริปในวันที่ 10 และ 11 จะเดินทางเข้าสู่มหานครแห่งสายน้ำ Venice แห่งประเทศ Italy อีกครั้งเป็นอันสิ้นสุดการเดินเรือ เรียกได้ว่าตลอดเส้นทางคุณจะได้สัมผัสชีวิตของเมืองติดทะเล ที่มีความสวยงามเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ผ่อนคลายไปกับสายลมเย็นสบาย และ น้ำทะเลสีฟ้าใส ไปพร้อม ๆ กับการลิ้มรสอาหารฝรั่งเศส – อิตาเลียนแสนอร่อยตลอดการเดินทาง



Golden Eagle Luxury Train
​Condé Nast Traveler 2019 Readers’ Choice Awards Top 10 Luxury Trains in the World

Golden Eagle Luxury Trains มีชื่อเสียงในด้านการให้บริการการเดินทางด้วยรถไฟที่โด่งดัง และ เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลกในช่วง 30 ปี ด้วยรถไฟส่วนตัวสุดหรูที่ให้บริการเส้นทางผ่านรัสเซีย ยุโรปกลาง และ ยุโรปตะวันออก มองโกเลีย จีน เอเชียกลาง และ อินเดีย เน้นประสบการณ์การสำรวจสถานที่ที่น่าทึ่งที่สุดในโลก ที่พร้อมให้คุณได้เพลิดเพลินกับการเดินทางด้วยห้องโดยสารที่แสนสบาย อาหารรสเลิศ และ บรรยากาศที่หรูหรา แถมยังมีบาร์ที่มีการแสดงดนตรีสดระหว่างวัน และ ห้องอาหารที่เน้นการปรุงอาหารจากวัตถุดิบอันสดใหม่ของแต่ละจุดหมายที่ได้แวะเที่ยวกันอีกด้วย


Gold Class Cabin

โปรแกรมที่แนะนํา : Grand Alpine Express Budapest to Swiss Alps and Venice 10 คืน 9 เมือง
ช่วงเวลาเดินทาง : 15 – 25 พฤษภาคม 2023
สถานที่ในเส้นทางการเดินทาง :
​Day 1 – 2 : Hungary : Budapest
​Day 7 : Italy (Verona & Trieste)
​Day 3 – 4 : Austria (Vienna, and Semmering Pass, Lake Achen & Innsbruck)
​Day 8 : Slovenia (Lake Bled & Ljubljana)
​Day 5 : Switzerland (Zürich)
​Day 9 : Slovenia & Italy (Postojna & Venice)
​Day 6 : Switzerland (St Gotthard Pass & Lake Como and Milan)
​Day 10 : Italy (Venice)
 
​ราคาเริ่มต้น : USD $16,295 ต่อคน หรือ ประมาณ 558,103 บาท
ตารางการเดินทางทั้งหมด : www.goldeneagleluxurytrains.com
Download Brochure & Booking Form : www.goldeneagleluxurytrains.com

เริ่มต้นเส้นทางด้วย Budapest เมืองหลวงของ Hungary ที่แบ่งออกเป็นสองฝั่งของแม่น้ำ Danube ได้แก่ฝั่ง Buda และ Pest อันเป็นที่มาของชื่อเมือง ภายในเมืองเต็มไปด้วยสถานที่สำคัญมากมาย เช่น The Opera House, St. Stephen’s Cathedral, Great Market Hall อันเก่าแก่ รวมไปถึงโรงอาบน้ำแร่ที่มีชื่อเสียง ก่อนจะออกเดินทางต่อไปยังกรุง Vienna ประเทศ Austria ที่ได้ชื่อว่าน่าอยู่ที่สุดในโลก และ เป็นขุมทรัพย์แห่งศิลป์อย่างแท้จริง เพราะ รายล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และ นักดนตรีคลาสสิกชื่อก้องโลกอย่างบีโธเฟน หรือ โมสาร์ทก็ล้วนมาจากที่แห่งนี้นั่นเอง

หลังจากเดินชมและพักผ่อนเรียบร้อยแล้วในวันถัดไป รถไฟจะผ่านคุณออกเดินทางไปพร้อม ๆ กับทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขา Apls ในตอนเช้า ข้ามผ่าน Semmering Pass และ หมู่บ้านเล่นสกีชื่อดังอย่าง Kitzbuhel ก่อนจะได้ชมวิวทะเลสาบ Achen อันสวยงาม ที่ทำให้วันนี้ของคุณได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของภูเขา เสมือนโลกที่เงียบสงบก่อนไปยังจุดหมายต่อไป



ช่วงกลางของทริป รถไฟจะแล่นผ่านพ้นเทือกเขา Apls เข้าสู่ประเทศ Switzerland เมือง Zürich เมืองแห่งการเงินระดับโลก และ จุดท่องเที่ยวสวยงามมากมาย เช่น ทางเดินริมแม่น้ำ Limmatquai ที่สามารถเดินจนถึงศาลากลางอันงดงามอย่าง Rathaus ที่ถูกสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 จากนั้นในวันที่ 6 รถไฟจะผ่านคุณผ่านช่องเขา St. Gotthard Pass เพื่อไปยัง Lake Como ประเทศ Italy แวะรับประทานอาหารกลางวันริมทะเลสาบ ที่มีวิวทิวทัศน์ที่หาชมได้ยากเนื่องจากเป็นทะเลสาบที่รายล้อมด้วยภูเขาสูงแตกต่างจากทะเลสาบอื่น ๆ ของ Italy ก่อนจะออกเดินทางต่อไป



ยังอยู่ใน Italy กับเช้าวันถัดมาจากการวิ่งเลียบตามชายฝั่งทางใต้ของทะเลสาบการ์ดา คุณจะเข้าสู่เมือง Verona เมืองที่มีชื่อเสียงจากการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Romeo & Juliet ของ Shakespeare เพลิดเพลินไปกับการเดินทัวร์สถานที่ที่มีชื่อเสียง และ ชมอัฒจันทร์โรมันที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 นอกจากนี้ในช่วงบ่ายเราจะแวะเดินชมเมือง Trieste ท่าเรือของอิตาลีที่มีปราสาท Miramare อันสวยงามแปลกตา หรือ โบสถ์ San Giusto ที่ถูกสร้างในสมัยยุคกลางด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ไบแซนไทน์ที่งดงาม



ในเช้าวันที่ 8 ช่วงปลายของทริปนี้ เราจะพาคุณออกจาก Italy มุ่งหน้าสู่ Slovenia ผ่าน Julian Apls เพื่อไปยัง Lake Bled ทะเลสาบบนเทือกเขาที่มีปราสาทตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำ ดูสวยงามโดดเด่นราวกับภาพวาด จากนั้นเราจะเดินทางต่อไปยัง Ljubljana เมืองขนาดเล็ก ที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลเมืองหนึ่งของ Slovenia ชมสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโวอันงดงาม พร้อมกับดื่มด่ำไปกับบรรยากาศแสนสบายรอบตัวเมือง



พักค้างคืนบนรถไฟ ณ เมือง Postojna และในตอนเช้าเราจะพาคุณเข้าชมถ้ำ Postojna แบบส่วนตัว โดยถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำหินปูนที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำใต้ดิน จนกลายเป็นถ้ำขนาดใหญ่ ที่มีเส้นทางภายในยาวกว่า 24 กิโลเมตร และ ประดับประดาด้วยหินงอกหินย้อยที่สวยงามหลากหลายรูปแบบจนได้รับฉายาว่า "ราชินีแห่งถ้ำ" ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปทางใต้ข้ามทะเลสาบ Venice Lagoon และ เข้าสู่ Grand Canal ของเมือง Vanice ประเทศ Italy จุดหมายปลายทางที่คุณจะลงจากรถไฟเพื่อเข้าพักใน Baglioni Hotel โรงแรมห้าดาวชื่อดังที่ตั้งอยู่ในพาลาซโซสไตล์เวนิสสมัยศตวรรษที่ 12 ซึ่งจะทำให้คุณสามารถดื่มดํ่าความงดงามของ Grand Canal ได้อย่างเต็มที่


Rocky Mountaineer
​World Travel Awards World’s Leading Travel Experience by Train 2022

Rocky Mountaineer เป็นรถไฟที่มีชื่อเสียงอันดับโลกที่ให้ความรู้สึกเหมือนการเดินทางด้วยยานพาหนะแห่งโลกอนาคต เคลื่อนผ่านภูมิประเทศที่ชวนให้หลงใหลของแคนาดาตะวันตก และ อเมริกาตะวันตกเฉียงใต้ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่การเดินทางผ่านพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยการเดินเท้า รถยนต์ หรือรถโค้ช เช่นผ่านข้างนํ้าตกที่สูงตระหง่าน หรือผ่านหุบเขาที่งดงาม แม้ว่าแต่ละเส้นทางรถไฟจะแตกต่างกันไปตามกำหนดการเดินทางที่เลือก สิ่งที่คุณจะได้รับไม่ว่าคุณจะเลือกกำหนดการเดินทางแบบไหนคือการพักผ่อนอย่างเต็มที่ วิวทิวทัศน์ที่งดงาม อาหารแสนอร่อย และการบริการระดับห้าดาวตลอดการเดินทาง


รูปที่นั่งแบบ Golden Leaf

โปรแกรมที่แนะนํา : Discovery Banff Circle Journey 8 คืน 5 เมือง
ช่วงเวลาเดินทาง : 17 – 24 เมษายน 2023 
สถานที่ในเส้นทางการเดินทาง :
​Day 1 : Vancouver
​Day 6 : Banff​
Day 2 : Vancouver to Kamloops
​Day 7 : Banff to Kamloops
​Day 3 : Kamloops to Jasper
​Day 8 : Kamloops to Vancouver
​Day 4 : Jasper
​Day 9 : Vancouver
​Day 5 : Jasper to Banff

​ราคาเริ่มต้น : USD $9,952 ต่อคน หรือ ประมาณ 344,040 บาท
ตารางการเดินทางทั้งหมด : www.rockymountaineer.com

เส้นทางนี้เป็นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศแคนาดา ที่ใช้เวลาบนรถไฟได้อย่างพอดี พร้อมให้คุณชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามผ่านรถไฟ แวะสัมผัสจุดหมายปลายทางของแต่ละที่ และ นอนพักที่โรงแรมหรูในตัวเมือง Kamloops, Jasper และ Banff เช่น Delta Hotels by Marriott, Double Tree by Hilton, Wingate by Wyndham หรือ The Plaza Hotel (โรงแรมที่ได้ขึ้นอยู่กับราคาห้องที่คุณเลือกตอนจองทริป)



เริ่มต้นเส้นทางอันหรูหราที่เมือง Vancouver ไปยัง Kamloops ซึ่งตั้งอยู่ใจกลาง British Columbia โดยคุณจะได้สัมผัสการเปลี่ยนแปลงของทิวทัศน์อันสวยงามจากทุ่งหญ้าเขียวขจีของ Fraser Valley ผ่านป่า และ หุบเขาที่คดเคี้ยว ไปจนถึงภูมิประเทศที่เหมือนทะเลทรายใน British Columbia โดยไฮไลท์ของเส้นทางนี้ คือ สายนํ้าที่ไหลเชี่ยวของ Hell’s Gate และ ชายฝั่งของทะเลสาบใน Kamloops อันแสนสงบ



ต่อจาก Kamloops เราจะพาคุณขึ้นเหนือไปยัง Jasper ผ่านเทือกเขา Rocky Mountains อันยิ่งใหญ่ไปจนถึง Alberta เมืองที่เต็มไปด้วยทัศนียภาพอันน่าทึ่งของแม่น้ำ และ ภูเขาชื่อดังมากมายไม่ว่าจะเป็น Monashee, Cariboo, Continental Divide รวมไปถึง Mount Robson ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาร็อกกี้ของแคนาดา ก่อนที่รถไฟจะนำคุณเข้าสู่อุทยานแห่งชาติใน Jasper หนึ่งในมรดกโลกของยูเนสโก้ ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์นั่นเอง โดยที่นี่เราจะลงจากรถไฟเพื่อเข้าพักที่โรงแรม Fairmont Jasper Park Lodge ซึ่งตั้งอยู่ภายในอุทยาน

ในวันต่อมาออกเดินทางจาก Jesper โดยรถโค้ชเพื่อเดินทางต่อไปยัง Banff ผ่านทางหลวง Icefields Parkway ซึ่งเป็นหนึ่งในทางหลวงที่สวยงามที่สุดในโลกเลยทีเดียว โดยเป็นแหล่งนํ้าแข็งที่ใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของ Arctic Circle และ เป็นหนึ่งในทุ่มน้ำแข็งไม่กี่จุดที่เข้าถึงได้นั่นเอง เมื่อมาถึงตัวเมือง Banff คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การขึ้นกระเช้าไปยังยอดเขาซัลเฟอร์ ไปจนถึงการผ่อนคลายด้วยการแช่บ่อนํ้าพุร้อน เป็นการพักผ่อนก่อนที่คุณจะขึ้นรถไฟจาก Banff เพื่อเดินทางไปยัง Kamloops และ กลับไป Vancouver เป็นการสิ้นสุดเส้นทาง

เรียกได้ว่าเป็นทริปยาวที่จะทำให้คุณได้เต็มอิ่มกับบรรยากาศของหลากหลายเมืองตลอดเส้นทาง อีกทั้งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และ การบริการระดับมืออาชีพ การันตีด้วยรางวัลมากมายที่ได้รับ แต่นอกจากเส้นทางที่เราหยิบยกมานั้น ยังมีอีกหลายโปรแกรมที่น่าสนใจที่คุณสามารถเลือกทางได้ตามความชอบ แต่มั่นใจได้เลยว่าการเดินทางครั้งนี้จะกลายเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวที่พิเศษยิ่งกว่าที่เคย

 ​



กลับ