Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

​        การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นหนึ่งในเส้นทางการเพิ่มความมั่งคั่งที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย แต่จากสถิติการลงทุนในตลาดหุ้นพบว่ามีนักลงทุนเพียง 5 - 10% เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนระยะยาว เพื่อให้เราสามารถเข้าใกล้ความสำเร็จได้เร็วขึ้น เปรียบดั่งการเปิดประตูสู่ความมั่งคั่ง Specia Report ในวันนี้ จึงขอนำแนวคิด และ แนวทางการลงทุนของ 3 นักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จระดับโลกกัน 




คุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์
นักลงทุนผู้มั่งคั่งและมีความสุข 

        ชื่อหนึ่งที่ไม่เคยหายไปเลยจากบทสนทนาของการลงทุน คือ คุณปู่วอร์เรส บัฟเฟตต์ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบันคุณปู่ถือครองมูลค่าพอร์ตการลงทุนมากกว่า 120 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.93 แสนล้านล้านบาท และ สามารถสร้างกำไรเฉลี่ยของพอร์ตที่ลงทุนมากกว่า 20% ต่อปี ทำผลตอบแทนชนะตลาดมาอย่างยาวนาน โดยลงทุนผ่านบริษัท Berkshire Hathaway ที่เขาเป็นเจ้าของ ซึ่งบริษัทมีการลงทุนหลากหลายประเภทธุรกิจ ตั้งแต่ทำขนม ค้าปลีก จนไปถึงการให้บริการด้านสาธารณูปโภคเกี่ยวกับไฟฟ้าและแก๊สฯ



หลัก 3 แนวคิดวิธีการเลือกหุ้น
ที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ใช้มาตลอดชีวิต

    • เลือกลงทุนในธุรกิจที่มีความเข้าใจ และ มองออกว่าจะทำเงินได้อย่างไรในอนาคตข้างหน้า เช่น หุ้น Apple เป็นแบรนด์ติดตลาด เป็นผู้นำนวัตกรรม ที่กำลังมีโอกาสเติบโตจาก 5G ควบคู่กับการเติบโตในธุรกิจบริการ ปัจจุบัน วอร์เรน บัฟเฟตต์ ถือหุ้นในพอร์ตมากกว่า 900 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 50% ของพอร์ตหุ้นทั้งหมด
    • เลือกหุ้นที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน หรือ มีสิ่งที่เรียกว่า MOAT (อาจจะเป็นของที่เรากินใช้อยู่เป็นประจำและมักนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ ) เช่น Coca-Cola เพราะว่า คนที่ดื่มโค้กก็ยังนิยมดื่มโค้กอยู่ ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
    • ซื้อหุ้นดีที่ราคาเหมาะสม หรือ ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง โดยมองข้ามความผันผวนในระยะสั้น เช่น American Express, Wells Fargo, Gillette, P&G, IBM และ Bank of America เป็นต้น ทั้งนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังให้ความสำคัญกับความสามารถและคุณธรรมของผู้บริหาร หากมีครบทั้ง 2 ข้อก็มักจะถือหุ้นเหล่านั้นโดยไม่คิดจะขายออกเลย
แนวคิดการลงทุนสไตล์นี้ เหมาะกับนักลงทุนที่เน้นลงทุนระยะยาว ลงทุนหุ้นคุณค่า (Value Investor) คัดเลือกหุ้นที่ดีมีราคาเหมาะสม อดทนรอซื้อได้และไม่สนใจราคาที่ผันผวนระหว่างทาง 

ผลตอบแทนกองทุน Berkshire Hathaway เทียบ ดัชนี S&P500




เรย์ ดาลิโอ
ผู้เขียนหนังสือการลงทุนที่โด่งดัง
และเป็นผู้บริหารเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่สุดในโลก

        เจ้าของผลงานการเขียนหนังสือหลักการลงทุนขายดีที่สุดอย่าง Principles , Big Debt Crises และ The Changing world order ที่ให้ประโยชน์กับนักลงทุนอย่างมากกับการเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลกและเศรษฐกิจ รวมถึงเป็นผู้ก่อตั้งและบริหารกองทุน Bridgewater Associates ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกองทุนหนึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518



ผลงานที่โดดเด่นของเรย์ 

    • ปฏิวัติการบริหารความเสี่ยงการลงทุนที่แตกต่างจากเดิม มีการเก็บ Data และ สร้าง Model เพื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ เช่น ตอนที่  McDonalds ลูกค้าของเขามีความกังวลราคาเนื้อไก่ เรย์ได้ใช้สัญญาซื้อขายข้าวโพดและถั่วเหลืองล่วงหน้าผ่านการคำนวณเพื่อกำหนดต้นทุนเลี้ยงไก่ ทำให้ความกังวลเรื่องความเสี่ยงขาดทุนหมดไป
    • ยุคฟองสบู่ดอทคอม หลายๆ กองทุนต้องพบกับปัญหาขาดทุนอย่างมหาศาล แต่กองทุน Bridgewater กลับยังทำผลตอบแทนได้ดี
    • เคยออกเตือนนักลงทุนลงว่าจะเกิดวิกฤตใหญ่อย่างวิกฤติแฮมเบอเกอร์ ทำให้หลาย ๆ คนรอดจากวิกฤติมาได้ ในขณะที่หลายกองทุนเฮดจ์ฟันด์ขาดทุนย่อยยับ ครั้งนั้น ดัชนี S&P 500 ลงกว่า -56% แต่กองทุนของ Bridgewater กลับทำผลตอบแทนได้ 9% ในปีนั้น


        จากความแม่นยำในการคาดการณ์วิกฤติที่เรย์ออกมาเตือน ทำให้คำแนะนำของเขามีผลต่อการตัดสินใจในการออกกฏหมายและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และ นักลงทุนทั่วโลกต่างก็ให้ความสำคัญกับคำแนะนำของเขารวมถึงใช้เป็นแนวทางการลงทุน


 


แนวคิดการลงทุนจัดพอร์ตเอาชนะตลาด
สไตล์เรย์ : All Weather Portfolio 

        แนวคิดการลงทุนของเรย์ออกแบบมาเป็นพอร์ตลงทุนที่เน้นควบคุมความผันผวนให้ต่ำ เพื่อให้เหมาะกับทุกสภาวะเศรษฐกิจ โดยมีลักษณะคล้ายกับการจัดพอร์ตแบบ Passive ที่ไม่เน้นสร้างผลตอบแทนชนะตลาด นักลงทุนจึงไม่ต้องปรับสัดส่วนบ่อยหรือเปลี่ยนกลยุทธ์ตามภาวะตลาด อย่างไรก็ตาม All-Weather Portfolio เน้นมีสัดส่วนตราสารหนี้เป็นส่วนใหญ่ที่สุดของพอร์ต 
แนวคิดการลงทุนสไตล์นี้ เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามตลาด แม้อาจจะสร้างผลตอบแทนไม่โดดเด่น แต่ได้ความสบายใจในการลงทุนระยะยาว

ตัวอย่าง All-Weather Portfolio
ตราสารหนี้ 55% หุ้น 30% สินค้าโภคภัณฑ์ 5% ทองคำ 10% (*)

ผลลัพธ์ของพอร์ตลงทุน All Weather Portfolio (ณ 31 มีนาคม 2566) ผลตอบแทน (เฉลี่ยต่อปี)
ระยะเวลา
ผลตอบแทน
30 ปี
7.28%
20 ปี
6.84%
10 ปี
4.62%
5 ปี
4.50%
3 ปี
2.15%
1 ปี
-10.05%
6 เดือน
8.44%


(*) สัดส่วนการลงทุนอาจปรับเปลี่ยนได้ ถ้ารับความเสี่ยงได้สูงก็อาจลดสัดส่วนตราสารหนี้และทองคำ เพิ่มสัดส่วนหุ้นซึ่งอาจเน้นไปยังอุตสาหกรรมที่มองเห็นโอกาสในระยะยาวและรับความเสี่ยงได้ 



บิล เกตต์ เจ้าพ่อ Microsoft 
ผู้ครองสถิติคนรวยที่สุดในโลกมากถึง 18 ปี 

        เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักระบบปฏิบัติการ Microsoft และ Windows เป็นอย่างดีจากการใช้งานในชีวิตประจำวันอีกทั้งเป็นผู้นำธุรกิจคลาวด์ของโลก ยากที่จะหาคู่แข่งเทียบได้ รายได้ของบิล เกตส์ส่วนใหญ่แล้วมาจากหุ้นของ Microsoft เป็นหลัก ซึ่งปัจจุบัน Microsoft ทำธุรกิจที่หลากหลายไม่เพียงแค่ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ แต่ยังมีสินค้าและบริการประเภทอื่น มี 3 ธุรกิจหลัก คือ  

    • Intelligent Cloud : ให้บริการระบบเซิฟเวอร์และ cloud ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลักชื่อว่า Azure ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว จน Microsoft ก้าวขึ้นมาครองอันดับ 2 ของตลาด cloud ทั่วโลก
    • Productivity and Business Processes : ให้บริการซอฟต์แวร์และ cloud ทั้งระบบในออฟฟิศและใช้ในเชิงพาณิชย์ รวมไปถึง LinkedIn
    • More Personal Computing : มีรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ Windows และ cloud รวมถึงฮาร์ดแวร์



        ซึ่งจุดเด่นหลักของการสร้างรายได้ของ Microsoft คือ มีการกระจายสัดส่วนรายได้ไปใน 3 ธุรกิจในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงต่ำในแง่ของการกระจุกตัวของรายได้และสินค้าและบริการของบริษัทบางชนิดอยู่ในสถานะที่ผูกขาดในบางธุรกิจ เช่น Windows ที่คอมพิวเตอร์มากกว่า 80% ใช้งาน และ Microsoft Office ที่องค์กรเกือบทั่วโลกใช้ในการทำงานเช่นกัน



แนวคิดการลงทุนเน้นกระจายความเสี่ยง
และลงทุนในนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม 

        แม้ บิล เกตต์จะเป็นผู้ก่อตั้ง Microsoft แต่เขาก็มีการลงทุนในบริษัทคู่แข่ง อย่าง Alphabet และ พอร์ตของการลงทุนมีการกระจายความเสี่ยงถือหุ้นมากกว่า 20 ตัว เช่น
    • Berkshire Hathaway : Holding company ที่มีการกระจายการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย ซื้อหุ้นดีในราคาที่เหมาะสมซึ่งเจ้าของธุรกิจ คือ เพื่อนสนิทของเขา วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนผู้มั่งคั่งที่ได้กล่าวไปข้างต้น
    • Caterpillar : เดิมบริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรสำหรับการก่อสร้าง ทำเหมืองแร่ เครื่องยนต์ดีเซลและก๊าซธรรมชาติ แต่ปัจจุบันเริ่มหันมาลงทุน วิจัยพัฒนาเทคโนโลยีมากขึ้น เช่น เครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซอฟแวร์การจัดการระบบขนส่ง ระบบรถบรรทุกไร้คนขับ รวมถึงเป็นผู้จัดจำหน่าย (Dealer) ชิ้นส่วนยานยนต์ให้กับหลายบริษัท ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจของบริษัทช่วยเพิ่มกำลังการขนส่งให้รวดเร็ว ทันเวลาได้ดียิ่งขึ้น
    • Ecolab : บริษัทวิจัยพัฒนาทางด้านความสะอาด ความปลอดภัยทางด้านอาหาร โดยเฉพาะ “น้ำ” ปัจจุบันบริษัทสามารถวิจัยการบำบัดน้ำเพื่อใช้ในครัวเรือน และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่ยากแก่การหาแหล่งน้ำดิบ การบำบัดน้ำในพื้นที่ภาคธุรกิจเช่น ร้านอาหาร โรงแรม หรือแม้แต่โรงพยาบาล
    • UPS : บริษัทขนส่งสินค้าและไปรษณีย์เอกชนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา มีสาขาอยู่ทั่วโลก มีการส่งพัสดุมากถึง 15 ล้านชิ้นต่อวัน การเติบโตของ E-commerce และ Online retail ในปัจจุบันหนุนให้บริษัทมีวอลุ่มที่โตขึ้น เป็นต้น 

        โดยสรุปหลักการเลือกหุ้นของบิล เกตต์ จะเน้นกระจายการลงทุนเลือกหุ้นที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมไปในทางที่ดีขึ้นและมีการเติบโตต่อเนื่องของกำไรบริษัทจดทะเบียน
แนวคิดการลงทุนสไตล์นี้ เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างสูง แต่ให้ความสำคัญกับการควบคุมความเสี่ยงของการกระจุกตัวในธุรกิจโดยลงทุนในหลายบริษัท และ เลือกกลุ่มที่เน้นเทรนด์นวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นหลัก

หลักการประสบความสำเร็จที่เหมือนกันของนักลงทุนชื่อดังทั้ง 3
    • มี Passion เรื่องการลงทุน รักในงานที่ทำ ทำในสิ่งที่ชอบ
    • สนใจศึกษาหาความรู้เรื่องการลงทุน และ งานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆอย่างสม่ำเสมอ พยายามเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมเหล่านั้น
    • ลงมือทำจริง ล้มแล้วลุก ปรับปรุง พัฒนา เอาความผิดพลาดที่ผ่านมาเป็นจุดแข็งให้กับตนเอง
    • รับฟังความเห็นของคนที่มีความเชี่ยวชาญ ศึกษาเพิ่ม ความเสี่ยงจากความไม่รู้และผิดพลาดจะน้อยลง



มุมมองของสุดยอดนักลงทุนทั้ง 3 กับแนวทางในปี 2567 

วอร์เรน บัฟเฟตต์ : 
    • มองว่าปีนี้ยังมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสูง คาดว่าจะมีวิกฤตเศรษฐกิจเกิดขึ้นอีก เลือกถือเงินสด ลดพอร์ตหุ้นที่มีมูลค่าที่แพงเกินไป และ รอซื้อหุ้นที่ดีราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นในช่วงภาวะที่เกิดวิกฤต
    • เห็นโอกาสการลงทุนในบริษัทน้ำมัน มองว่า น้ำมันยังเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลกและสงครามและการรุกรานระหว่างยูเครนของรัสเซียส่งผลกระทบต่ออุปทาน แม้ว่ารัฐบาลต่างๆ จะผลักดันให้เปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด
    • สาเหตุที่ไม่เข้าลงทุนในหุ้นกลุ่ม AI เพราะไม่ได้เข้าใจในธุรกิจมากนัก 

เรย์ ดาลิโอ : 
    • ปีนี้มีปัจจัยที่สำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจค่อนข้างมากจากที่จะมีการเลือกตั้งกว่า 60 ประเทศซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจ 
    • มีสถานการณ์ 5 ประการที่อาจเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก คือ 1. ระบบการจัดการด้านการเงินและหนี้สิน, 2. ความขัดแย้งภายในประเทศ, 3. ความขัดแย้งทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ, 4. ความเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติ, และ 5. การพัฒนาทางเทคโนโลยี 
    • ควรมีการกระจายการลงทุน เลือกลงทุนในภูมิภาคที่เหมาะสมประเมินผลกระทบของเทคโนโลยีที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และ เลือกประเภทสินทรัพย์ที่มีความสำคัญในการสร้างหรือใช้เทคโนโลยีใหม่ พร้อมเพิ่มความระมัดระวังราคาหุ้นในตลาดอาจจะมีมูลค่าสูงเกินไปแล้วในปัจจุบัน 

บิล เกตต์ : 
    • มองเห็นโอกาสการลงทุนจากการเติบโตของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการลงทุนแก้ปัญหาความเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ นวัตกรรมเกี่ยวกับพลังงานทางเลือก 

บทความโดย
กานต์พิชชา แดงพิบูลย์สกุล AFPT
K WEALTH Trainer

กองทุนแนะนำที่เกี่ยวข้อง

สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงสูง 
K-HIT-A(A) 

        ลงทุนก้าวทันโลก โตตาม Megatrends  ที่สามารถสร้างผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คน ในระยะเวลา 20 – 100 ปี ข้างหน้า จากการคัดเลือกลงทุนผ่านธีมภายใต้ Megatrends 5 - 7 ธีม และ เปลี่ยนธีมอย่างน้อย 1-3 ธีม ในทุกๆปีเพื่อให้ทันต่อเทรนด์ใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ
อ่านรายละเอียดกองทุน
ซื้อกองทุนบน K PLUS



K-CHANGE-A(A)

ลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่สร้างผลเชิงบวกต่อสังคม มุ่งเปลี่ยนแปลงโลกอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายของ UN พร้อมโอกาสสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ
อ่านรายละเอียดกองทุน
ซื้อกองทุนบน K PLUS



สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงต่ำ-ความเสี่ยงสูง
Wealth PLUS

        เพื่อโอกาสสร้างความมั่งคั่งให้ทุกแผนการลงทุนเป็นจริงได้ แม้ในภาวะตลาดผันผวน ด้วย Wealth PLUS ที่ช่วยให้การลงทุนง่ายขึ้น เลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่คุณรับได้ และกำหนดแผนการลงทุนได้เองในแบบคุณ
อ่านรายละเอียดผลิตภัณฑ์


 

กลับ