Display mode (Doesn't show in master page preview)
Turn on more accessible mode
Skip Ribbon Commands
Skip to main content
Turn off Animations

นที พานิชชีวะ กับ mindset การลงทุนแบบหว่านพืชหวังผล รับโอกาสและผลตอบแทนระยะยาว

นที พานิชชีวะ กับ mindset การลงทุนแบบหว่านพืชหวังผล รับโอกาสและผลตอบแทนระยะยาว

​​​        ​เมื่อความสำเร็จ ไม่สามารถวัดผลได้ในเวลาอันสั้น การลงทุนก็เช่นกัน “โอกาสในระยะยาว” อาจจะเป็นคำตอบที่ดีของใครหลายๆ คน เช่นเดียวกับ คุณนที พานิชชีวะ ประธานกรรมการ บริษัท ไพบูลย์ธุรกิจ จำกัด นักธุรกิจผู้มากประสบการณ์ที่มองเห็นโอกาสจากการลงทุนระยะยาว แม้ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของโลกที่มีความผันผวนอย่างมากก็ตาม กลายเป็นที่มาของการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท อย่าง “โครนอส” (Kronos) อาคารสำนักงานระดับ Ultra Luxury บนถนนสาทรเหนือ ย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ



คุณนที พานิชชีวะ ประธานกรรมการ บริษัท ไพบูลย์ธุรกิจ จำกัด

จากธุรกิจครอบครัว สู่มุมมองการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

        หากย้อนเรื่องราวของการเป็นนักธุรกิจของคุณนที ถือว่าเป็นเจนเนอเรชันที่ 2 ของธุรกิจครอบครัวตระกูลพานิชชีวะ โดยเริ่มต้นจากอุตสาหกรรมการผลิต ก่อนที่จะขยับเข้าสู่อุตสาหกรรมบริการด้านประกันภัยและการเงิน เนื่องจากหลังวิกฤตปี 2540 ที่เริ่มเห็นถึงการเปลี่ยนยุคของอุตสาหกรรม จากภาคการผลิตมาเป็นยุคอุตสาหกรรมบริการ นับตั้งแต่นั้น ธุรกิจประกันภัยและการเงิน จึงกลายเป็นเรือธงของธุรกิจครอบครัวมาจนถึงปัจจุบัน 

        ส่วนการก้าวเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น คุณนทีมองว่า โดยส่วนมากของคนเอเชียมักให้ความสำคัญกับอสังหาริมทรัพย์ จะเห็นได้จากทุกบริษัทต้องมีออฟฟิศของตัวเอง ด้วยความที่มีที่ดินแปลงนี้ซื้อไว้นานแล้ว และขณะนั้นช่วงปี 2561 เห็นว่าดีมานด์ด้านธุรกิจการให้เช่าออฟฟิศมีค่อนข้างสูง ในขณะที่ซัพพลายยังน้อยอยู่ จึงเห็นโอกาสของการลงทุน 

        “ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ สร้างให้เช่า กับ สร้างขาย จุดเด่นของการสร้างขายคือ เห็นผลตอบแทนเร็ว ส่วนการสร้างให้เช่าจะเป็นลักษณะน้ำซึมบ่อทราย ค่อย ๆ เก็บไป จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจดีก็ได้คืนเร็ว ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีอาจจะได้คืนช้าหน่อย สำหรับผมมองระยะยาว มันมี Cycle มีขึ้นมีลง ถ้าเรามองระยะยาว รุ่นลูก ๆ เขาก็อาจจะได้เก็บเกี่ยว อาจจะไม่ใช่ที่รุ่นเราก็ได้”



บทเรียนจากสิ่งไม่คาดคิด กับการปรับ Mindset รับมือความไม่แน่นอน

        แม้วันนี้ภาพเบื้องหน้าของโครนอสที่ทุกคนมองว่าสวยหรู แต่จริงแล้วต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก เพราะโครนอสเกิดขึ้นมาในจังหวะของโควิด-19 กำลังระบาดอย่างรุนแรง ณ วันนั้นที่คุณนทีเลือกจะเดินหน้าต่อ เพราะเชื่อในเรื่องการลงทุนระยะยาว เมื่อมีลงก็ต้องมีขึ้นแน่นอน เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก 

        “ตอนนั้นที่เราทำการศึกษาตลาด พบว่าดีมานด์มีมาก ซัพพลายมีน้อย คิดว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสำหรับลงทุน แต่กลายเป็นว่ามีโควิด-19 เข้ามา เป็นอะไรที่เรานึกไม่ถึง และจากวิกฤตที่เกิดขึ้นก็สร้างให้เกิดพฤติกรรมใหม่ คือ เทรนด์การทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) รวมถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจ การเกิดสงคราม ทุกอย่างกระทบเป็นลูกโซ่ไปหมด ส่งผลกระทบต่อการใช้พื้นที่ ทำให้ยอดความต้องการของลูกค้าหายไป 20 - 30%”



        สิ่งที่ได้เรียนรู้จากวิกฤตที่เกิดขึ้นของคุณนที คือ การแก้ปัญหาเป็นสิ่งสำคัญ ต้องคิดว่าจะปรับตัวอย่างไร เพื่อจะประคองตัวไปให้ถึง Cycle ใหม่ให้ได้ โดยสถานการณ์ของธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าเชื่อว่า ในปี 2567 จะยังไม่ฟื้นตัวมากนัก แต่ทิศทางน่าจะเริ่มกลับมาดีได้คือ ช่วงปี 2568 ที่ดีมานด์ของผู้บริโภคจะกลับมา แม้ว่าซัพพลายที่จะมีเพิ่ม จากโครงการต่าง ๆ ที่เคยหยุดไปในช่วงโควิด-19 จะกลับมาทำต่อ และ จะทำให้เกิดการแข่งขันดึงลูกค้านั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่กล่าวมาต้องอยู่ภายใต้การคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจจะกลับมาดีตามวัฏจักรทางเศรษฐกิจ 

        อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ ต่อจากนี้ไปการคาดการณ์อนาคตจะเป็นสิ่งที่ทำได้ยากขึ้น เพราะความไม่แน่นอนและความผันผวนจะมีเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ต่อไปจะเรียกว่าเป็นยุคของการแก้ปัญหาก็ว่าได้ ทุกคนจำเป็นที่จะต้องมองเรื่องของการ Diversify มากขึ้น ทั้งหมดนี้คือโจทย์ที่นักธุรกิจต้องปรับตัวให้ทัน


คุณนที และ ครอบครัว 

ปูทางอนาคต ต่อยอดด้วยคนรุ่นใหม่ 

        เมื่อถามถึงการวางแผนธุรกิจในอนาคต ผู้บริหารรุ่นเก๋าอย่างคุณนที เริ่มมองถึงการส่งต่อสู่ทายาทที่เป็นเจนเนอเรชันใหม่ๆ ให้เข้ามาช่วยต่อยอดในอนาคต แน่นอนว่า การส่งไม้ต่อจากรุ่นสู่รุ่นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นเรื่องของ Generation Gap หรือ ความต่างระหว่างวัย จึงต้องพยายามทำให้เป็นเหมือนทีมฟุตบอล ที่เปรียบคนรุ่นเก่าเป็นเหมือนกองหลัง ประสบการณ์สูง อ่านเกมออก ส่วนคนรุ่นใหม่เหมือนกับกองหน้า ที่เน้นลุยเร็ว กล้ายิง หากสามารถทำให้กองหน้าและกองหลังเล่นประสานกันได้ ก็จะกลายเป็นทีมที่ Perfect ได้ สิ่งสำคัญ คือ การเปิดใจยอมรับฟังซึ่งกันและกันนั่นเอง 

        “สำหรับอนาคตของธุรกิจนี้ที่เราเรียกว่า น้ำซึมบ่อทราย เป็นธุรกิจที่เหนื่อยในตอนช่วงแรก แต่ระยะยาวจะเป็นโอกาส ซึ่งก็เป็นโจทย์ให้คนรุ่นใหม่ต้องคิดต่อแล้วว่า จะเอาสิ่งที่มีอยู่นี้ไปต่อยอดอย่างไร ไม่ใช่ทำซ้ำแบบเดิม อาจจะมีเรื่องของ Event marketing ที่มาต่อยอด ที่ไม่ใช่การให้เช่าเป็นออฟฟิศอย่างเดียว”



ผสานประสบการณ์เก่า สร้างจุดขายใ​ห้ธุรกิจ 

        ด้วยความโดดเด่นของงานสถาปัตยกรรมที่ออกแบบให้มีนาฬิกาขนาดใหญ่บนยอดตึก ซึ่งมาจากแรงบันดาลใจเมื่อครั้งเดินทางไปเมืองแมนฮัตตัน และได้เห็นอาคารอายุนับ 100 ปี ที่ยังคงความสวยงามไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม ประกอบกับแนวคิดที่ว่าศูนย์กลางของเมืองต้องมีหอนาฬิกา จึงเป็นที่มาของชื่อ “โครนอส” (Kronos) ซึ่งเป็นชื่อของเทพแห่งกาลเวลาของกรีกนั่นเอง



        ถึงตรงนี้ คุณนทียังบอกย้ำด้วยว่า ความโดดเด่นและแตกต่างของโครนอสที่จะทำให้สามารถแข่งขันและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ไม่ได้อยู่ที่เรื่องของการออกแบบเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้
    • Efficiency และ Infrastructure ผ่านทางการออกแบบโดยไม่มีเสาตรงกลาง ก็เพื่อช่วยให้การจัดวางมีประสิทธิภาพและสามารถใช้งานได้เต็มที่
    • ระบบไอที โดยเลือกใช้ Fiber Optic CAT6 ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้อย่างแท้จริง
    • มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม เป็นอาคารประหยัดพลังงาน หรือ การมี EV Fast Charger หรือ สถานีชาร์จรถไฟฟ้าไว้รองรับ
    • ด้านสุขภาพ ดูแลด้วยระบบ Plasma และ UVC ฆ่าเชื้อทั้งไวรัสและแบคทีเรีย รวมถึงระบบการกรองฝุ่น PM 2.5 เพราะคำนึงถึงเรื่องของความปลอดภัยของคนที่ทำงานเป็นสำคัญ 



        นอกจากนี้ จากประสบการณ์ที่อยู่ในอุตสาหกรรมบริการมาก่อน ทำให้คุณนทีเลือกที่จะนำเอาเรื่องของบริการมาผสมผสาน เพื่อสร้างจุดขายในอีกรูปแบบให้กับโครนอสด้วยเช่นกัน 

        “ออฟฟิศให้เช่าส่วนใหญ่ อาจเน้นสร้างตึกแล้วก็ให้ผู้เช่าเข้ามา ไม่ต้องมีบริการอะไร แต่เราพยายามผูกบริการเข้าไปด้วย เช่น ทำบรรยากาศให้ลูกค้าที่เข้ามารู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ตั้งแต่มีคนคอยเปิดประตูต้อนรับ มีเสียงเพลงบรรเลง เพราะผมมองว่า จริงๆ แล้วที่ทำงานกับบ้านควรจะมีความรู้สึกเป็นอันเดียวกัน ถ้าเรามาทำงานแล้ว รู้สึกเหมือนอยู่บ้านก็คงจะดี” 

        ท้ายที่สุดนี้ แม้อนาคตจะบอกได้ยากว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง การพร้อมรับมือในทุกสถานการณ์ และการไม่กลัวกับปัญหา จะทำให้นักธุรกิจทุกคนก้าวข้ามความไม่แน่นอนไปได้อย่างแน่นอน


กลับ