Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

​​​​​​        ท่ามกลางบรรยากาศอันสวยงามของการเฉลิมฉลอง และ ผ่อนคลายรับลมสบาย ๆ ปลายปีเช่นนี้ เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับการหาร้านอาหารสวย ๆ และ อื่มอร่อยไปกับอาหารเลิศรส สร้างรอยยิ้มแห่งความสุขให้กับคุณและครอบครัวในช่วงท้ายปีเช่นนี้ ฉะนั้น Ultimate Leisure ในวันนี้จึงจะมาแนะนำทุกท่านกับร้านอาหารบรรยากาศดีในหลากหลายสไตล์ให้คุณได้เลือกเป็นร้านอาหารส่งท้ายปีกันค่ะ

อร่อยแบบเอาท์ดอร์ ดื่มด่ำบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา


The Verandah
Address : 48 ซอยบูรพา ถนนเจริญกรุง โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ | Map : google map
Facebook : Mandarin Oriental Bangkok | Open : ทุกวัน เวลา 06.30 – 23.00 น.

        เริ่มต้นด้วยร้านอาหารที่มีโซนเอาท์ดอร์ริมน้ำอย่าง ห้องอาหาร Verandah ของโรงแรม Mandarin Oriental ที่สามารถชมทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างเต็มที่ การตกแต่งของห้องอาหารแห่งนี้เป็นแบบ Alfresco หรือ การนั่งรับประทานอาหารแบบกลางแจ้ง เน้นการตกแต่งด้วยสีขาว น้ำตาล ดำ และ เขียวอ่อนให้ความรู้สึกสบายตา และถึงแม้จะเป็นการนั่งกลางแจ้ง แต่ก็ร่มรื่นด้วยต้นไม้ และ ชายคาที่ให้ร่มเงาได้อย่างดี นอกจากนี้ ยังมีมุมส่วนตัวที่แสนสงบไว้ให้บริการอีกด้วย​


        สำหรับอาหารของที่นี่ จะเน้นไปที่อาหารไทย และ อาหารตะวันตกแบบ All Day Dining โดยมีเมนูแนะนำ คือ ผัดไทยกุ้งแม่น้า และ Wagyu Rump Steak สเต็กเนื้อสะโพกวากิวเสิร์ฟพร้อมสลัด และซอสที่มีให้เลือก 3 ชนิด


Phra Nakhon
Address : 300/2 ถนนเจริญกรุง โรงแรมคาเพลลา ยานนาวา สาทร กรุงเทพ | Map : google map
Facebook : Phra Nakhon Bangkok​ | Open : ทุกวัน เวลา 06.30 – 23.00 น.

ถัดมากับห้องอาหาร Phra Nakhon ภายในโรงแรม Capella Bangkok โรงแรมสุดหรูที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สำหรับห้องอาหารแห่งนี้จะเสิร์ฟเมนูอาหารไทยแท้ ๆ ภายใต้บรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีการตกแต่งที่เรียบง่ายด้วย โต๊ะ และ เก้าอี้โทนสีขาว ดำ ให้ความร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ที่มากมาย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพาครอบครัวมานั่งรับประทานอาหารพร้อมชมวิวแม่น้ำตอนพระอาทิตย์ตก



      อาหารไทยขึ้นชื่อของที่นี่จะเน้นไปที่เมนูที่มีรสชาติจัดจ้าน และ การผสมผสานวัตถุดิบสุดพรีเมี่ยมต่าง ๆ ซึ่งทำได้อย่างลงตัว สำหรับเมนูอาหารของห้องอาหารนี้นั้นจะมีทั้งเมนูแบบ A La Carte และ เมนูแบบ Set โดยเมนูที่จะมาแนะนำในครั้งนี้ จะเป็นเมนู Set แบบ Sharing Menu ที่ประกอบด้วยเมนูอาหารคาว และ หวานรวมกว่า 10 รายการ ไม่ว่าจะเป็น กุ้งรวนพริกเผากับปลาสลิดทอดกรอบ, ต้มนำกุ้งแม่น้ำอยุธยากับเห็ดนางฟ้าน้ำซาวข้าว และ ปลาหมึกน้ำปลาอบน้ำจิ้มตระไคร้หอม เป็นต้น เรียกได้ว่านอกเหนือจากบรรยากาศที่สวยงามแล้วนั้น สำหรับใครที่ชอบการรับประทานอาหารไทย โดยเฉพาะเมนูที่หาทานได้ยากแล้วล่ะก็ จะต้องถูกใจห้องอาหารแห่งนี้ และกลับมารับประทานอีกครั้งแน่นอนค่ะ

Rooftop ชมบรรยากาศมุมสูงพร้อมอาหารแสนอร่อย


Penthouse Bar + Grill
Address : 88 ถนนวิทยุ โรงแรมพาร์คไฮแอท ลุมพีนี ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร | Map : google map 
Facebook : Penthouse Bar + Grill | Open : ทุกวัน เวลา 11.30 – 22.00 น.

เปลี่ยนจากบรรยากาศริมน้ำ ขึ้นมา rooftop ชมทิวทัศน์เมือง และ แสงสีสวยงาม โดยสถานที่แรกที่จะมาแนะนำกัน คือ Penthouse Bar + Grill ที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรม Park Hyatt ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 โซน 3 ชั้น คือ โซนสำหรับรับประทานอาหารกับ สเต็กเฮาส์ชั้น 34 และในส่วนของบาร์ชั้น 35 กับ รูฟท็อปบาร์ชั้น 36 สำหรับการตกแต่งของที่นี่จะเน้นการตกแต่งด้วยโต๊ะไม้ และ โซฟาหนังสีน้ำตาล ให้บรรยากาศที่หรูหรามีระดับ 



สำหรับห้องอาหารสเต็กเฮาส์ท่านสามารถรับประทานอาหารด้านนอก รับชมวิวพระอาทิตย์ตกได้ทั้งฝั่งสาทร และ สีลม รวมไปถึงรับลมสบาย ๆ ของช่วงเวลาปลายปี โดยเมนูแนะนำในวันนี้จะเป็น Seafood Tower หรือ จานรวมซีฟู๊ดสดใหม่ ที่ประกอบไปด้วย ล็อบสเตอร์จากแคนนาดา, หอยเชลจากฮอกไกโด, กุ้งลายเสือ, หอยนางรม และ ปูยักษ์ ให้คุณได้เต็มอิ่มกับรสอร่อยที่ได้จากท้องทะเล หรือเมนูสำหรับสายเนื้ออย่าง Chateauburi and Tenderloin สเต็กเนื้อเสิร์ฟพร้อมกระเทียมอบที่ให้ความนุ่มลิ้น ตัดกับความชุ่มฉ่ำของเนื้อ และเมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ขอแนะนำให้ทุกท่านขึ้นไปดื่มด่ำวิวของกรุงเทพฯยามค่ำคืน และ เครื่องดื่มที่คุณชื่นชอบ ที่รูฟท็อปบาร์ด้านบนชั้น 36 ค่ะ


Yao Restaurant & Rooftop Bar
Address : 262 ถนนสุรวงศ์ โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร | Map : google map  
Facebook : Yao Restaurant & Rooftop Bar​ | Open : ทุกวัน จันทร์ - ศุกร์ เวลา 11.30 – 14.30 น. และ 18:00 - 22:00 น. และ เสาร์ - อาทิตย์ 11:30 - 17:00 น. และ 18:00 - 22:00 น.

ถัดมากับอีกหนึ่งรูฟท็อปบาร์กับ Yao Restaurant & Rooftop Bar ที่ตั้งอยู่บนชั้น 32 ของโรงแรม Bangkok Marriott Hotel the Surawongse เป็นห้องอาหารจีนโมเดิร์นผสมวินเทจ เน้นการตกแต่งด้วยไม้สีเข้ม และ โทนสีดำ ตัดความเข้มด้วยสีสรรค์ที่หลากหลายจากของตกแต่งต่าง ๆ ทำให้เกิดบรรยากาศที่หรูหรา และ คลาสสิค อีกทั้งยังสามารถชมทิวทัศน์อันสวยงามของกรุงเทพฯจากใจกลางเมือง 

​​

สำหรับเมนูอาหารของห้องอาหารแห่งนี้ ได้รังสรรค์ขึ้นโดยเชฟ บรูซ ฮุย เชฟเชื้อสายจีนแท้ ๆ ที่มีความถนัดในการทำอาหารพื้นบ้านของเซี่ยงไฮ้ และ การควบคุมไฟอันเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการทำอาหารจีน ซึ่งเมนูของที่นี่จะมีทั้งเมนูแบบ A La Carte และ Course Menu หลากหลายแบบ โดยที่จะมาแนะนำในวันนี้จะเป็น Tasting Set Menu ที่ประกอบไปด้วยปลาหม๊ะทอดซอสซีอิ๊วหวานสไตล์เซี่ยงไฮ้, ฮะเก๋ากุ้งถั่งเช่าและตับห่าน, ซุปข้นใส่มะระพร้อมเนื้อปูทาราบะ, เป๋าฮื้อตุ๋นในซอสสีทอง, บะหมี่กุ้งมังกรภูเก็ตซอสเต้าซี่, บวบและเนื้อปูจันทบุรีนึ่งซอสกระเทียม, ล็อบสเตอร์สายพันธ์ French Brittany เสิร์ฟคู่กับซอส Truffle Oil กับถั่วแระญี่ปุ่น และ แปะก๊วยกับไข่ขาวในนมอัลมอลด์ที่เสิร์ฟพร้อมคุ้กกี้อัลมอนด์ เรียกได้ว่ามีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายเมนู ที่รับประกันความอร่อยด้วยมาตรฐานระดับโรงแรม ยิ่งเป็นผู้ที่ชื่นชอบอาหารจีน และ ต้องการประสบการณ์การรับประทานมื้อค่ำท่ามกลางบรรยากาศสุดพิเศษด้วยแล้วย่อมไม่ควรพลาด

อิ่มอร่อยแบบส่วนตัว ด้วยบรรยากาศสุดหรูเอ็กซ์คลูซีฟ


La Casa Nostra
Address : 22 สาทรซอย 1 ทุ่งมหาเมฆ สาทร กรุงเทพมหานคร | Map : google map 
Facebook : La Casa Nostra​ | Open : ทุกวัน 11:30 - 00:00 น.

เปลี่ยนจากการอิ่มอร่อยภายใต้บรรยากาศเอาท์ดอร์ เข้ามาสู่อินดอร์แบบเอ็กซ์คลูซีฟและเป็นส่วนตัว ด้วยร้านอาหารที่มีบรรยากาศสวยงาม ซึ่งความไพรเวทที่จะหยิบมา
แนะนำในวันนี้จะเริ่มต้นจาก La Casa Nostra ร้านอาหารอิตาเลี่ยนย่านสาทร ที่เน้นการตกแต่งแบบ Rustic ที่หรูหราสบายตา เสริมบรรยากาศอบอุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ และ โทนสีขาว น้ำตาล กับ เทาอ่อน เมนูของที่นี่เน้นไปที่อาหารอิตาเลียน ที่มีทั้งเมนูคลาสสิค และ เมนูประยุกต์ที่รังสรรค์โดยเชฟ Nino Scognamillo เชฟชาวอิตาเลี่ยนมากประสบการณ์ที่ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบ ที่นำมาปรุงโดยคงรสชาติดั้งเดิมของวัตถุดิบเอาไว้ 


สำหรับเมนูที่ไม่ควรพลาดหากมารับประทานอาหารที่ร้านนี้เรียกได้ว่ามีมากมาย แต่ที่จะมาแนะนำในครั้งนี้จะประกอบด้วย Pecorino Sardo Grigliato ชีส Pecorino ย่างเสิร์ฟพร้อมมะเดื่อ และ นํ้าผึ้งจากต้นยูคาลิปตัส, Tortelli Cacio Pepe e Tartufo พาสต้าสอดใส้ชีส Ricotta ราดด้วยทรัฟเฟิล และซอสเนยกับพริกไทยดำ, Vitello Tonnato เนื้อลูกวัวอิตาเลี่ยนสไลด์บางราดซอสทูน่า และคาเวียร์รมควัน สุดท้ายกับ Arragosta Reale ล็อบสเตอร์จากรัฐเมนย่างเสิรฟ์คู่กับฟัวกราส์คาเวียร์ Avruga และ เห็ดทรัฟเฟิลดํา ที่สําคัญที่นี่ยังมีไวน์ชั้นเยี่ยมจากทั่วโลกให้เลือกนับร้อย ๆ ขวด พร้อมห้องห้องส่วนตัวไว้บริการเพื่อความเอ็กซ์คลูซีฟในการรับประทานอาหารได้มากยิ่งขึ้น โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (แต่มี Minimum Spendนะคะ)


Nusara
Address : 22 ซอยท่าเตียน ถนนมหาราช พระบรมหาราชวัง พระนคร กรุงเทพ | Map : google map 
Facebook : Nusara​ | Open : พุธ - จันทร์ 17:00 - 21:00 น. ปิดวันอังคาร

สุดท้ายกับร้านอาหารไทยบรรยากาศเอ็กซ์คลูซีฟของเชฟต้น - ธอติกฏฐ์ ทัศนาขจร เชฟมากฝืมือชื่อดังจากร้าน Le Du ที่ได้เคยคว้ารางวัล Michelin Star 1 ดาว มาแล้ว ซึ่งสำหรับร้าน Nusara ร้านนี้เป็นร้านในรูปแบบของ Chef’s Table ที่ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคารที่มีอายุกว่า 200 ปี ในย่านท่าเตียน ภายในร้านตกแต่งด้วยบรรยากาศวินเทจที่หรูหรา ผสมผสานกับบรรยากาศของยุคสมัยเก่า เน้นโทนสีเขียวอ่อนสบายตา ตัดกับพื้นไม้สีเข้ม 



สำหรับอาหารของที่นี้นั้น เชฟต้นให้คำนิยามว่าเป็นเอาหารไทยสไตล์ปัจจุบัน หรือ อาหารไทยแท้ที่หาทานได้ยาก โดยมีความพิเศษมากขึ้นจากการที่ได้แต่งเติมรสชาติ และ สีสันใหม่ ๆ ขึ้นมา เน้นการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น และ ใช้วิธีการเสิร์ฟแบบ Fine Dining ที่จะค่อย ๆ เสิร์ฟแต่ละเมนูไล่ลำดับรสชาติจนครบทั้ง 12 คอร์ส ประกอบด้วยเมนูอย่าง ยำไข่ปลาเรียวเซียว, อ๋องปูอินทรีย์ แนม ข้าวมัน, แกงปูใบชะพลู, ต้มข่าปลาสลิดฟู รวมไปถึงของหวานไทย ๆ อย่างแตงโมปลาแห้งกับข้าวเหนียวมูน ซึ่งแต่ละเมนูนั้นผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันเพราะเชฟต้นให้ความสำคัญกับการเผยแพร่อาหารไทยเป็นอย่างมา และ อยากให้ทุก ๆ ท่านได้ลิ้มรสอาหารไทยที่หาทานยากแบบที่ไม่เคยได้ลองที่ไหนมาก่อนนั่นเอง



        แน่นอนว่า เมื่อรับประทานอาหาร และ มีบรรยากาศของการเฉลิมฉลอง เครื่องดื่มสดชื่น ๆ สักแก้ว หรือ แอลกอฮอล์รสชาติโปรดย่อมเป็นของคู่กัน แต่คงจะดีไม่น้อยหากคุณได้จะเพลิดเพลินเครื่องดื่มที่ชื่นชอบ ด้วยแคลลอรี่ต่อแก้วที่ไม่สูง และไม่รู้สึกผิดต่อสุขภาพมากนัก โดยเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์แคลลอรี่ต่ำ เช่น​

​Vodka Soda
(96 แคลลอรี่ / แก้ว
​Cosmopolitan
(100 แคลลอรี่ / แก้ว)
​Champagne
(122 แคลลอรี่ / แก้ว)
​Wine
(125 แคลลอรี่ / แก้ว)
​​Gin and Tonic
(148 แคลเลอรี่ / แก้ว)
​Mojito
(168 แคลเลอรี่ / แก้ว)

        ​ส่วนเครื่องดื่มที่มี แคลลอรี่ สูงนั้นได้แก่ White Russian (355 แคลลอรี่ต่อแก้ว) Pina Colada (526 แคลลอรี่ต่อแก้ว) และ Margarita (562 แคลลอรี่ต่อแก้ว) ค่ะ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับร้านอาหารบรรยากาศดี ๆ ทั้งโซนเอาท์ดอร์ชมวิวสวย ๆ หรือ จะเป็นร้านอาหารไพรเวทให้ได้อร่อยแบบส่วนตัว ๆ น่าจะเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาดี ๆ ที่สร้างความสุข และ รอยยิ้มให้กับคุณและครอบครัวตลอดช่วงเวลาส่งท้ายปีเช่นนี้ สุดท้ายนี้ Ultimate Leisure ขอให้ทุก ๆ ท่านมีสุขภาพแข็งแรง ก้าวผ่านปีใหม่ด้วยความสุขไปด้วยกันนะคะ



กลับ