Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

​​​​​​​​​        ​รู้สึกตัวอีกเวลาก็ผ่านมาจนจะหมดปี 2021 แล้ว และ เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายปีเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นโค้งสุดท้ายของปีสำหรับเหล่าผู้มีเงินได้เช่นทุก ๆ ท่าน ในการหาตัวช่วยลดหย่อนภาษี ที่อาจจะยังไม่มี หรือ มีบางส่วนแต่ยังไม่ครบ ไม่เต็มที่ ซึ่งหนึ่งตัวช่วยในการลดหย่อนภาษียอดนิยม คือ เหล่ากองทุนในกลุ่ม SSF และ RMF ที่ก็มีหลากหลายตัวให้เลือกในตลาดการลงทุน แต่ก่อนจะไปเลือกกองทุน เรามาทบทวนกันดูก่อนว่า SSF และ RMF นั้นเป็นอย่างไร



ลงทุนให้เหมา​ะ ลดหย่อนภาษีได้เต็ม ๆ

        ก่อนจะตัดสินใจเลือก อยากให้พิจารณาเงื่อนไขและสำรวจเงินได้ทั้งปีก่อน เพื่อคำนวณสิทธิในการลงทุนค่าลดหย่อนแต่ละประเภท โดยเฉพาะระยะเวลาในการถือครอง

      • SSF ต้องถือครองไม่ต่ำกว่า 10 ปี นับวันชนวัน 
      • RMF ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี หรือ ปีเว้นปี และถือหน่วยลงทุนจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และถือครองมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี
        โดยหากผู้ลงทุนอายุน้อยกว่า 45 ปี แนะนำให้พิจารณาลงทุนใน SSF ก่อน ซึ่งจะมีสิทธิในการขายเป็นสภาพคล่องได้เร็วกว่า RMF

คิดจะลงทุน อย่าลืมพิจารณาความเสี่ยง
      • ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ ควรเลือกกองทุนที่เน้นลงทุนในเงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้  
      • ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง แนะนำเลือกกองทุนประเภท Balance Fund ที่กองทุนมีนโยบายกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ 
      • ผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงและคาดหวังผลตอบแทนสูง เลือกลงทุนในหุ้น ซึ่งปัจจุบันสามารถลงทุนในบริษัทต่างประเทศที่กำลังเป็นกลุ่มการลงทุนที่กำลังได้รับความสนใจ เช่น กลุ่ม ESG, กลุ่มสิ่งแวดล้อม หรือ กลุ่มบริษัทเทคโนโลยี



ลงทุนกลุ่ม ESG ผลตอ​บแทนที่ยั่งยืน
        ซึ่งเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่านมา ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งในประเทศและทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง หลายธุรกิจจึงต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง และ การให้ความสำคัญกับสังคม และ สิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงทำให้เกิดบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทที่มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม และ กลุ่มบริษัทที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม และด้วยการเติบโตที่น่าสนใจนี้ ทำให้นักลงทุนหลายคนเริ่มมองหาจังหวะการเข้าลงทุนในกลุ่มบริษัทเหล่านี้มากขึ้น 

        การลงทุนในกลุ่ม ESG , กลุ่มสิ่งแวดล้อม หรือ กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม มีข้อดี คือ ในระยะยาวแล้วบริษัทเหล่านี้จะกลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความยั่งยืน อีกทั้งสินค้าและบริการของบริษัทเหล่านี้ก็ยังเป็นที่ต้องการอีกมากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น รถพลังงานไฟฟ้า พลังงานสะอาด การศึกษา และ การแพทย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้คนดีขึ้น และ จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในมุมของนักลงทุน การเข้าลงทุนในกลุ่มบริษัทเหล่านี้จึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนตามไปด้วยนั่นเอง ซึ่งกองทุนของกลุ่มบริษัทที่กล่าวมาต่างก็มีสัดส่วนอยู่ในตัวช่วยลดหย่อนภาษี อย่างกองทุนที่อยู่ในหมวด SSF และ RMF ซึ่งเป็นกองทุนยอดนิยม เพราะเป็นเครื่องมือสำหรับลดหย่อนภาษี โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุน SSF และ RMF ได้ทั้ง 2 แบบพร้อมกันตามสิทธิ ขึ้นอยู่กับอายุและความเสี่ยงของผู้ลงทุน เมื่อผู้ลงทุนจัดสัดส่วนได้อย่างเหมาะสม ก็จะช่วยให้เข้าถึงเป้าหมายวัยเกษียณได้อย่างมีความสุขและมีความมั่งคั่งในชีวิต


TIPS: รวมมิตรสิทธิลดหย่อนภาษีเพื่อเกษียณ
สิทธิในการลงทุนค่าลดหย่อนภาษีแต่ละประเภท
สำหรับ กลุ่มเกษียณอายุ รวมกันทั้งหมด ไม่เกิน 500,000 บาท
  • ​เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ
​ไม่เกิน 15% ของเงินได้ต่อปี และ ไม่เกิน 200,000 บาท
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
  • กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน
ไม่เกิน 15% ของเงินได้ต่อปี และ ไม่เกิน 500,000 บาท
  • กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)
​ตามจริง และ ไม่เกิน 13,200 บาท
  • กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)
​ไม่เกิน 30% ของเงินได้ต่อปี และ ไม่เกิน 200,000 บาท
  • ​กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
ไม่เกิน 30% ของเงินได้ต่อปี และ ไม่เกิน 500,000 บาท



K-Expert วรสุดา ใช้เทียมวงศ์
ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า


กองทุนแนะนำ
กองทุนเปิด กองทุนเปิดเค พอสซิทีฟ เชนจ์ (K-CHANGE)

ลดหย่อนภาษีด้วยกองทุนหุ้นระดับโลก มีให้เลือกลงทุนทั้ง K-CHANGE-SSF และ K-CHANGE-RMF

อ่านรายละเอียดกองทุน
​ซื้อกองทุนง่าย ๆ บน KPLUS
​K-CHANGE-SSF


K-CHANGE-RMF​




ทำใมต้อง K-CHANGE?
    • ลงทุนในหุ้นนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อโลก
    • ลงทุนครอบคลุม Mega Trend ใน 4 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม การแพทย์ การศึกษา และความเท่าเทียมกันของสังคม
    • บริหารภายใต้แนวคิด Long Term Growth โดยพิจารณาจากธุรกิจที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงในระยะ 5 ปีข้างหน้า
    • มีผลการดำเนินงานโดดเด่น ติดอันดับ 5 ดาว Morningstarและติดอันดับ Top Quartile นับตั้งแต่จัดตั้ง

เหมาะกับใคร?
    • ผู้ที่เห็นโอกาสการลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่ให้ผลตอบแทนที่ดีพร้อมกับสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่สังคมและสิ่งแวดล้อม
    • ผู้ลงทุนที่มีประสบการณ์ลงทุนหุ้นต่างประเทศ สามารถรับความเสี่ยงได้สูง
    • ผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนระยะยาวได้มากกว่า 5 ปีขึ้นไป 
    • ผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้


กลับ

​​