Display mode (Doesn't show in master page preview)
Turn on more accessible mode
Skip Ribbon Commands
Skip to main content
Turn off Animations

Bond Yield ขยับ จะปรับการลงทุนอย่างไร และอะไรนักลงทุนต้องระวัง?

Bond Yield ขยับ จะปรับการลงทุนอย่างไร และอะไรนักลงทุนต้องระวัง?

​​​​​​​Summary
  • พันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ (Bond Yield) ปรับสูงขึ้น ส่งผลพันธบัตรรัฐบาลของไทยปรับตัวสูงขึ้น
  • สะท้อนเศรษฐกิจไทยกำลังดีขึ้น และ คาดการณ์ครึ่งปีหลังจะมีภาพที่สดใสมากขึ้น ตอบรับแผนการฉีดวัคซีนที่จะครอบคลุมคนไทยกว่า 50%
  • หากการฟื้นตัวของประเทศไทยดีขึ้น จะส่งผลให้การลงทุนในกลุ่ม REIT (หรือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์) มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น

ผู้เขียน : ณรงศักดิ์ สถิรชอบพุทธ
ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า


        เร็ว ๆ นี้หลายคนคงจะได้ยินข่าวเรื่องของ Bond Yield (อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล หรือ ดอกเบี้ย) ที่ปรับตัวขึ้นแรง สาเหตุหลัก ๆ ก็คงหนีไม่พ้นจากการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็นเกือบ 10% ของขนาดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ถือเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเงินที่ถูกอนุมัตินั้นก็เพื่อจะนำไปเร่งการฉีดวัคซีนต้าน COVID-19 ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบนี้ก็เป็นการส่งสัญญาณให้รู้แล้วว่าเศรษฐกิจจะเติบโตในท้ายที่สุด 
        แล้วเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยเองก็มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นตาม ที่เห็นได้ชัด ๆ เลยก็คือ ตั้งแต่ต้นปีที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้นมา 0.6% ในทิศทางเดียวกันกับสหรัฐฯ เห็นแบบนี้คนไทยก็เริ่มหายห่วงเพราะเหตุการณ์แบบนี้สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังจะดีขึ้น ตัวอย่างเช่น 

  1. GDP ไตรมาสที่ 4 ปี 2563 ของไทยที่ดีกว่าประมาณการ ทำให้ทั้งปี 2563 ติดลบน้อยกว่าคาดการณ์
  2. ตัวเลขการส่งออกของไทยกลับมาโตเป็นบวกในสองเดือนแรกของปีและมีทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือตามเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากภาวะโรคระบาด
  3. ไทยมีแผนการฉีดวัคซีนที่ชัดเจนมากขึ้นโดยการจัดหาจะครอบคลุมมากกว่า 50% ของประชากรไทย

        เหตุการณ์เหล่านี้ก็สะท้อนให้เห็นว่าหากประเทศไทยมีการเปิดประเทศได้ในครึ่งปีหลัง และ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ เศรษฐกิจไทยปี 2564 จะมีภาพที่สดใสมากขึ้นเพราะได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยว หรือ นักลงทุนรายใหญ่ ที่จะเข้ามากระตุ้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริการ ห้างร้าน หรือ ที่ชุมชน ให้มีการขับเคลื่อนมากขึ้น เช่น มีการเช่าพื้นที่ห้างร้านต่าง ๆ เพื่อประกอบธุรกิจ 
        ดังนั้นธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จึงเป็นธุรกิจที่น่าจับตามอง เพราะคนจะเริ่มออกมาใช้ชีวิตข้างนอกมากขึ้น ร้านค้าหรือร้านอาหารก็อาจจะต้องมีการขยายสาขาเพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับการบริการ จึงทำให้แนวโน้มการลงทุนในกลุ่ม REIT (ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์) มีทิศทางที่สดใสมากขึ้นตามไปด้วย พื้นที่เช่าในห้างร้านต่าง ๆ ที่เคยให้ส่วนลดแก่ผู้เช่าเพื่อเป็นการช่วยเหลือในช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบากก็จะสามารถกลับมาทยอยปรับขึ้นค่าเช่าจนแนวโน้มกำไรเริ่มเข้าสู่ปกติได้มากขึ้น 
        อย่างไรก็ตามการลงทุนในกลุ่ม REIT ยังมีความเสี่ยงเรื่องการกระจุกตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ลงทุนควรกระจายความเสี่ยง และ เลือกลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน และ ลงทุนให้เหมาะกับความเสี่ยงของผู้ลงทุนเพื่อที่จะมีความสุขกับผลตอบแทนไปพร้อมกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

กองทุนเปิดเค Property Infra Flexible (K-PROPI) 
เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และ/หรือ หน่วยลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และ/หรือ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์หรือที่มีลักษณะเทียบเคียงได้กับหมวดพัฒนาอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และ/หรือ โครงสร้างพื้นฐานไม่น้อยกว่า 80%

รายละเอียดกองทุน
จากหลักทรัพย์กสิกรไทย​

    ​คลิก

ซื้อกองทุนง่าย ๆ บนมือถือ
ผ่าน K PLUS Application


ข้อดีของการลงทุนในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs)
  • ลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ที่สร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ และ สามารถปกป้องความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เพราะในระยะยาวค่าเช่าสามารถปรับขึ้นได้ตามเงินเฟ้อ
  • มีการกระจายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะไทย และ สิงคโปร์ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าภูมิภาคอื่น ๆ
  • เป็นการกระจายการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง 
  • มีสภาพคล่องสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ
เหมาะกับใคร?
  • ผู้ที่ต้องการผลตอบแทนมากกว่าเงินฝาก และ กระจายการลงทุนไปยังกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานทั้งใน และ ต่างประเทศ
  • ผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนในระยะยาว และ รับความเสี่ยงได้สูง เพราะราคาสามารถปรับขึ้นลงได้ตามสภาวะตลาด
  • ผู้ที่ต้องการสภาพคล่องสูงกว่าการลงทุนโดยตรงในกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ 



กลับ