Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

​        ในเดือนพฤศจิกายน บางประเทศจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง บางประเทศก็กำลังก้าวเข้าสู้อากาศหนาวเย็นของต้นฤดูหนาว บางประเทศมีอาหารพิเศษจากเทศกาลประจำเดือน อาหารการกินในแต่ละไทม์โซนมีเรื่องเล่าและเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป มาลองดูว่าในแต่ละประเทศ พวกเขามีวัฒนธรรมการกินในเดือนพฤศจิกายนอย่างไรบ้าง




Final Autumn​ in France

        ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่พลาดไม่ได้เลยสำหรับคนฝรั่งเศสคือการไปเก็บเห็ดป่าต่าง ๆ ช่วงเดือนนี้ เช่น เห็ดแชนเทอเรล เห็ดนางรม เห็ดมอเรล เห็ดพอร์ชินี เห็ดทรัฟเฟิล ฯลฯ  ชาวฝรั่งเศสจะนิยมเข้าป่าเพื่อไปเก็บเห็ดป่ากันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน และเป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างสนุกสนานสำหรับชาวฝรั่งเศสกันเลยทีเดียว อย่างการหาเห็ดราคาแพงอย่างทรัฟเฟิล ก็จะมีการนำหมูมาช่วยดมกลิ่นค้นหา เป็นวิถีชีวิตของชาวฝรั่งเศสโซนนอกเมืองที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป บ้างนำมาทำอาหารในครัวเรือน บ้างก็นำไปขายในตลาด



        นอกเหนือไปจากเห็ดที่มีมากในฤดูกาลนี้ ยังมีผลไม้อย่างแอปเปิล องุ่น ฟิกส์ มะกอก ผักกินหัว เช่น แครอท เทอร์นิพ บีทรูท ที่ถูกเก็บเกี่ยวในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน และเมื่อคุณไปยังตลาดอาหาร คุณจะพบชีสวางขายเป็นจำนวนมาก เพราะในช่วงฤดูกาลนี้ ชีสบางประเภท เช่น บลูชีส จะผลิตออกมาได้เยอะ สามารถทานคู่กับผลไม้ต่าง ๆ ที่ออกมาในช่วงนี้ได้รสชาติดีเป็นอย่างมาก อีกทั้ง ยังมีอาหารทะเล พวกหอยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหอยเชลล์ หอยแมลงภู่ หอยนางรม ก็มีอุดมสมบูรณ์มากในช่วงฤดูกาลนี้เช่นกัน 

ร้านอาหารแนะนำ


* เครดิตภาพจาก Au Terminus du Chatelet 

Au Terminus du Chatelet – Paris
Address : 5 Rue des Lavandières Saint-Opportune 75001 Paris | Map : Google Map
Open : จันทร์ – เสาร์ เวลา 12.00 – 14.30 น. 

        ร้านอาหารฝรั่งเศสสไตล์ดั้งเดิมที่โดดเด่นในเรื่องของเมนูเกี่ยวกับเห็ดป่า ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำแซน มีวัตถุดิบที่โดดเด่นอย่าง เนื้อวัวและเนื้อเป็ดคุณภาพดี และเห็ดนานาชนิด อีกทั้ง มีเครื่องดื่มมากมายให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นไวน์ชั้นเยี่ยม เบียร์ หรือแม้แต่กาแฟแบบฝรั่งเศสแท้ ๆ  Au Terminus du Chatelet ตั้งอยู่ในทำเลท่องเที่ยวที่หาได้ไม่ยาก และเคยเป็นร้านอาหารเก่าแก่ ชื่อว่า Les Halles มาตั้งแต่ ค.ศ. 1929 หากมาร้านนี้ อย่าพลาดชิมเมนูเห็ดที่น่าสนใจอย่าง Trilogie de champignons เมนูที่จะนำเห็ดสามชนิดมาปรุงแบบฝรั่งเศส โดยอาจจะใช้เป็นเห็ดพอร์โทเบลโล เห็ดชิตาเกะและเห็ดนางรม หรือ อาจจะเป็นเห็ดท็อปส์ เด ลา มอร์ต เห็ดพอร์ชินี และเห็ดมอเรล หรือสเต็กเนื้อฝรั่งเศสเสิร์ฟกับเห็ดแชมปิยองสด ฯลฯ
​Rate :
    • Trilogie de champignons frais ราคา 19 ยูโร (732 บาท)
    • Entrecôte de Race Bovine Francaise, 300gr et sa trilogie de champignons frais (สเต็กเนื้อฝรั่งเศสเสิร์ฟกับเห็ด 3 อย่าง ราคา 33 ยูโร (1,272 บาท)


* เครดิตภาพจาก La Claque Fromage 

La Claque Fromage – Paris
Address : 49 avenue trudaine, Paris | Map : Google Map
Tel : +33 1 42 80 02 07 | Website : La Claque Fromage
Open : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.00 – 01.30 น. วันเสาร์ เวลา 12.30 – 01.30 น. 

        ร้านอาหารสไตล์บิสโทร เสิร์ฟไวน์และชีสในแบบที่คนรักชีสต้องแวะเข้ามาลิ้มลอง มีชีสมากกว่า 80 ชนิดให้ลองชิมคู่กับไวน ต่างจากร้านอาหารทั่วไปที่มักจะมีชีสให้เลือกไม่เกิน 3 ชนิด ที่แห่งนี้จึงเป็นสวรรค์ของคนรักชีสโดยเฉพาะ ทางร้านจะมีการคัดเลือกชีสระดับคุณภาพมาจากแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียง พร้อมแนะนำไวน์ที่ดื่มเข้าคู่กันกับชีสแต่ละชนิด บรรยากาศภายร้านไปในทางสนุกและสบาย ไม่เคร่งเครียด มีเมนูอาหารให้เลือกกว่า 20 อย่าง นอกจากบอร์ดชีสแล้ว ยังมีพวกของว่าง แซนด์วิช และสลัดพร้อมให้บริการอีกด้วย
​Rate : ค่าอาหารต่อคนประมาณที่ 25 ยูโร (925 บาท)
Reservation : ไม่มีบริการจองโต๊ะ



Celebr​ate For Day of The Dead in Mexico 

        วันที่ 1 - 2 พฤศจิกายนเป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความตายที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากของประเทศเม็กซิโก Day of the Dead หรือ Día de Muertos เป็นเทศกาลสำคัญของชาวเม็กซิโก ผสมผสานความเชื่อของชนพื้นเมืองเม็กซิโกกับความเชื่อในยุคกลางของสเปน กลายเป็นเทศกาล Día de Muertos โดยเชื่อว่า หลังจากเที่ยงคืนวันที่ 31 ตุลาคม (วันฮาโลวีน) ประตูสวรรค์จะเปิดและวิญญาณจะกลับมาเยี่ยมผู้เป็นที่รักเป็นเวลา 1 วัน ดังที่ถูกบอกเล่าผ่านอนิเมชันเรื่องดังอย่าง Coco จนเป็นที่ประทับใจผู้คนทั้งโลกมาแล้ว ในช่วงเวลานี้ ครอบครัวชาวเม็กซิกันจะออกมาทำความสะอาดหลุมศพที่สุสานเพื่อเตรียมต้อนรับการกลับมาของเหล่าญาติบรรพบุรุษ นำอาหารมาที่สุสานและร่วมเฉลิมฉลองกับคนในชุมชน



        ในช่วงเวลานี้ มีอาหารประจำเทศกาลมากมาย เช่น ปาน เดอ มูเอร์โต (Pan de Muerto) ขนมปังหวาน ที่แม้จะมีชื่อที่แปลได้ว่า ขนมปังแห่งความตาย แต่กลับมีรสชาติอร่อยและเป็นที่นิยมมาก ขายกันอย่างแพร่หลาย มีรสชาติของส้มและโป๊ยกั๊ก หรือจะเป็น อาโตเร่ (Atole) เครื่องดื่มที่ทำจากแป้งข้าวโพดผสมกับนมและน้ำตาล มีหลากรสให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลต สตรอว์เบอร์รี วนิลา หรืออาจจะผสมถั่วและผลไม้ลงไป สามารถหาชิมได้ตาม Street Food ทั่วไป และเมนูที่ควรหาลองชิมกันดูซักครั้งในช่วงเทศกาลอีกอย่างคือ ตามัล (Tamales) เมนูเม็กซิกันดั้งเดิม ทำจาก Masa หรือแป้งโดที่ทำจากข้าวโพดห่อใบข้าวโพดแล้วนำไปนึ่งให้สุก อาจสอดไส้เนื้อสัตว์ ผัก ชีส หรือผลไม้ไว้ข้างใน  เป็นอาหารเก่าแก่ที่เชื่อกันว่ามีอายุกว่า 3,000 - 5,000 ปี ตั้งแต่อารยธรรมแอซเท็กและมายา และ ปัจจุบันก็ยังเป็นเมนูยอดนิยมสำหรับชาวเม็กซิโกทั้งในรูปแบบอาหาร street food หรือเมนูในร้านอาหารแบบไฟน์ไดน์นิง 

ร้านอาหารแนะนำ


* เครดิตภาพจาก Panadería Rosetta 

Panadería Rosetta  – Mexico City
Address : Colima 179, Mexico City, Mexico | Map : Google Map
Open : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 7.30 – 20.00 น. อาทิตย์ เวลา 7.30 – 17.00 น. 

        Panadería Rosetta หนึ่งในร้านเบเกอรีสไตล์เม็กซิกันที่ควรค่าแก่การแวะไปลิ้มลองความอร่อย หากคุณได้ไปท่องเที่ยวยังกรุงเม็กซิโกซิตี้ เบเกอรีร้านเล็ก ๆ แต่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ร้านนี้ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองอย่างโคโลเนียโรมา ให้บริการขนมอบเบเกอรีและอาหารกลางวันเบา ๆ พร้อมเครื่องดื่มและกาแฟ ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมอาหารเม็กซิกันและรูปแบบการนำเสนอที่ละเมียดละไมแบบอิตาเลียน ทำให้บรรยากาศของร้านมีความละมุนชวนให้ผ่อนคลายแบบคาเฟ่ในยุโรป ทำให้ทั้งนักชิมชาวเม็กซิโกและนักท่องเที่ยวนิยมแวะเวียนมาที่ร้านแห่งนี้ และแน่นอนว่า ที่นี่เสิร์ฟ Pan de Muerto อยู่ในรายการเบเกอรีขายดีของที่นี่ด้วย และยังมี Tamales อร่อย ๆ ไว้ให้สัมผัสรสชาติเก่าแก่ของเมนูกว่าพันปีของชาวเม็กซิโกอีกด้วย
​Rate :
    • Pan du Muerto Traditional ราคาชิ้นละ 65 เปโซเม็กซิโก (130 บาท)
    • Pan du Muerto with corn ash ราคาชิ้นละ 75 เปโซเม็กซิโก (150 บาท)
    • Tamal de frijol ราคาชิ้นละ 75 เปโซเม็กซิโก (150 บาท)
Reservation : ไม่มีบริการจองโต๊ะ


* เครดิตภาพจาก Pujol 

Pujol – Mexico City
Address : Tennyson 133, Polanco, Polanco IV Secc, Miguel Hidalgo, 11550 Mexico City, Mexico | Map : Google Map
Tel : +52 55 5545 4111 | Website : Pujol
Open : จันทร์ - เสาร์ เวลา 13.00 – 21.30 น. 

        หนึ่งในร้านอาหารที่ได้รับการแนะนำจากแทบจะทุกเว็บไซต์ เมื่อกล่าวถึงร้านอาหารที่ดีที่สุดในเม็กซิโกซิตี้ และติดอันดับที่ 13 ของการจัดอันดับ World’s 50 Best Restaurant ในปี 2023 นำเสนออาหารเชิงนวัตกรรมที่ทำจากวัตถุดิบคุณภาพสูงในเม็กซิโก และทำให้เมนูอาหารเม็กซิโกดูทันสมัยแบบเรียบหรู Tamales ของที่ Pujol มีสไตล์ที่ไม่เหมือนกับร้านอาหารเม็กซิโกทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นตามัลสีทอง ตามัลกาแฟ ตามัลช็อกโกแลต และส้มคัมควอท ฯลฯ
​Rate : Testing Menu ราคา 2,565 เปโซเม็กซิโก (5,110 บาท)



Kimchi Month​ in South Korea 

        ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนธันวาคม ชาวเกาหลีมีประเพณีคิมจาง (Kimjang) คือการที่เพื่อนบ้านและเครือญาติจะรวมตัวช่วยกันทำกิมจิเก็บไว้รับประทานในหน้าหนาว เมื่อทำเสร็จก็จะแบ่งสันปันส่วนให้กันและกัน ซึ่งประเพณีคิมจางนี้ ได้ถูกยูเนสโกยกเป็นมรดกโลกทางอารยธรรมอย่างหนึ่งในปี 2013 และในทุกวันที่ 22 พฤศจิกายน ก็ได้ถูกยกย่องให้เป็นวันกิมจิของประเทศเกาหลี



        ปัจจุบันมีกิมจิอยู่ 187 ชนิด แต่ว่ากันว่าหากนับรวมเมนูกิมจิตั้งแต่โบราณมาจนถึงทุกวันนี้ อาจมีมากกว่า 300 ชนิด ถือเป็นอาหารประจำชาติอย่างหนึ่งของเกาหลีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นอย่างยิ่ง โดยประวัติของกิมจินั้นอาจสืบได้ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 7 เป็นภูมิปัญญาการถนอมอาหารที่สืบทอดกันมายาวนาน กิมจิแบบที่คนทั่วไปคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีคงไม่พ้นกิมจิผักกาดขาว รสชาติเผ็ด เปรี้ยวและมีกลิ่นฉุน แต่ก็ยังมีผักอื่น ๆ ที่นำมาทำเป็นกิมจิแล้วมีรสชาติอร่อยอีกมาก เช่น ผักเครส แตงกวา มะเขือยาว ผักโขม ถั่วงอก ต้นหอม ฯลฯ รวมไปถึงการนำธัญพืช หรืออาหารทะเลบางชนิดมาทำเป็นกิมจิด้วย เช่น หอยนางรม ปลาหมึก ปู ฯลฯ ต่างกันไปตามท้องถิ่นรวมทั้งสูตรของผู้คิดค้นเมนู 

        กิมจินั้น เป็นหนึ่งในอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันมะเร็ง และช่วยลดน้ำหนัก เพราะมีโพรไบโอติกส์และแลคโตบาซิลลัสที่ให้กรดแลคติกซึ่งมีผลเช่นเดียวกับโยเกิร์ต นอกจากจะนำกิมจิมากินเป็นเครื่องเคียงแล้ว ยังนำมาประกอบอาหารเมนูต่าง ๆ ได้อีกมากมาย เช่น ซุปกิมจิ ข้าวผัดกิมจิ ราเมนกิมจิ ไปจนถึงการนำมาฟิวชันกับอาหารตะวันตกอย่างเบอร์เกอร์ หรือพิซซ่า 

ร้านอาหารแนะนำ


* เครดิตภาพจาก Joo Ok และ บทความจาก Nayoung Kim-Michelin Guide

Joo Ok ​– Seoul

Address : 3F The Plaza Hotel, 119 Sogong-ro, Jung-gu, Seoul, South Korea | Map : Google Map
Open : วันจันทร์ – เสาร์ (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 12.30 – 14.30 น. และ 18.30 – 21.30 น.

        ร้านอาหารเกาหลีสุดหรูในโรงแรม The Plaza Hotel Soeul นำเสนอเมนูอาหารเกาหลีต้นตำรับในรูปแบบร่วมสมัย เสิร์ฟกิมจิพรีเมียม 6 แบบ หมุนเวียนจากกิมจิที่เชฟของร้านหมักเอง ทั้งสูตรแบบต้นตำรับและสูตรที่เชฟค้นคว้าใหม่ด้วยตนเองกว่า 10 ชนิด เช่น Godeulppaegi Kimchi หรือกิมจิผักกาดขมที่หากินได้ยาก รสติดขมเล็กน้อยจะช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร Seafood Bossam Kimchi กิมจิที่ใช้ผักกะหล่ำปลีหมักกับปลาหมึก หอยเป๋าฮื้อ เกาลัด พุทรา เมล็ดสน ฯลฯ จนออกมาเป็นกิมจิแบบพรีเมียม ทั้งนี้ การันตีคุณภาพด้วยดาวมิชลิน และอันดับที่ 18 ของ Asia’s 50 Best Restaurants 2022
​Rate :
    • Joo Ok Lunch Course ราคา 180,000 วอน (4,829 บาท)
    • Joo Ok Dinner Course ราคา 280,000 วอน (7,512 บาท)


* เครดิตภาพจาก Korea Tourism Organization และ Hanokjb 

Hanokjib – Seoul
Address : 178 Naengcheon-dong, Seodaemun-gu, Seoul, South Korea | Map : Google Map
Open : ทุกวัน เวลา 10.30 – 21.30 น.

        ร้านสตูว์กิมจิเจ้าดังของเกาหลี มีคนดังรวมทั้งรายการโทรทัศน์ของเกาหลีแวะเวียนมาลิ้มลองและเผยแพร่ประสบการณ์ความอร่อย เด่นด้วยเมนูกิมจิอย่าง กิมจิจิม (Kimchi Jjim) - กิมจินึ่ง และกิมจิจิเก (Kimchi-Jjigae) - สตูว์กิมจิ มีกว่าสิบสาขาทั่วประเทศ แต่สาขาแรกต้นตำรับอยู่ที่ย่านเก่าแก่อย่างโซแดมุน เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 1973 กิมจิของร้านนี้จะใช้เวลาอย่างน้อย 5 เดือนในการหมักเพื่อให้เข้าถึงรสชาติที่เข้มข้น เพื่อนำมาทำเป็นเมนูอาหารที่ใช้กิมจิอย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นสตูว์กิมจิอันเลื่องชื่อ ข้าวผัดกิมจิ ราเมนกิมจิ ฯลฯ หากท่านใดชื่นชอบกิมจิสูตรเฉพาะของ Hanokjib ยังสามารถสั่งออนไลน์จากเว็บไซต์ของทางร้านได้อีกด้วย
​Rate : อาหารราคาจานละประมาณ 7,000 - 10,000 วอน (188 - 269 บาท)
Reservation : ไม่มีบริการจองโต๊ะ



Autumn ​Food in Japan 

        ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่จะมีวัฒนธรรมเมนูอาหารที่หมุนเวียนเปลี่ยนตามฤดูกาลค่อนข้างชัดเจน นอกเหนือไปจากความนิยมกินอาหารที่เป็นวัตถุดิบเฉพาะในฤดูกาลแล้ว ยังอาศัยภูมิปัญญาที่จะรู้ว่าอาหารใดต้องกินในฤดูไหนจึงจะอร่อยและดีกับร่างกาย เช่น ในฤดูร้อนจะกินโซเมง หรือ บะหมี่เย็น กินคากิโกริหรือน้ำแข็งไสแบบญี่ปุ่นเป็นของหวานเพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ถ้าในฤดูหนาว ทำซุปมิโซะจะใช้มิโซะแดงที่มีรสเข้มข้น ในขณะที่ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะใช้มิโซะขาวซึ่งมีรสอ่อนกว่า เพราะกลิ่นและรสของอาหารมีผลต่อร่างกายแตกต่างกันออกไปในแต่ละฤดู



        ฤดูใบไม้ร่วงของที่ญี่ปุ่นเต็มไปด้วยผลผลิตทางการเกษตรที่อร่อยและรสชาติดี เช่น แอปเปิล เกาลัด ลูกพลับ มันหวานยากิโมะ ปลาซันมะ ปูทาราบะ ฟักทองคาโบฉะ (มีความคล้ายคลึงกับผลบัตเตอร์นัทสควอชมากกว่าฟักทอง) ลูกแปะก๊วย เห็ดมัตสึตาเกะ รวมทั้งข้าวใหม่ที่เพิ่งเก็บเกี่ยว และเหล้าสาเกที่หมักไว้ตั้งแต่ฤดูหนาว 

        เมนูอาหารส่วนใหญ่ในฤดูใบไม้ร่วงจะเต็มไปด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาลดังกล่าวนี้ เช่น ข้าวหุงกับมัน เผือก หรือเกาลัด ข้าวอบเห็ดมัตซึตาเกะ ซุปเห็ดมัตสึตาเกะที่อยู่ในกา ปลาซันมะย่าง หรือซูชิปลาซันมะ  มันเผา ขนมหวานต่าง ๆ จากแอปเปิล ฟักทอง เกาลัด รวมทั้งนิยมการกินอาหารที่ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น เช่น โอเด้ง หรือสาเกฮิยาโอโรชิและสาเกอาคิอาการิซึ่งผลิตตั้งแต่ช่วงฤดูหนาว บ่มในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน และมีจำหน่ายในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจะมีรสชาติที่สดใหม่กว่าการดื่มสาเกในช่วงฤดูอื่น ๆ

ร้านอาหารแนะ​นำ


* เครดิตภาพจาก Kaiseki-Komuro 

Kaiseki-Komuro – Tokyo
Address : 35-4 Wakamiyacho, Shinjuku-ku, Tokyo, 162-0827, Japan | Map : Google Map
Open : จันทร์ – เสาร์ (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 12.00 – 13.00 น. และ 17.00 – 20.00 น.

        ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบโอมากาเสะร้านดัง การันตีด้วยสองดาวจากมิชลิน โดดเด่นจากการทำอาหารด้วยวัตถุดิบที่มาจากหลากหลายพื้นที่ ทั้งอาหารทะเลและผลผลิตจากฟาร์มที่มีคุณภาพ นอกจากตัวอาหารที่ทำอย่างพิถีพิถัน ชุดจานชามที่เสิร์ฟยังถูกคัดเลือกมาอย่างดีให้สวยงาม เข้ากับบรรยากาศที่วางคอนเซ็ปต์ไว้ หมุนเวียนวัตถุดิบที่โดดเด่นในแต่ละฤดูกาลไปตามช่วงเดือน เช่น ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้ วัตถุดิบชูโรงของทางร้านคือ เนื้อปูทาราบะซึ่งจะจับได้มากที่สุดในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม
Rate : 
    • Kofuku Omakase Course (Lunch) 24,000 เยน (5,823 บาท)
    • Special Course to Enjoy the Season (Dinner) 37,400 เยน (9,075 บาท)
Reservation : pocket-concierge.jp


* เครดิตภาพจาก  Myojaku และ อินสตาแกรม @pond_gallery 

Myojaku – Tokyo
Address : 106-0031 B1F 3-2-34 Nishiazabu Minato-ku, Tokyo | Map : Google Map
Open : จันทร์ – เสาร์ (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 17.00 – 23.00 น.

        ร้านโอมากาเสะที่เปิดร้านในปี 2022 ที่ใช้เวลาเพียงปีเดียวก็กลายเป็นร้านอาหารสองดาวมิชลินน้องใหม่ของปี 2023 เสิร์ฟอาหารหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบที่มีจาก 4 ฤดูกาลของญี่ปุ่น รังสรรค์เป็นรสชาติของอาหารที่มาจากทั้งภูเขา แม่น้ำ และทะเล คอนเซ็ปต์ของอาหารจะเป็นความกลมกลืน เรียบง่าย และบริสุทธิ์ ในฤดูใบไม้ร่วงจะเสิร์ฟอาหารที่ทำจากผักและผลไม้ตามฤดูกาล เช่น วอลนัต เกาลัด แอปเปิล แปะก๊วย ฯลฯ มาทำอาหารผ่านความคิดสร้างสรรค์ให้เป็นรสชาติเฉพาะของฤดูใบไม้ร่วง เช่น ออเดิร์ฟที่ทำจากผลไม้อย่างโอนิวอลนัทสายพันธุ์เก่าแก่ของญี่ปุ่น แอปเปิล ลูกพลับ องุ่นเคียวโฮที่ยังไม่สุกดีให้รสอมเปรี้ยวและเนื้อสัมผัสที่ยังกรอบเป็นตัวเรียกน้ำย่อยเป็นต้น
​Rate : อาหารค่ำคอร์ส Omakase Course 39,600 เยน (9,561 บาท)
Reservation : omakase.in

        เพราะวัฒนธรรมอาหารเป็นเรื่องสากลที่ทุกคนสามารถสื่อถึงกันได้ไม่ว่าจะชาติภาษาใด ในเดือนสุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วงซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลผลิตต่าง ๆ ทางเกษตรกรรมและอาหารทะเลที่มีให้เลือกหลากหลาย มาเฉลิมฉลองให้กับช่วงเวลาท้ายปีที่เต็มไปด้วยรสชาตินี้ไปด้วยกันค่ะ

 


กลับ