Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

​        ​การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังคงมีภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญอยู่ โดยตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ชาวต่างชาติได้ให้ความสนใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ที่ระดับ 20 ล้านคนแล้ว 

        อย่างไรก็ตามจากภาวะเศรษฐกิจของหลาย ๆ ประเทศที่มีการชะลอตัวลง ทำให้เกิดผลกระทบต่อกำลังซื้อ และ แผนการเดินทาง ทำให้การฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยต่ำกว่าที่ประเมินไว้ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 นั้นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทยมีสัดส่วนอยู่ที่ 68% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2566 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทยยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจากปัจจัยหลัก 2 ปัจจัย ประกอบด้วย
    • ฤดูกาลท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวระยะไกลอย่างยุโรป และ อเมริกา
    • มาตรการวีซ่าฟรี 2 ประเทศ คือ จีน และ คาซัคสถาน (25 กันยายน 2566 – 29 กุมภาพันธ์ 2567)

มาตรการวีซ่าฟรี 2 ประเทศ ปัจจัยสนับสนุนใหม่ที่ต้องติด​ตาม



        ตลาดนักท่องเที่ยวจีน : เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว และ กำลังซื้อของชาวจีนที่ยังไม่ฟื้น รวมถึงจังหวะการทำการตลาดที่อาจค่อนข้างกระชั้นในช่วงที่เหลือของปี 2566 อาจทำให้มาตรการนี้ส่งผลจำกัด โดยคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 3.5 – 4.0 แสนคนต่อเดือน (8 เดือนแรกของปี เฉลี่ยเดือนละประมาณ 2.8 แสนคน) อย่างไรก็ตามน่าจะเห็นผลบวกชัดเจนมากขึ้นในปี 2567 ที่มีช่วงวันหยุดยาวอย่างเทศกาลตรุษจีน (9 – 15 กุมภาพันธ์ 2567) 

        ตลาดนักท่องเที่ยวคาซัคสถาน : แม้ตลาดนี้จะมีสัดส่วนที่ไม่ถึง 1% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทย แต่ด้วยความที่เป็นตลาดใหม่ และ กำลังอยู่ในช่วงเติบโต ประกอบกับมาตรการนี้มีผลในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของชาวคาซัคสถานพอดี และอากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็นในช่วงฤดูหนาวของประเทศคาซัคสถาน ก็น่าจะมีส่วนช่วยหนุนให้การตัดสินใจเดินทางเข้ามาประเทศไทยซึ่งมีอากาศที่อบอุ่นกว่ามากขึ้น 

ตัวแปรสำคัญ ดึงดูดการเดินทางเข้า​ประเทศ



        หากมองไปในระยะข้างหน้าแล้ว แม้ชาวต่างชาติจะยังให้ความสนใจที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่หลายตลาดที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทย เช่น จีน เยอรมัน หรือ ญี่ปุ่นนั้นยังคงเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ประกอบกับการที่รัฐบาลอินเดียเพิ่มเพดานการจัดเก็บภาษีการโอนเงินออกนอกประเทศ จาก 5% เป็น 20% (เริ่ม 1 ตุลาคม 2566) จึงคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวจากอินเดียบางส่วน 

        นอกจากนี้ผลบวกที่ค่อนข้างจำกัดของมาตรการวีซ่าฟรีในปลายปี 2566 และ อาจมีผลมากขึ้นในต้นปี 2567 ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น การเพิ่มค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อคนต่อทริปการเดินทาง ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกิจกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง ๆ ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เช่น
    • การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism)
    • การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และ การรักษาพยาบาล (Wellness Tourism)
    • การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) 

        รวมไปถึงการเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจากภาครัฐ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทย หรือ การเตรียมความพร้อมรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ท่าอากาศยานก็เป็นประเด็นที่ภาครัฐจะต้องให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน 

        โดยสรุปแล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงประเมินว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทยทั้งปี 2566 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 27.6 ล้านคน โดยคิดเป็นราว 69% ของปี 2562 ก่อนการระบาดของ COVID-19 และ จะเพิ่มขึ้นไปเป็นประมาณ 31 ล้านคนในปี 2567 อย่างไรก็ตามการที่จำนวนของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับไปสู่ระดับก่อนการระบาดของ COVID-19 ได้นั้นยังคงต้องใช้เวลา 

        สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจึงยังต้องระมัดระวังในการลงทุน อีกทั้งต้องติดตามตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่อาจชะลอลงหลังมาตรการวีซ่าฟรีสิ้นสุดลงนั่นเอง

​​


กลับ