Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

​        สิงหาคม เดือนที่กลิ่นอายความรักความอบอุ่นในครอบครัวอบอวลจากวันแม่ The Explorer ชวนทุกท่านไปอร่อยกับประสบการณ์ทางรสชาติจากเมนูอาหารโบราณ ทั้งจากร้านรุ่นเก่าเจ้าดังระดับตำนาน และร้านรุ่นใหม่บรรยากาศวินเทจที่มีสูตรอาหารสืบทอดกันมา ให้ทุกเจนเนอเรชันในบ้านได้มีความสุขกับมื้ออาหารเต็มที่ เพราะอาหารที่อร่อยนั้นช่วยลดช่องว่างระหว่างวัยในทุกครอบครัวให้มีความสุขไปด้วยกันได้อย่างง่ายดายเสมอ




เมธาวลัย ศรแดง
Address : 78/2 ถ. ราชดำเนินกลาง แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
Open : ทุกวัน เวลา 10.30 – 22.00 น.

        ร้านอาหารเก่าแก่ติดถนนราชดำเนินที่เปิดบริการมากว่า 6 ทศวรรษ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2500 (ในขณะนั้นใช้ชื่อร้านว่า ศรแดง ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า เมธาวลัย ศรแดง ในปี พ.ศ. 2536) เป็นร้านอาหารสำหรับเลี้ยงต้อนรับแขก และกินเลี้ยงภายในครอบครัวภายใต้บรรยากาศสุดคลาสสิค ฟังดนตรีสดเพลงสุนทราภรณ์ ชมวิวของถนนราชดำเนินและอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่เมธาวลัยศรแดงนี้ ได้ 1 ดาวมิชลินสตาร์ ร้านอาหารคุณภาพสูงที่ควรค่าแก่การหยุดแวะชิม ตั้งแต่ปี 2019 จนถึงปัจจุบัน 

        ร้านเสิร์ฟเมนูอาหารไทยตามสูตรที่สืบทอดกันมา เช่น หมี่กรอบชาววัง, กระทงทอง, ห่อหมก, ทอดมันปลากราย ฯลฯ ซึ่งผ่านการเรียนรู้ ทดลอง ปรับปรุงจนมีความเป็นต้นตำรับไม่เหมือนใคร



เมนูอาหารไทยขึ้นชื่อของเมธาวลัย ศรแดง (จากขวาไปซ้าย)
    • กระทงทอง (285 บาท)
    • มัสมั่นเนื้อน่องลาย (680 บาท)
    • ห่อหมกปลาช่อน - ปู (กระทงละ 75 บาท)
    • หมี่กรอบชาววัง (285 บาท)
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ค เมธาวลัย ศรแดง 



ร้านอาหารบ้านขนิษฐา
Address : 67, 69 ถ. สาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ
Open : ทุกวัน เวลา 11.00 – 23.00 น.
Map : Google Map | Tel : 063-4746857

        ร้านอาหารไทยในบรรยากาศแบบ Fine Dining ที่เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2536 ที่สุขุมวิท 23 ด้วยความตั้งใจของเจ้าของร้านที่อยากจะยกระดับอาหารไทยให้มีความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น ในปัจจุบัน บ้านขนิษฐามีอยู่ด้วยกัน 4 สาขา แต่ในช่วงเวลานี้ ที่สาขาแรก (สุขุมวิท 23) ได้ปิดชั่วคราว จึงแนะนำให้ไปติดตามความอร่อยแบบไทยสไตล์ไฟน์ไดน์นิงกันที่บ้านขนิษฐา แอนด์ แกลอรี่ สาขาสาทร ที่กว้างขวางและสะดวกสบาย มี Private Dining Room ให้บริการ 

        อาหารไทยที่บ้านขนิษฐา จะเป็นเมนูอาหารรสชาติดั้งเดิม ครบรส แต่ไม่จัดจ้านเกินไป เหมาะกับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เมนูขึ้นชื่อแนะนำ ได้แก่ ผัดไทยกุ้งสด, ยำส้มโอ, เมนูกุ้งและอาหารทะเลในแบบต่าง ๆ แกงขี้เหล็กหมูย่าง นอกจากนี้ยังมีเมนูมังสวิรัติ รวมไปถึงเมนูโบราณที่ดัดแปลงในแบบของร้าน เช่น ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ, เมี่ยงคำกลีบบัว, โคราชวากิวย่าง - ข้าวมันอัญชัน - ส้มตำสองสี ฯลฯ



จากขวาไปซ้าย
    • ฉู่ฉี่ภูเก็ตล็อบสเตอร์ (3,600 บาท)
    • ยำส้มโอบ้านขนิษฐา (280 บาท)
    • เนื้อวากิว - ข้าวมันส้มตำ (790 บาท)
    • ​ห่อหมกปลาอินทรีย์โบราณในลูกมะพร้าวอ่อน (460 บาท)
ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์และเฟซบุ๊คร้านอาหารบ้านขนิษฐา



ออน ล็อก หยุ่น
Address : 72 ถ. เจริญกรุง แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
Open : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.00 – 14.30 น.
Tel : 085-8090835 | Facebook : On Lok Yun 

        ออน ล็อก หยุ่น เป็นร้านอาหารเช้าที่เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2476 ให้ความรู้สึกย้อนยุคไปในวันเวลาที่ย่านหลังวังบูรพายังคงครึกครื้น เป็นแหล่งรวมของเหล่าวัยรุ่นยุคก่อน ตัวร้านแทบจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ยังคงความเป็นตึกแถวแบบชิโนโปรตุกีสเหมือนสมัยเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ภายในยังมีเฟอร์นิเจอร์เก่ารุ่นคุณปู่คุณย่าให้เห็น เสิร์ฟมื้ออาหารเช้าแบบง่าย ๆ สไตล์อเมริกันเบรกฟาสต์ที่มีกลิ่นอายแบบกุ๊กช็อปแบบจีนผสมผสานอยู่ อร่อยแบบเรียบง่าย และกินบรรยากาศของวันวานภายในร้าน 

        เมนูของออน ล็อก หยุ่น นั้น น่าสนใจหลายอย่าง แต่เมนูซิกเนเจอร์ของร้านที่หลายคนมาแล้วต้องสั่งจะมี ชุดอาหารเช้า egg + topping (ไข่ + เบคอน แฮม ไส้กรอก กุนเชียง) Signature French Toast (ขนมปังชุบไข่ ขนมปังสังขยา) รับประทานคู่กับกาแฟร้อนหรือชาร้อน ได้บรรยากาศร้านอาหารเช้าแบบกรุงเทพย้อนยุค



จากซ้ายไปขวา
    • ชุดอาหารเช้ายอดนิยม ไข่กวน + ท็อปปิง 4 อย่าง แฮม ไส้กรอก เบคอน กุนเชียง (95 บาท)
    • เมนูดาวเด่นของร้านขนมปังชุบไข่ (80 บาท)
    • มะละกอที่ร้านเวลาเสิร์ฟจะบีบมะนาวด้วย (25 บาท)
    • เมนูอาหารเช้าสไตล์อเมริกัน - จีน ชุดอาหารเช้า ไข่ + ท็อปปิง 4 อย่าง
ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ค ออน ล็อก หยุ่น



ภัตตาคารหูฉลาม ไชน่าทาวน์ สกาล่า
Address : 483/5 ถ. เยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
Open : วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 10.00 - 01.00 น.
วันเสาร์ เวลา 10.00 – 23.45 น.
วันอาทิตย์ 10.00 – 22.00 น.

        ต้นตำรับหูฉลามน้ำแดงร้านแรกบนถนนเยาวราช เปิดร้านมา 75 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2491 เสิร์ฟเมนูอาหารจีนที่ทำจากวัตถุดิบคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน อีกทั้ง ยังมีเมนูอาหารจีนอีกหลากหลายเมนูที่อร่อยจนเป็นที่พูดถึง ทำให้สาขาที่เยาวราชคนค่อนข้างแน่นอยู่เสมอทั้งจากนักชิมชาวไทยและชาวต่างประเทศที่แวะเวียนมาหาของอร่อยที่เยาวราช

        นอกจากหูฉลามน้ำแดง เมนูอื่น ๆ ก็ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ข้าวผัดปู เป็ดปักกิ่ง อาหารประเภทผัด เช่น ผัดน้ำมันหอย หรือผัดผงกะหรี่ และเมนูอาหารทะเลต่าง ๆ ที่มีวัตถุดิบสดใหม่



จากขวาไปซ้าย
    • หูฉลาม (เริ่มต้น 500 บาท)
    • เป็ดปักกิ่ง (1,500 บาท)
    • ปูผัดผงกะหรี่ (ประมาณ 1,000 - 1,200 บาท)
    • กระเพาะปลาน้ำแดง (เริ่มต้น 400 บาท)
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ค Chinatown Scala Restaurant ภัตตาคารหูฉลาม ไชน่าทาวน์สกาล่า



ภัตตาคารตั้งใจอยู่ เยาวราช
Address : 85-89 ถ. พาดสาย แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 
Open : เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 - 22:00 น.

        อีกหนึ่งร้านอาหารจีนเก่าแก่ในย่านเยาวราชที่นักชิมแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสายคือ ภัตตาคารตั้งใจอยู่ เปิดร้านมาสืบทอดความอร่อยในแบบอาหารจีนแต้จิ๋วแท้ ๆ มานานกว่า 70 ปี จากรุ่นสู่รุ่น ปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 3 โดยมีเมนูที่มาแล้วต้องสั่งเพราะหาชิมกันได้ยาก เพราะคนรู้จักน้อยมาก และคนทำเป็นน้อยยิ่งกว่า คือ ปลาดิบสไตล์แต้จิ๋ว หรือ ฮือแซ



        เมนูอาหารจีนแต้จิ๋วของภัตตาคารตั้งใจอยู่เป็นสไตล์การกินเลี้ยงแบบโต๊ะจีนโบราณ เมนูโดดเด่นมีทั้งจานอาหารทะเลต่าง ๆ เช่น ปลาดิบจีน ทำมาจากปลาซ่งฮื้อจากเมืองจีนแล่บางวางเรียงกันให้สวยงาม โรยงา รับประทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยถั่วและพริกเผาน้ำมันงาแบบต้นตำรับ หรือท่านใดอยากรับประทานกับโชยุและวาซาบิทางร้านก็เตรียมเอาไว้ให้พร้อม นอกจากนี้ยังมีเมนูหายากอย่าง สลัดแพะเย็น ทำจากแฮมห่อด้วยเจลลี่หนังแพะ รับประทานคู่กับผักเคียงอย่างหน่อไม้ สัปปะรด มะเขือเทศ รับประทานแบบเย็นให้ความรู้สึกสดชื่น



จากขวาไปซ้าย
    • ปลาดิบจีน (จานใหญ่ 500 บาท)
    • สลัดแพะเย็น (จานใหญ่ 500 บาท)
    • หมูหัน (2,500 บาท)
    • ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊ว (กิโลกรัมละ 1,200 บาท)
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ค ภัตตาคาร ตั้งใจอยู่ เยาวราช



หมี่กรอบจีนหลี(เต็กเฮง)
Address : 326 - 330 แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพฯ
Open : วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 10.00 – 14.00 น. และ 16.00 – 21.30 น.
วันเสาร์ - วันอาทิตย์ 10.00 – 21.30 น

        ร้านอาหารที่เก่าแก่สืบทอดกันมายาวนานกว่า 130 ปี หมี่กรอบจีนหลี หรือ เต็กเฮง สร้างตำนานความอร่อยมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จผ่านคลองบางหลวงแล้วได้เสวยหมี่กรอบที่แป๊ะหลิว ชาวจีนโพ้นทะเลผัดขายอยู่ที่ท่าน้ำตลาดพลู ทรงโปรดมากถึงกับพระราชทานนามให้ว่า หมี่กรอบเสวยสวรรค์ และเรียกตัวไปผัดหมี่กรอบให้เสวยถึงในวังหลายครั้ง หมี่กรอบจีนหลีเป็นสีน้ำตาล ไม่ใช่สีชมพูเหมือนสูตรอื่น ใส่กุ้งแม่น้ำ เนื้อปูม้าและไข่เป็ด เวลาผัดทีกลิ่นหอมไปทั้งคุ้งน้ำ ปัจจุบัน ลูกหลานของแป๊ะหลิวยังคงทำธุรกิจร้านอาหารสืบทอดสูตรอาหารโบราณรุ่นสู่รุ่น ในชื่อร้านว่า หมี่กรอบจีนหลี (สมัย ร. 5) หรือชื่อจีนว่า เต็กเฮง อยู่คู่ย่านตลาดพลูมาโดยตลอด และยังเป็นร้านอาหารที่ได้รับการแนะนำจากมิชลินสตาร์อีกด้วย



        เมนูที่มาถึงร้านแล้วไม่สั่งไม่ได้ คือหมี่กรอบ สูตรเฉพาะที่มีรสชาติแตกต่างไม่เหมือนใคร เส้นหมี่ทำจากข้าวเก่า ทำให้เส้นไม่เกาะเป็นก้อน ต้นตำรับสืบทอดกันกว่า 130 ปี และยังมีเมนูดั้งเดิมที่ทำขายมาตั้งแต่สมัยเดียวกัน เช่น ต้มยำกุ้ง ไข่สอดไส้ หมี่น้ำ - เส้นหมี่ทอดกรอบ เสิร์ฟแบบก๋วยเตี๋ยวน้ำข้น ใส่กุ้ง ปู ไข่ สูตรเก่าภายในตระกูลเช่นกัน



จากขวาไปซ้าย
    • หมี่กรอบจีนหลี สมัย ร. 5 (จานใหญ่ 380 บาท)
    • หมี่น้ำจีนหลี สมัย ร. 5 (จานใหญ่ 380 บาท)
    • ไข่สอดไส้ (190 บาท)
    • ต้มยำกุ้ง (ชามเล็ก 320 บาท)
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ค ร้านหมี่กรอบจีนหลี สมัย ร. 5 เต็กเฮง 

        นอกเหนือจากอาหารคาวแล้ว The Explorer ขอแนะนำร้านของหวานกันต่อ เป็นอีกทางเลือกในการตบท้ายมื้ออาหารค่ะ ซึ่งก็จะเป็นร้านขนมเก่าแก่ระดับตำนานที่อยู่คู่กรุงเทพมานาน ส่งต่อภูมิปัญญาการทำขนมแบบโบราณมารุ่นสู่รุ่น ประสบการณ์ความอร่อยแบบคลาสสิคที่นักชิมรุ่นปู่ย่าตายายบอกต่อลูกหลานกันอีกที



กอกใจ
Address : 886 ถ. เจริญรัถ แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพฯ
Open : ทุกวัน เวลา 8.00 – 20.00 น.
Map : Google Map | Tel : 02-4377926

        กอกใจ เหลาอาหารจีนกวางตุ้งเก่าแก่กว่า 80 ปี เดิมคือภัตตาคาร ก๊กจี่เหลาที่สี่แยกราชวงศ์ เปิดร้านปี พ.ศ. 2487 เป็นเจ้าแรกที่ริเริ่มทำขนมไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียนหมอนทอง และกลายเป็นขนมไหว้พระจันทร์แบบที่ได้รับความนิยมแพร่หลายอย่างมากในไทยมาจนถึงทุกวันนี้ ในเวลาต่อมา ได้ย้ายมาเปิดเป็นร้านกอกใจเจ๋าเหล่าที่ย่านคลองสาน ในปี พ.ศ. 2528 พร้อมนำสูตรขนมไหว้พระจันทร์ต้นตำรับสืบทอดต่อกันมาจนถึงรุ่นที่ 3 ในปัจจุบัน

        ที่ร้านกอกใจ จะมีทั้งเมนูติ่มซำต่าง ๆ และ อาหารกวางตุ้ง แต่เมนูที่โดดเด่นของร้านตัวจริง คือ ขนมไหว้พระจันทร์ และ ขนมของหวานแบบจีนต่าง ๆ เช่น ขนมเปี๊ยะ, ขนมหน้าแตก, พายมะพร้าว, ทุเรียนตัด, บ๊ะจ่าง ฯลฯ ซึ่งทำในแบบสไตล์กวางตุ้งทั้งหมด โดยขนมไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียน และ ไส้เม็ดบัวจะมีวางขายตลอดทั้งปี แต่ถ้าเป็นไส้พิเศษอย่างงาดำ, ชาเขียว, โหงวยิ้งหมูแฮม ฯลฯ จะมีวางขายเฉพาะแค่ในช่วงเทศกาล เท่านั้น



จากซ้ายไปขวา
    • ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียนหมอนทองไข่แดง (128 บาท)
    • ขนมไหว้พระจันทร์ไส้โหงวยิ้งไข่เดี่ยว (116 บาท) และ ขนมหน้าแตก (90 บาท)
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ค Gokjai Restaurant and Mooncake กอกใจ ขนมไหว้พระจันทร์ ติ่มซำ



ก. พานิช
Address : 431 - 433 ถ. ตะนาว แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร
Open : ทุกวัน เวลา 07.00 – 18.00 น.

        ก. พานิช ร้านข้าวเหนียวมูนเก่าแก่ เปิดมานานกว่า 96 ปี ที่ชุมชนแพร่งภูธร สุดยอดข้าวเหนียวมูนที่อร่อยขึ้นชื่อมาช้านาน จนยุคปัจจุบันก็ยังอร่อยจนได้เป็นร้านอาหารริมทางที่แนะนำโดยมิชลินสตาร์ มีรสชาติกลมกล่อม หวาน เค็ม มัน และข้าวเหนียวนุ่ม โดยทางร้านจะคัดแต่ข้าวเหนียวเขี้ยวงูจาก อ. แม่จัน จ. เชียงราย เท่านั้น เพราะมีเมล็ดข้าวเรียวเล็ก กะทิคั้นจากมะพร้าวจาก จ. ชุมพร, น้ำตาลจาก จ. กาญจนบุรี และ เกลือจาก จ. สมุทรสาคร จึงจะได้ข้าวเหนียวมูนที่อร่อยถูกใจผู้คนมากว่า 9 ทศวรรษ

        ตัวข้าวเหนียว ไม่ใส่วัตถุกันเสีย สามารถเก็บไว้ได้นาน 3 วัน โดยข้าวเหนียวมูน 1 กิโลกรัมราคา 230 บาท ชุดข้าวเหนียวมะม่วงราคา 125 บาท ชุดข้าวเหนียว - น้ำกะทิทุเรียน ราคา 160 บาท นอกจากนี้ยังมีชุดข้าวเหนียวหน้าต่าง ๆ เช่น ข้าวเหนียวสังขยา, ข้าวเหนียวหน้ากุ้ง และ ขนมไทยที่อร่อยไม่แพ้กัน อย่างข้าวเหนียวตัด, ข้าวต้มมัด และ ขนมกล้วย เป็นต้น



จากซ้ายไปขวา
    • ข้าวเหนียวมูน ราคาชุดละ 160 บาท
    • ข้าวเหนียวสังขยา ชุดละ 50 บาท
    • ข้าวเหนียวตัด ชุด 6 ถ้วย ราคา 65 บาท
ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ค ก.พานิช 

        เพราะอาหารที่อร่อย สามารถเชื่อมต่อคนทุกเพศวัยเข้าหากันได้อย่างง่ายดาย ยิ่งเป็นความอร่อยที่มาจากการบ่มเพาะความรู้และเรื่องราวต่าง ๆ เป็นประสบการณ์ทางรสชาติที่ให้คนทั้งครอบครัวได้เรียนรู้ไปด้วยกัน และความสุขจากที่การได้ใช้เวลาในมื้ออาหารอร่อยที่เต็มไปด้วยเรื่องราวให้พูดคุย ถือได้ว่าเป็นกิจกรรมที่สามารถส่งต่อความรักความห่วงใยต่อกันภายในครอบครัวค่ะ ขอให้มีความสุขกับมื้ออาหารดี ๆ ด้วยกันนะคะ

 


กลับ