ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นในหลายประเทศฟื้นตัวสวนทางคาดการณ์นักวิเคราะห์
ดัชนี S&P 500 และ ดัชนีหุ้นโลก MSCI World มีผลตอบแทนติดลบในปี 2565 โดยผลตอบแทนรวมอยู่ที่ -18.11% และ -17.73% ตามลำดับ นับเป็นปีที่แย่ที่สุดสำหรับทั้งสองดัชนีนับตั้งแต่ปี 2551 แต่! ดัชนีทั้งสองนี้ได้ปรับตัวขึ้นในปี 2566 โดยมีผลตอบแทนรวม 15.91% และ 12.8% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566)
สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ประเมินว่าตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และการขึ้นดอกเบี้ยนี้ส่งผลทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น อาจนำไปสู่การชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามมา
โดยยังมีเหตุผลหลายประการที่ยังสนับสนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้น (ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการคาดการณ์ล่วงหน้าของนักลงทุน) ได้แก่
- ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1/2566 ในหลายประเทศโดยรวมออกมาดีกว่าการคาดการณ์ แม้จะถูกกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูง สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในภาคธุรกิจ
- อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอลง จากการขึ้นอ้ตราดอกเบี้ยและจากราคาพลังงานที่ปรับตัวลง โดย 1 ปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงมาถึง -34.85% (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566)
- การคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเข้าใกล้จุดสิ้นสุด และเมื่อดอกเบี้ยนโยบายเข้าสู่ช่วงขาลง สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและให้ผลตอบแทนที่มากกว่าการฝากเงินจึงมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามจากเหตุผลสนับสนุนการฟื้นตัวหรือปัจจัยเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยดังกล่าว ธนาคารกสิกรไทยยังคงคาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เศรษฐกิจทั่วโลกอาจเข้าสู่ภาวะชะลอตัว หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาแย่กว่าที่คาด ทั้งการฟื้นตัวของภาคการผลิตและภาคบริการ
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ
ที่มา : Bloomberg ณ วันที่ 13 กรกฎาคม 2566
4 ช่องทางลงทุนอย่างไรให้รอดในครึ่งปีหลัง 2566
1. พันธบัตรและตราสารหนี้
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้ Bond Yield หรือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการปันผลของหุ้น หรือ Dividend Yield ที่อาจลดลง จากผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มปรับตัวลง จากต้นทุนทางการเงินของบริษัทที่สูงขึ้น ทำให้สินทรัพย์ประเภทพันธบัตรและตราสารหนี้ อาจมีความคุ้มค่ามากกว่าเมื่อเทียบระหว่างผลตอบแทนกับความเสี่ยง
กองทุนตราสารหนี้ และระยะเวลาถือครองที่แนะนำ
กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น
- กองทุน K-CASH แนะนำถือลงทุนอย่างน้อย 1 - 3 วัน
- กองทุน K-SF-A แนะนำถือลงทุนอย่างน้อย 1 - 3 เดือน
กองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง
- กองทุน K-CBOND-A แนะนำถือลงทุนอย่างน้อย 9 - 12 เดือน
- กองทุน K-PLAN1 แนะนำถือลงทุนอย่างน้อย 9 - 12 เดือน
กองทุนตราสารหนี้ระยะยาว
- กองทุน K-FIEXED-A แนะนำถือลงทุนมากกว่า 1 ปี
- กองทุน K-FIXEDPLUS-A แนะนำถือลงทุนมากกว่า 1 ปี
- กองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก K-GB-A(D) แนะนำถือลงทุนมากกว่า 1 ปี
2. กองทุนผสม
จากความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ - จีน, จีน - ไต้หวัน หรือ ภาวะสงครามระหว่างรัสเซีย - ยูเครน ส่งผลให้ภาพรวมตลาดการลงทุนยังมีความเสี่ยง การจับจังหวะการลงทุนจึงเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นการเลือกลงทุนในกองทุนรวมผสมที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมตามสถานการณ์ จึงเป็นอีกทางเลือกในการกระจายความเสี่ยง โดยใช้กลยุทธ์การลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ของกองทุนรวมผสม
1. ทยอยสะสมการลงทุน ในภูมิภาคที่ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายและมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่
- จีน : จีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และคาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วต่อไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเฉพาะการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในด้านเทคโนโลยี และอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้การที่จีนเป็นตลาดที่มีผู้บริโภคขนาดใหญ่ จึงยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง แม้ในภาวะปัจจุบันเศรษฐกิจจีนจะยังได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวจากทั้งปัจจัยภายในประเทศและภายนอกประเทศก็ตาม
- เวียดนาม : เวียดนามเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วโดยมีประชากรอายุน้อยและเป็นประเทศนี้มีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ดีและเปิดกว้างสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ
2. กองทุนที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ แม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เช่น กองทุนกลุ่มสุขภาพ จากแนวโน้มผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นทั่วโลก นำมาสู่ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น
บทสรุป
จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลัง ยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จึงแนะนำให้ทยอยขายทำกำไรออกมาบ้าง เช่น กองทุนหุ้นสหรัฐฯ ยุโรป หรือญี่ปุ่น ที่ราคาปรับตัวขึ้นไปสูง หรือปรับสัดส่วนการลงทุนให้มีสินทรัพย์ที่มีความหลากหลายเพิ่มขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยง เตรียมพร้อมความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
กองทุนแนะนำที่เกี่ยวข้อง
สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง
กองทุนเวียดนาม
อ่านรายละเอียด
ซื้อกองทุนง่าย ๆ บน K PLUS
กองทุน K-GHEALTH
อ่านรายละเอียดกองทุน
ซื้อกองทุนง่าย ๆ บน K PLUS
K-GHEALTH
|
|
KGHRMF
|
|
สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง
กองทุนผสม
อ่านรายละเอียดกองทุน
ซื้อกองทุนง่าย ๆ บน K PLUS
K-GINCOME-A(A)
|
|
K-GINCOME-A(R)
|
|
K-PLAN2
|
|
K-PLAN3
|
|
สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างน้อย
กองทุนตราสารหนี้
อ่านรายละเอียดกองทุน
ซื้อกองทุนง่าย ๆ บน K PLUS
K-SFPLUS
|
|
K-FIXEDPLUS-A
|
|
K-PLAN1
|
|
K-GB-A(D)
|
|
วรสุดา ใช้เทียมวงศ์ CFP®
Integrated Investment Advisory Chapter Pool
บทความที่เกี่ยวข้อง