Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

ในปัจจุบันนี้ Smartphone กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ทุก ๆ ท่านนั้นจะต้องมีติดตัว ไม่ว่าจะเพื่อรับข่าวสาร หรือ ตอบสนองความบันเทิงต่าง ๆ โดย 1 ในแบรนด์ที่รู้จักกันดีนั่นก็คือ iPhone จากบริษัท Apple นั่นเอง 



ในทุก ๆ ปี บริษัท Apple จะทำการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดอยู่เป็นประจำ และไม่ว่าผลิตภัณฑ์นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยแต่ผู้คนก็ยังคงให้ความสนใจ และ ตอบรับกับผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เป็นอย่างดี ในวันนี้ Business Empowerment จะพาทุกท่านมาพบกับ 4 กลยุทธ์ที่ทำให้ผู้ใช้งานมีความเชื่อมั่น และ ติดตามผลิตภัณฑ์อย่างใกล้ชิดกัน



การสร้างภาพลักษณ์​ระดับพรีเมียม

เริ่มจากกลยุทธ์แรก นั่นคือ การวางตัวเป็นแบรนด์เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือระดับพรีเมียมตั้งแต่เริ่มแรกที่เข้าสู่ตลาด ทำให้ภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์มีความหรูหรา และ สวยงาม แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจน คือ การที่ Apple ไม่เคยโฆษณาเปรียบเทียบกับคู่แข่ง แต่มักจะแสดงจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ตนเอง เช่น iPhone เพื่อเป็นการตอกย้ำจุดยืน และ คุณค่าของแบรนด์อยู่เสมอ

ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ Apple ยังเลือกใช้วัสดุระดับพรีเมียมในการผลิตภัณฑ์ มีระบบปฏิบัติการของตนเองทำให้ Apple มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของมาจากผลิตภัณฑ์แบรนด์อื่น ๆ และ แม้การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในแต่ละครั้งนั้นมีการเปลี่ยนแปลงด้านรูปลักษณ์เพียงเล็กน้อยแต่ผู้ใช้ก็ยังคงให้ความสนใจ นั่นก็เพราะผู้ใช้ให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้าที่ Apple มอบให้นั่นเอง



เชื่อมต่อหลากหลาย​อุปกรณ์ ภายใต้ระบบเดียวกัน

อย่างที่ได้กล่าวไปว่า Apple มีระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเอง ทำให้ทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ของ Apple ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ iPhone, MacBook, iMac, Apple Watch และ AirPods สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งมาก ๆ ของ Apple

และ การที่ทุกผลิตภัณฑ์ของ Apple สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสะดวก แต่กลับกันหากนำไปใช้ร่วมกับระบบอื่นนั้นกลับทำได้ยาก จึงทำให้ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ Apple เลือกซื้อผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพิ่มเติมที่เป็นของ Apple เท่านั้นนั่นเอง



เข้าถึงลูกค้า โดดเด่นด้านบริก​าร

        Apple ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการบริการอย่างมาก โดยมีกฎทอง 5 ประการ หรือ 5 Distinct Service Steps ที่ได้ไอเดียมาจากการบริการอันดีเยี่ยมของโรงแรมระดับโลกอย่าง Ritz Carton มาสู่แนวทางเฉพาะตัวในแบบ APPLE

    • A : Approch ต้อนรับลูกค้าด้วยความอบอุ่น และ นำเสนอบริการให้เข้ากับลูกค้า 
    • P : Probe สอบถามความต้องการของลูกค้าด้วยความสุภาพ 
    • P : Present นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาสำหรับลูกค้า เพื่อนำกลับไปใช้ที่บ้าน “ในวันนี้” 
    • L : Listen รับฟังและแก้ไขปัญหา ตลอดความกังวลของลูกค้า พร้อมนำกลับมาเป็นหัวข้อในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคต
    • E : End ทิ้งท้ายการบริการ ด้วยส่งคำลา และ เชื้อเชิญเพื่อให้กลับมารับบริการ - ซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ในอนาคต



สร้างหลาย​ตัวเลือกราคา

        Apple ใช้จิตวิทยาในการทำการตลาดหลายอย่างด้วยกัน อย่างหนึ่งที่มักใช้เพื่อแก้ไขความลังเลในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า คือ การทำให้ลูกค้าจ่ายเงินเพิ่มขึ้นได้ด้วยตัวเลือกของราคาหลากหลาย เพราะการเพิ่มราคาที่ 3 จะทำให้ช่วยเร่งการตัดสินใจของลูกค้าให้สนใจสินค้าที่ราคาแพงกว่าได้ หรือที่เรียกว่า กลยุทธ์การตั้งราคาแบบหลอกล่อ (Decoy Effect) นั่นเอง

        ดังเช่นราคา iPhone 13 mini เริ่มต้น 25,900 บาท, iPhone 13 เริ่มต้น 29,900 บาท, iPhone 13 Pro เริ่มต้น 38,900 บาท และ iPhone 13 Pro Max เริ่มต้น 42,900 บาท
 
        หากมีราคาแค่ iPhone 13 Mini และ iPhone 13 Pro Max จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าราคาห่างกัน ‘ตั้ง’ เกือบ 20,000 บาท แต่เมื่อมีราคาของ iPhone 13 Pro ขึ้นมา ทำให้ Pro Max มีราคาห่างไปเพียง ‘แค่’ ไม่กี่พันบาท เป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าที่แพงที่สุด และ สร้างกำไรให้กับแบรนด์ได้มากที่สุด

        สำหรับท่านที่สนใจเรียนรู้ เพื่อให้การวางกลยุทธ์ได้เหมาะสมกับแบรนด์ของคุณ สามารถที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมได้ในคอร์ส “Strategy to Win วางกลยุทธ์สู่ชัยชนะ” กับ คุณพชร อารยะการกุล ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Bluebik Group บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำด้านกลยุทธ์ธุรกิจ และ เชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลระดับแนวหน้าของไทย คลิก​


กลับ