Display mode (Doesn't show in master page preview)
Turn on more accessible mode
Skip Ribbon Commands
Skip to main content
Turn off Animations

เปิดกลยุทธ์ความสำเร็จของ AUTOBOT หุ่นยนต์ดูดฝุ่นสัญชาติไทย จากศูนย์สู่ร้อยล้าน

เปิดกลยุทธ์ความสำเร็จของ AUTOBOT หุ่นยนต์ดูดฝุ่นสัญชาติไทย จากศูนย์สู่ร้อยล้าน

​​​​​​​        ปัจจุบันเทคโนโลยีทำความสะอาดบ้านนั้นพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก และ หลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคย หรือ รู้จักกับหุ่นยนต์ทำความสะอาดกันเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยอันดับต้น ๆ สำหรับการทำความสะอาดบ้านในยุคสมัยนี้กันเลยทีเดียว 
        แบรนด์ Autobot โดยมีคุณธรรมสร มีรัตน์ ผู้ร่วมก่อตั้ง และ ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท โรบอท เมคเกอร์ จำกัด ด้วยการขับเคลื่อนเทคคอมพานีแห่งนี้ด้วยหัวใจ เน้นความใส่ใจ เข้าใจ และ ฟังเสียงของลูกค้าเป็นหลัก ทำให้เส้นทาง 8 ปีของ Autobot ที่เริ่มต้นจากศูนย์ กลายมาเป็นผู้นำ Top 3 ของตลาดด้วยยอดขายกว่า 300 ล้านบาทต่อปี ในวันนี้เราจะมาเรียนรู้ 5 เคล็ดลับความสำเร็จของ Autobot ไปด้วยกัน


กล้าเสี่ยง และ ล​งมือทำอย่างสุดใจ

        ในช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจเมื่อ 8 ปีที่แล้ว คุณธรรมสรมองขาดว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ที่ดูล้ำสมัยมาก ๆ ในยุคนั้น และ คุณธรรมสรยังเป็นเพียงมนุษย์เงินเดือนอยู่ ได้ลองหาทางเจราจาต่อรองกับทางโรงงานผู้ผลิตในต่างประเทศจนสามารถนำหุ่นยนต์ดูดฝุ่นล็อตแรกมาขายเปิดตลาดได้จำนวน 20 ตัว ทั้งที่ตามปกติแล้วจะต้องลงทุนสูงถึง 1,000 ตัว

        นอกจากจะต้องกล้าเสี่ยง และ ต่อรองเพื่อเปิดโอกาสในการเริ่มทำตลาดแล้ว การเข้าใจในตัวของสินค้าและความต้องการก็เป็นสิ่งสำคัญ อย่างเช่น การจำหน่ายรุ่นสามารถดูดฝุ่นและเช็ดแห้งได้ พร้อมแถมกระดาษถูพื้นแบบเปียก นั่นเป็นเพราะคนไทยยังคุ้นชินกับการทำความสะอาดด้วยการถูเปียกมากกว่านั่นเอง และด้วยความเข้าใจในตัวสินค้า พร้อมกับการพยายามแก้ไขปัญหาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการการใช้งาน จากที่ขายไม่ออก ก็ทำให้ Autobot สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ในช่วงเปิดตัวนั่นเอง



เรียนรู้ตลอดเวลา เพื่อปรับธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น
ในช่วงปีที่ 2 ของบริษัทหลังจากที่ลาออกจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน แม้ในช่วงนี้ Autobot จะเติบโตจนมีกว่า 40 สาขาทั่วประเทศ และ ยอดขายรวม 30 ล้านบาท แต่จริง ๆ แล้วระบบจัดการต่าง ๆ ยังไม่เรียบร้อย และ แทบไม่มีกำไร ทำให้คุณธรรมสรตัดสินใจออกไปเพิ่มความรู้ และ กลับมาจัดการระบบธุรกิจใหม่ในปีที่ 4 – 5 ของบริษัทโดยการลดจำนวนสาขาลง ปรับเปลี่ยนองค์การเป็นดิจิทัล ให้ทุกการทำงานเชื่อมต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถวัดผลได้แบบเรียลไทม์ และด้วยทำงานที่เป็นระบบแบบนี้ ทำให้สามารถรองรับยอดสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาในช่วง COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับตัวในครั้งนี้ทำให้ในปัจจุบันธุรกิจใช้ทรัพยากรบุคคลน้อยมาก แต่กลับมียอดขายสูงถึง 200 – 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายมาจากช่องทางออนไลน์ถึง 90% เลยทีเดียว 


​พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน

        ท่ามกลางการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ทำให้การทำธุรกิจประเภทเทคคอมพานีนั้นมีการแข่งขันที่สูงตามไปด้วย ดังนั้นหัวใจสำคัญในการแข่งขัน เพื่อที่สร้างความแตกต่างของ Autobot นั่นก็คือ การมีทีมวิจัยและพัฒนา ที่พยายามออกแบบโมเดล หรือ ฟีเจอร์การใช้งานให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคอยู่เสมอ อีกทั้งยังต้องปรับให้ใช้งานได้ง่าย เข้ากับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ก่อนจะส่งให้โรงงานในต่างประเทศเป็นผู้ผลิต โดยตัวอย่างฟีเจอร์ที่เข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้ เช่น ระบบการแจ้งเตือนที่เป็นเสียงภาษาไทย นั่นเอง


ให้ความสำคัญกับข้อมูล และ ต่อ​ยอดผลิตภัณฑ์อย่างไม่สิ้นสุด

        นอกจากจะเปลี่ยนธุรกิจให้ตอบรับกับยุคดิจิทัลแล้ว ยังเปลี่ยนให้ธุรกิจขับเคลื่อนด้วยข้อมูลของลูกค้า ให้ความสำคัญกับการเก็บข้อมูล และ การทำวิจัยตลาด เพื่อที่จะนำข้อมูลความต้องการของลูกค้าที่ได้มาไปพัฒนาต่อยอดสินค้าให้ตอบโจทย์ได้มากขึ้น ทำให้ในวันนี้ได้มีผลิตภัณฑ์มากมายออกมาภายใต้แบรนด์ Autobot ไม่ว่าจะเป็น Digital Door Lock , เครื่องฟอกอากาศ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ AIoT อื่น ๆ ที่สามารถควบคุมการทำงานได้ผ่านแอปพลิเคชั่น และสามารถตอบโจทย์ในทุก ๆ ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน
* ที่สำคัญในปีนี้กำลังจะเตรียมเปิดตัวหุ่นยนต์ทำอาหาร และ หุ่นยนต์ขัดห้องน้ำเพิ่มเข้ามา ซึ่งหุ่นยนต์ขัดห้องน้ำเป็นหุ่นยนต์ที่พัฒนาขึ้นมาเองเป็นรายแรกของโลกอีกด้วย
บริการคือหัวใจหลัก รักษาลู​กค้าอย่างยั่งยืน

        นอกจากจะมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการ และ สร้างความสะดวกสบายในการใช้งานของลูกค้าแล้ว สิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่ขาดไม่ได้ คือ หัวใจการบริการ ที่มีทีมงานคอยให้บริการหลังการขาย พร้อมตอบสนอง Customer Journey อย่างถึงที่สุด เพื่อให้แบรนด์ Autobot สามารถเข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าได้ในระยะยาว และนำธุรกิจเข้าสู่เส้นทางของความยั่งยืน  

        และนี่คือ 5 เคล็ดลับความสำเร็จจากแบรนด์ Autobot ด้วยความกล้าที่จะเสี่ยง การเปิดรับเรียนรู้ปรับตัวอย่างตลอดเวลา และ การนำข้อมูลมาเป็นตัวผลักดันให้เกิดการพัฒนาในธุรกิจและสินค้า เพื่อที่จะตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่องนี่เอง นี่เป็นที่ทำให้การเริ่มต้นจากศูนย์เมื่อ 8 ปีก่อน เติบโตอย่างยั่งยืนจนกลายมาเป็น Top 3 ของตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอย่างในทุกวันนี้

​การทำธุรกิจที่เอาใจเขา (ลูกค้า) มาใส่ใจเราแล้วนั้นย่อมมีชัยชนะไปกว่าครึ่ง


กลับ

​​