Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

​​​​​​​        เมื่อคนระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น จนทำให้ยอดขายของหลาย ๆ แบรนด์ต้องตกลง ทำให้แบรนด์เหล่านั้นต้องหากลยุทธ์ต่าง ๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนเกิด “ความรู้สึก” อยากที่จะจับจ่ายใช้สอย ซื้อสินค้าของแบรนด์ตัวเองให้มากขึ้น


โดยในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ที่ทำให้อะไรต่าง ๆ ดูไม่แน่นอนนั้น ทำให้คนไทยโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และ พื้นที่สีแดงเข้มมีความกังวลเพิ่มมากขึ้น โดยส่งผลต่อพฤติกรรมในการซื้อของดังนี้
  • ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง โดยเน้นซื้อแต่ของที่จำเป็นก่อน เช่น ของใช้ในชีวิตประจำวัน และ เครื่องใช้ภายในบ้าน
  • มีการวางแผนใช้จ่ายล่วงหน้า
  • คนกรุงเทพฯ และ จังหวัดข้างเคียง เน้นการจับจ่ายสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบ้าน

​5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่คนใช้จ่ายมากที่สุด ในช่วงล็อกดาวน์
1. อาหาร (25%) | 2. ของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน (17%) | 3. โทรศัพท์มือถือ และ สมาร์ตโฟน (11%)
4. อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และ แท็บเล็ต (6%) | 5. เสื้อผ้า และ เครื่องประดับ (5%)

อย่างไรก็ตาม แม้ผู้คนจะมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น แต่ภายในลึก ๆ แล้วก็ยังมีความต้องการซื้อสินค้าอยู่ ดังนั้นสิ่งที่จะกระตุ้น “ความรู้สึก” อยากที่จะใช้จ่ายให้มากขึ้น คือ กลยุทธ์หรือทีเด็ดในการขายที่แบรนด์จะนำเสนอออกมานั้นเอง

​สิ่งที่ต้องคำนึง หากต้องการจะขายของให้ยอดพุ่งในช่วงนี้
  • ต้องให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่าและสนุกไปกับสินค้า
  • หีบห่อหรือบรรจุภัณฑ์ต้องมีความปลอดภัย ปลอดเชื้อ และ ผู้รับสบายใจได้มากที่สุดเมื่อต้องสัมผัส


กล่องสุ่ม ลุ้นสินค้า ใช้ความตื่นเต้นกระตุ้นการซื้อ

กล่องสุ่ม หรือ Mysterious box กลยุทธ์การขายของออนไลน์ที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ในเวลานี้ โดยจะเป็นวิธีการขายที่ผู้ซื้อจะไม่ได้เลือกตัวสินค้า และ ไม่รู้ว่าในกล่องมีสินค้าอะไร แต่กลับกลายเป็นการสร้างเสน่ห์ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เปิดกล่องพัสดุ อย่างไรก็ตามกลยุทธ์นี้จะต้องควบคู่มากับการสร้างความรู้สึกที่คุ้มค่า เพราะหากลูกค้าเปิดออกมาแล้วเกิดความรู้สึกว่าไม่คุ้ม ก็จะทำให้เกิดความรู้สึกผิดหวัง และ ไม่ซื้อสินค้าต่อทันที ซึ่งถ้าพูดถึงธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์นี้และประสบความสำเร็จอย่างมาก คงต้องยกให้กับธุรกิจอาหารทะเลอย่าง “แพเจริญทรัพย์” ที่ทำกล่องสุ่มอาหารทะเล by kalawin โดยเป็นธุรกิจอาหารทะเลเจ้าแรกที่ทำกล่องสุ่มแบบนี้ และ ใช้เวลาเพียง 1 นาทีในการขายหมด 600 กล่องต่อวัน ด้วยราคาสุดคุ้มเพียง 500 บาท

ข้อดีของกลยุทธ์นี้ทำให้ลูกค้าได้ความสนุกในการเปิดกล่องแต่ละครั้ง และ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น และ สามารถระบายสินค้าที่มีอยู่ได้ แถมยังเป็นโอกาสที่จะทำให้ลูกค้าได้ลองสินค้าที่ไม่รู้จักมาก่อน เปิดโอกาสในการกลับมาซื้อสินค้านั้น ๆ ซ้ำได้ในอนาคต

​รู้หรือไม่? : สินค้าในกล่องควรมีมูลค่าสูงกว่าราคากล่อง เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มอยากซื้อซ้ำ


Tester in New Normal กลยุทธ์เดิมวิธีใหม่ ไม้เด็ดดันย​อดขาย
นอกจากกลยุทธ์กล่องสุ่มแล้ว กลยุทธ์ดั้งเดิมอย่างการให้สินค้าทดลอง หรือ Tester ยังคงเป็นสิ่งที่ช่วยดันยอดขายให้ธุรกิจได้เสมอ ในแต่สถานการณ์ที่ทุกคนต่างหลีกเลี่ยงการสัมผัสเช่นนี้ กลยุทธ์ Tester จึงต้องมีการปรับตัวเล็กน้อยเพื่อให้ตอบรับกับพฤติกรรม และ ความกังวลการสัมผัสของผู้ซื้อในปัจจุบัน โดยในปัจจุบันได้มีการกล่าวถึงบรรจุภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับสุขอนามัยมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ของ Tester ที่เปลี่ยนการออกแบบให้อยู่ในลักษณะปิดผนึก ทดลองใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เพื่อสร้างความรู้สึกปลอดภัยในการใช้สินค้าทดลอง

ตัวอย่างเช่น Arcade Beauty ผู้นำด้านสินค้าทดลองในธุรกิจความงามของสหรัฐอเมริกา ที่ได้ออกแบบบรรจุภัณฑ์ของ Tester อย่าง LiquaTouch® เป็น Test กลิ่นน้ำหอมที่ให้ผู้ทดลองลอกแผ่นที่ปิดผนึกไว้ด้านบนออก และ นำตัวผลิตภัณฑ์ด้านในออกมาทดลอง หรือจะเป็น Kiss-A-Peel® ลิปเทสเตอร์ ที่มาในลักษณะของแผ่น เพียงลอกแผ่นผนึกด้านบนออก พับครึ่ง และ วางริมฝีปากไปตามรูปที่ให้ไว้เพื่อประกับลิปสติก ทดสอบสีลิปบนริมปากได้อย่างง่ายดาย

​รู้หรือไม่? : เวลาขายออนไลน์ ลองส่ง Tester แบบปลอดภัย ใช้แล้วทิ้ง ให้ลูกค้าได้ลองก่อน โอกาสปิดการขายได้มีมากขึ้นแน่นอน



กลับ