K WEALTH / วิดีโอ / Market Update / ประเด็นร้อน : ตลาดหุ้นทั่วโลกบวก หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด
11 พฤศจิกายน 2565
นาที

ประเด็นร้อน : ตลาดหุ้นทั่วโลกบวก หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด


​​Highlight


0:00 สรุปประเด็นร้อน 14 พ.ย. 65 
0:52 เงินเฟ้อสหรัฐ ฯ ต่ำกว่าคาด 
1:50 การตอบรับของตลาดหุ้นและกองทุน 
3:10 ผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ ฯ 
4:48 มุมมองการลงทุน 
5:52 คำแนะนำการลงทุน


อัปเดตประเด็นร้อน


สัปดาห์ที่ผ่านมามี 2 ประเด็นสำคัญ ที่เกิดขึ้นในฝั่งสหรัฐฯ ที่ผู้ลงทุนทุกคนควรให้ความสนใจ ได้แก่

     o คืนวันพฤหัส ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ต.ค. ที่ประกาศออกมาต่ำกว่าคาด >> ส่งผลให้ตลาดหุ้นต่างๆ ปรับตัวขึ้นมาในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

     o ความคืบหน้าของการนับคะแนน การเลือกตั้งกลางเทอม พรรคเดโมแครต (ฝั่ง ปธน.โจ ไบเดน) ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาแล้ว ส่วนสภาผู้แทนราษฎรยังรอลุ้นผลอยู่


(1) เงินเฟ้อสหรัฐฯ ต.ค. 65 ต่ำกว่าคาด


(1.1) อัปเดตข่าว/สถานการณ์


คืนวันพฤหัสบดีที่ 10 พ.ย. หรือเช้ามืดวันศุกร์ที่ 11 พ.ย. ตามเวลาประเทศไทย สหรัฐฯ ประกาศเงินเฟ้อเดือน ต.ค. หรือ ดัชนี CPI (ดัชนีราคาผู้บริโภค) เดือน ต.ค. เทียบเป็นรายปีอยู่ที่ 7.7% (YoY) ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 8.0% (YoY) และเทียบเป็นรายเดือน 0.4% (MoM) ต่ำกว่าที่คาดไว้ 0.6% (MoM) 

จากสัญญาณเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงในเดือน ต.ค. โดยเฉพาะในภาคการบริการ ซึ่งหากเทียบเป็นรายเดือนแล้ว ดัชนีเงินเฟ้อด้านการบริการเพิ่มขึ้น 0.5% จากที่เดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.8% จึงเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าดัชนีเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และมีแนวโน้มชะลอตัวลงสู่ระดับ 4% ในปีหน้า


(1.2) ผลกระทบที่เกิดขึ้น


ณ วัน พฤ. 10 พ.ย. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวบวก 3%-7% โดยดัชนี Dow Jones +3.68% S&P 500 +5.54% และดัชนี Nasdaq +7.35% เทียบกับวันก่อนหน้า ซึ่งนอกจากส่งผลให้ NAV ของกองทุนกลุ่มหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแล้ว ยังส่งผลต่อตลาดอื่นๆ ปรับตัวขึ้นตาม ส่งผลต่อราคากองทุนกลุ่มอื่น เช่น กองทุนหุ้นยุโรป กองทุนหุ้นจีนและเอเชีย กองทุนน้ำมัน เป็นต้น

การที่เงินเฟ้อออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้ 0.5% ซึ่งลดลงจากการปรับอัตราดอกเบี้ยก่อนหน้านี้ที่ปรับขึ้นครั้งละ 0.75% โดยการชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น

ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี และ 2 ปี ตอบรับในเชิงบวกเช่นกัน โดยปรับตัวลง ซึ่งการอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลด ส่งผลให้ราคาพันธบัตรที่ซื้อขายในตลาดมีการปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ NAV ของกองทุนตราสารหนี้ทั่วไปปรับตัวขึ้นตาม


(2) ความคืบหน้า การเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ


(2.1) อัปเดตข่าว/สถานการณ์


ผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ

พรรคเดโมแครต (ฝั่ง ปธน.โจ ไบเดน) ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาเหนือพรรครีพับลิกันด้วยคะแนน 50 ต่อ 49 ที่นั่ง

ขณะที่สภาผู้แทนราษฎร ยังไม่สามารถสรุปคะแนนเนื่องจากยังเลือกตั้งไม่เสร็จสิ้น โดยปัจจุบันพรรครีพับลิกันมีคะแนนนำพรรคเดโมแครต 212 – 204 ที่นั่ง

(2.2) ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น


จากการที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาไปแล้ว จะทำให้การเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้มีโอกาสที่

     o พรรคเดโมแครตจะครองเสียงข้างมากทั้งสองสภา

     o หรือ พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ส่วนพรรครีพับลีกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร

หากพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้งสองสภา ก็จะสานต่อนโยบายเดิม เช่น การเพิ่มภาษีนิติบุคคล การลดราคายา สนับสนุนพลังงานสะอาด เป็นต้น

แต่หากพรรครีพับลีกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ก็ยังคงดำเนินนโยบายเดิมได้ เพียงแต่ต้องลดขนาดงบประมาณในแต่ละนโยบายลง ซึ่งอาจส่งผลต่อบางอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เช่น พลังงาน, พลังงานสะอาด สุขภาพ บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ฯลฯ


(3) มุมมองการลงทุน


ในระยะสั้นถึงกลาง ตลาดหุ้นยังคงให้น้ำหนักต่อตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งเป็นการตอบรับเชิงบวก มากกว่าผลกระทบจากนโยบายที่จะส่งผลต่อธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป

     o โดยยังต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ เดือน พ.ย. ที่จะเปิดเผยในกลางเดือน ธ.ค. และการประชุม FED​ ซึ่งหากเปิดเผยออกมาผิดคาดก็อาจสร้างความผันผวนต่อตลาดการเงินทั่วโลก

     o ดังนั้นจึงควรติดตามตัวเลขเงินเฟ้อที่จะเปิดเผยในเดือนหน้า และการประชุม FED เพื่อยืนยันสถานการณ์อีกครั้ง

ในระยะยาว โอกาสการเกิดเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ยังมากกว่า 50% ทำให้ยังคาดว่าผลประกอบการบริษัทและตัวเลขเศรษฐกิจในระยะถัดจะมีทิศทางชะลอลง จึงยังคงมุมมองระมัดระวังการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนที่รับความผันผวนได้น้อย


(4) คำแนะนำการลงทุน


ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ (เช่น K-USA, K-US500X, K-USXNDQ) ทยอยขายบางส่วนในจังหวะที่ตลาดเด้งระยะสั้น เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม

ผู้ที่ต้องการเข้าลงทุน หากรับความผันผวนในระยะสั้นได้น้อย ยังไม่แนะนำให้ลงทุน เนื่องจากความผันผวนของตลาดยังอยู่ระดับสูง


เรียบเรียงเนื้อหาโดย วีรพล บางแวก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก BLS.GOV, VOA, KAsset

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”



วิดีโอโดย K WEALTH TRAINER วีระพล บดีรัฐ
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!