ประเด็นร้อน : เกาะติดผลประชุม FED พ.ย. ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด

สรุปผลประชุม FED เดือน พ.ย. 65 ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด สู่ระดับ 3.75%-4% สูงสุดในรอบ 14 ปี ทำให้ตลาดสหรัฐฯติดลบทันทีหลังสิ้นสุดการประกาศจาก FED นักลงทุนที่สนใจหรือถือกองทุนสหรัฐฯอยู่ แนะนำหาจังหวะขายหรือลดสัดส่วนการลงทุนลง

ประเด็นร้อน : เกาะติดผลประชุม FED พ.ย. ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด



Highlight


0:00 สรุปผลประชุม FED พ.ย. 65
1:20 ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากแถลงการณ์
3:44 คำแนะนำการลงทุน
4:30 ประเด็นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ


อัปเดตประเด็นร้อน วันนี้


เมื่อคืนวันที่ 2 พ.ย. ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% นับเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ติดต่อกัน สู่ระดับ 3.75%-4% ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่เดือน ม.ค. 2008

แถลงการณ์ของ FED ระบุว่า FED จะพิจารณาผลรวมทั้งหมดของการใช้นโยบายการเงินตึงตัวที่ผ่านมา ผลกระทบที่ล่าช้าของนโยบายการเงินต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมไปถึงเศรษฐกิจและพัฒนาการของระบบการเงิน

o ซึ่งนักวิเคราะห์หวังว่า FED พิจารณาขึ้นดอกเบี้ยด้วยอัตราที่ลดลง

ในขณะที่ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน FED ให้สัมภาษณ์ว่า ว่ายังเร็วเกินไปที่จะคิดถึงการหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย


ผลกระทบที่เกิดขึ้น


ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทันทีหลังแถลงการณ์ และปรับตัวลงมาในแดนลบทันทีที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน FED ให้สัมภาษณ์นักข่าว โดยกล่าวว่าข้อมูลที่ได้มาตั้งแต่การประชุมครั้งก่อนชี้ว่าระดับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดจะสูงกว่าที่คาดกันไว้ ส่งสัญญาณว่ายังต้องใช้เวลาและความอดทนในการแก้ปัญหาเงินเฟ้อสูง

ณ 2 พ.ย. 65
o ตลาดหุ้นสหัฐฯ ปรับตัวลง 1.5%-3.3%เทียบกับวันก่อนหน้า (Dow Jones -1.55% S&P 500 -2.50% Nasdaq -3.36%)

o ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นมาที่ 4.115% เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 2 ปี ปรับขึ้นมาที่ระดับ 4.628% ทำให้ราคาพันธบัตรฯ ที่ซื้อขายในตลาดรองปรับตัวลง


ถ้อยแถลงของประธาน FED


นายเจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะคิดถึงการหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่อาจมีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วยอัตราที่ลดลงในการประชุมเดือน ธ.ค. หรือ ก.พ. 2023

นอกจากนี้ยังระบุว่าตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งและผิดหวังที่อัตราเงินเฟ้อยังคงสูง แม้ราคาสินค้าจะปรับตัวลงแล้ว ดังนั้น FED จึงยังต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทำให้ตลาดหันความสนใจจากขนาดการปรับอัตราดอกเบี้ย ไปสู่การคาดเดาจุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาที่อัตราดอกเบี้ยจะคงอยู่ในระดับสูงสุด

โดย Fed Funds Futures ชี้ว่าโอกาสที่

o เดือน ธ.ค. โอกาสที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% อยู่ที่ 56.8% และ 0.75% อยู่ที่ 43.2%

o ส่วนเดือน ก.พ. 23 โอกาสที่จะปรับขึ้นอีก 0.5% อยู่ที่ 51.6% และ 0.75% อยู่ที่ 26.7% โดยมีโอกาสขึ้น 0.25% ที่ 21.7%


คำแนะนำการลงทุน


สำหรับผู้ที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ แนะนำหาจังหวะขายหรือลดสัดส่วนการลงทุนลง

สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น แนะนำพักเงินในกองทุน K-SF ซึ่งเหมาะกับการพักเงิน 3 เดือนขึ้นไป เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง


ประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจ


1-2 พ.ย. ที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 วันติด (CSI300 ของจีน +3.58% +1.20% และ Hang Seng China Enterprise ของฮ่องกง +5.49% +2.79% เทียบกับวันก่อนหน้า ตามลำดับ)

จากข่าวลือว่า รัฐบาลจีนได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาผ่อนคลายคุมโควิดและเตรียมพร้อมเปิดประเทศในเดือน มี.ค. ปีหน้า

ซึ่งข่าวลือที่ว่า ยังไม่มีการยืนยันใดๆ จากภาครัฐของจีน

ผู้ลงทุนจึงควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดและพิจาณาอย่างรอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุน อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนหุ้นจีน หากเป็นการลงทุนระยะยาว และมีการแบ่งสัดส่วนเงินลงทุนที่เหมาะสม ก็ถือว่ายังเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก CNBC, Bloomberg
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”