K WEALTH / วิดีโอ / Market Update / ประเด็นร้อน : พักยกดูความกังวลตลาด หลังรัฐบาลจีนสรุปนโยบาย-เงินเฟ้อในเวียดนาม
25 ตุลาคม 2565
10 นาที

ประเด็นร้อน : พักยกดูความกังวลตลาด หลังรัฐบาลจีนสรุปนโยบาย-เงินเฟ้อในเวียดนาม


​​​

Highlight


0:00 สรุปการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์ 
1:51 ผลกระทบต่อการลงทุน
3:09 จีนเผยตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจแล้ว
4:50 มุมมองและคำแนะนำการลงทุนจีน
7:56 ตลาดหุ้นเวียดนามกับเงินเฟ้อ
8:51 มุมมองและคำแนะนำการลงทุนเวียดนาม


ข่าวจีน


I: ผลการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์


หลังการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 จบลงในวันที่ 22 ต.ค. ซึ่งที่ประชุมมีมติรับรองสถานะของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในคณะกรรมการกลางบริหารพรรค ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า ปธน.สี จิ้นผิง จะดำรงตำแหน่ง ปธน. ต่อไปอีกเป็นสมัยที่ 3

อีกทั้งในวันที่ 23 ต.ค. ปธน. สี จิ้น ผิง ได้เปิดเผยรายชื่อบรรดาผู้นำในคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมือง (โปลิตบูโร) ชุดใหม่ที่จะร่วมกำหนดทิศทางการเมืองและเศรษฐกิจของจีนตลอด 5 ปีข้างหน้า ซึ่งล้วนแต่เป็นคนสนิทกับ ปธน. สี จิ้นผิง

     o ทําให้ในอนาคตการออกนโยบายต่างๆ ของ ปธน. สี จิ้นผิง อาจทําได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ตลาดมีความกังวลว่าภาครัฐ อาจมีนโยบายที่ส่งผลกระทบต่อหุ้นเทค รวมถึงนโยบาย Zero-Covid จะคงอยู่ต่อไป และทวีความเข้มงวดมากขึ้นได้ อีกทั้งการประชุมครั้งนี้ก็ไม่ได้มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหรือผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID อย่างที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้

     o สำหรับรายชื่อผู้นำชุดใหม่หรือโปลิตบูโร จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในที่ประชุมสภาประชาชนจีน เดือน มี.ค. 66
II: ตลาดหุ้นจีน ปรับตัวลงในวันจันทร์ที่ผ่านมา

24 ต.ค. ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปรับตัวลงค่อนข้างแรง โดยดัชนี HSCEI (Hang Seng China Enterprise) ของฮ่องกง ปรับตัวลง -7.30% และดัชนี CSI 300 ของจีน ปรับตัวลง -2.93%เทียบกับวันก่อนหน้า อีกทั้งเงินหยวนยังอ่อนค่าลง ทะลุ 7.3 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่าอ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่ ม.ค. 51

มาจากความกังวลต่อนโยบายของ ปธน. สี จิ้น ผิง ทั้งนโยบาบาย Zero-COVID และนโยบายคุมเข้มของรัฐบาล

โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เป็นหุ้นกลุ่มที่ราคาปรับตัวลดลงอย่างหนัก จากความกังวลดังกล่าว ประกอบกับความกัวลจาก FED ที่จะเร่งขึ้นดอกเบี้ยด้วย

ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคา กองทุนกลุ่มหุ้นจีน กองทุนกลุ่มหุ้นเอเชีย

III: จีนเผยตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ หลังจากที่ถูกเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด


24 ต.ค. สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงาน ได้มีการรายงานเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งเดิมมีกำหนดเผยแพร่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ถูกเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด โดยไม่ชี้แจงเหตุผล

สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ไตรมาส 3/2565
     o ขยายตัว 3.9%เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาด (3.3% – 3.4%) โดยขยายตัวได้ดีกว่าในไตรมาส 2 (0.4%) 
     o อย่างไรก็ดี ตัวเลข GDP ที่ระดับ 3.9% ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้ที่ 5.5% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบจากมาตรการเข้มงวดในการควบคุมโรคโควิด-19 และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทรุดตัวลงยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์

ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ปรับตัวขึ้น 5.9% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6%

IV: มุมมองและคำแนะนำการลงทุน


• ระยะสั้น


     o แนะนำให้ติดตามสถานการณ์การลงทุนของจีนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะมาตรการต่างๆ จากทางภาครัฐ ทั้งมาตราควบคุมธุรกิจเอกชนและโควิด และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย เนื่องจากรายชื่อผู้นำชุดใหม่ส่งสัญญาณการให้ความสำคัญกับวิสัยทัศน์ทางการเมือง ความมั่นคงของชาติ และการพึ่งพาตนเอง

     o นักลงทุนต่างชาติกังวลว่า การรวบอำนาจจะทำให้นโยบายไปตามแนวทางของ ปธน. สี จิ้น ผิง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เป็นมิตรกับตลาด ทั้งเรื่องการคุมโควิด ควบคุมธุรกิจเอกชน และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

     o โดยตลาดจะตอบสนองเชิงลบจนกว่าจีนจะมีมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจ หรือแนวทางลดความกังวลของตลาด เช่น การเปิดประเทศ ฯลฯ คาดว่าการเปิดประเทศจะเริ่มในไตรมาส 2 ปี 66 และจากสถิติ ตลาดหุ้นจะปรับขึ้นราว 5% ในช่วง 1 เดือนก่อนเปิดประเทศ และจะมีแรงซื้อ (โมเมนตัมบวก) ต่อไปอีกราว 2-3 เดือน

     o สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุน หากรับความผันผวนได้น้อย อาจพักเงินในกองทุน K-SF ที่เหมาะกับการพักเงิน 3 เดือนขึ้นไป ก่อน เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง หลังนโยบายต่างๆ ของโปลิตบูโรชุดใหม่ มีความชัดเจน 

• ระยะยาว


     o ทิศทางตลาดหุ้นขึ้นอยู่กับมาตรการเศรษฐกิจที่จะเริ่มออกมาจากคณะผู้นำชุดใหม่ ตั้งแต่ต้นปีหน้า

     o โดยเศรษฐกิจจีนยังเติบโจได้ในระดับที่สูง ประกอบกับคาดว่าจะมีปัจจัยบวกทยอยเข้ามาช่วงการเปิดประเทศในต้นปีหน้า เช่น มาตรการต่างๆ 

     o สำหรับผู้ที่ถือกองทุนหุ้นจีนอยู่ ยังสามารถถือลงทุนต่อไป แม้ในระยะสั้นจะมีความผันผวน หรือหากใครที่ลงทุนได้นานกว่า 10 ปี และมีรายได้ต้องเสียภาษี แนะนำพิจารณาสับเปลี่ยนเงินบางส่วนจากกองทุนหุ้นจีนทั่วไป เป็นกองทุนหุ้นจีนที่เป็นกองทุน SSF/RMF เพื่อนำผลประโยชน์ทางภาษีมาชดเชยส่วนที่เคยขาดทุนไป

     ​o ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม สามารถทยอยลงทุนเพิ่มได้ เช่น กองทุน K-CCTV ที่มีกลยุทธ์การลงทุนในการควบคุมความผันผวนของราคากองทุน รวมถึงเน้นลงทุนหุ้นจีน A-Share ซึ่งคาดว่าจะมีแรงกดดันจากนักลงทุนต่างชาติ และได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ต่ำกว่าหุ้นจีน H-Shares


ข่าวเวียดนาม


V: อีกตลาดที่หลายคนจับตามอง คือ ตลาดหุ้นเวียดนาม


ณ 24 ต.ค. ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม​ VNI ปรับตัวลง -3.30%เทียบกับวันก่อนหน้า

โดยหุ้นขนาดใหญ่ Blue Chip กว่า 1 ใน 3 ราคาปรับตัวลดลงมาติด Floor หรือลดลงประมาณ 7% ซึ่งเกิดจากธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) เตรียมขึ้นดอกเบี้ยอีก 1% เพื่อสกัดเงินเฟ้อเดือน ก.ย. อยู่ที่ 4.01%เทียบกับต้นปี

โดยนักวิเคราะห์ท้องถิ่นธนาคาร BIDV ระบุว่าการขึ้นดอกบี้ยของธนาคารกลางฯ จะช่วยลดผลกระทบจากการใช้ทุนสำรองระหว่างประเทศ ในการยับยั้งการอ่อนค่าของเงินด่อง ที่ปีนี้อ่อนค่าลง 9%เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

ในระยะยาวเวียดนามได้รับประโยชน์จากความขัดแย้ง ทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนทำให้บริษัทข้ามชาติหลายแห่งกระจายการลงทุนออกจากประเทศจีน และความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกตลอดจนสถานการณ์ช่องแคบไต้หวัน ทำให้ภูมิภาคอาเซียนที่ค่อนข้างเป็นกลางทางภูมิรัฐศาสตร์

สำหรับใครที่สนใจลงทุนหุ้นเวียดนาม สามารถทยอยลงทุนหรือถือลงทุนระยะยาวได้ โดยปัจจุบันก็มีทางเลือกกองทุนหุ้นเวียดนาม ที่เป็นกองทุนหุ้นทั่วไป กองทุน SSF/RMF

แต่เนื่องจากตลาดหุ้นเวียดนามเป็นตลาด Frontier Market ซึ่งยังมีผู้ถือหุ้นรายย่อยในสัดส่วนที่สูง ตลาดจึงมีความผันผวนกว่าตลาดหุ้นอื่น แนะนำให้มีกองทุนหุ้นเวียดนามไม่เกิน 5%-10%ของเงินลงทุนในส่วนของหุ้น/กองทุนหุ้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก KBank Private Banking, KAsset, ryt9
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”



วิดีโอโดย K WEALTH TRAINER วีระพล บดีรัฐ
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!