เหตุการณ์ ก.ล.ต. กล่าวโทษ EA ทำทุจริต
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ร่วมกระทำการทุจริต ทำให้บริษัท EA และบริษัทย่อยเสียหาย โดยข้อมูลดังกล่าวมีนัยสำคัญที่อาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงิน การบริหารกิจการ
การลงทุนของ บลจ.กสิกรไทย
• กองทุนตราสารหนี้ของ บลจ.กสิกรไทย ไม่มีการลงทุนในตราสารหนี้ของ EA
• กองทุนตราสารทุนของ บลจ.กสิกรไทย มีการลงทุนในหุ้น EA เฉพาะ Passive Fund เท่านั้น ซึ่งผลกระทบที่กองทุนจะได้รับเป็นไปตามผลตอบแทนของดัชนีที่กองทุน Passive Fund อ้างอิง โดยมีสัดส่วนการถือครองหุ้น EA ดังนี้
กองทุน
|
สัดส่วนเป็น % ของ NAV
|
K-TNZ
| 0.45%
|
K-SET50
| 0.43%
|
K-ENERGY
| 1.52%
|
KS50RMF
| 0.43%
|
KS50LTF
| 0.43%
|
ข้อมูล ณ วันที่ 12 ก.ค. 2567
มุมมองจากทีมผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้
ผลกระทบที่เกิดขึ้นคาดว่าจะเป็นไปอย่างจำกัด เพราะเป็นประเด็นที่เกิดจากเรื่องส่วนบุคคล ซึ่งบริษัทยังมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก ภาพรวมอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าและพลังงานยังอยู่ในภาวะปกติ แต่ต้องจับตาการต่ออายุ (Roll over) ภาระหนี้ EA ที่จะครบอายุในไตรมาส 3 และ 4 ปี 2567 ประกอบด้วยภาระหนี้ต่อสถาบันการเงิน 3,200 ล้านบาท และหุ้นกู้ 5,500 ล้านบาท
ในระยะสั้นอาจมีแรงขายจากกองทุนตราสารหนี้ในตลาดที่มีการลงทุนในหุ้นกู้ EA ที่มีความกังวลต่อความเสี่ยงในการชำระหนี้ แต่ปัญหาดังกล่าวมีแนวโน้มอยู่ในวงจำกัด แตกต่างจากปัญหาสภาพคล่องจากการไถ่ถอนกองทุนตราสารหนี้ที่เกิดขึ้นในช่วง COVID-19
ทั้งนี้กองทุนตราสารหนี้ของ บลจ.กสิกรไทย ไม่มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ของ EA โดย บลจ.กสิกรไทย มีกระบวนการคัดเลือกตราสารหนี้ที่มีคุณภาพดี และมีการทบทวนตราสารหนี้ที่ลงทุนอย่างใกล้ชิด
มุมมองจากทีมผู้จัดการกองทุนตราสารทุน
บลจ.กสิกรไทย มีมุมมองที่ระมัดระวังต่อการลงทุนในหุ้น EA ทั้งนี้ บริษัทจะคอยติดตามพัตนาการของการสืบสวนในกรณีดังกล่าว รวมถึงพัฒนาการของแผนธุรกิจ หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างกรรมการและผู้บริหารระดับสูง
โดยระยะสั้น การปรับโครงสร้างกรรมการและผู้บริหารระดับสูง ส่งผลให้บริษัทฯ มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในการยื่นขอออกตราสารหนี้หรือตราสารทุนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีแหล่งที่มาของการจัดหาเงินทุนจากตลาดการเงินได้เพิ่มเติม เพื่อใช้ในการดำเนินกิจการและจ่ายชำระหนี้ที่ครบกำหนดในครึ่งหลังของปี 2567 โดยเป็นหุ้นกู้ครบกำหนด จำนวน 6,900 ล้านบาท และมีอีกส่วนเป็นหนี้สถาบันการเงินครบกำหนด
แนวทางการจัดการของ บลจ.กสิกรไทย
ณ 12 ก.ค. 2567 บลจ.กสิกรไทยมีการลงทุนใน EA สำหรับกองทุนประเภทที่มุ่งเน้นผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี Passive Fund จำนวน 5 กองทุน และ ปัจจุบัน (15 ก.ค. 2567) ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย H หุ้น EA เพื่อให้บริษัทชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบฐานะการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากภาระหนี้สินโดยเฉพาะเงินกู้และหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระภายในปี 2567 และแนวทางที่ชัดเจนในการชำระหนี้ดังกล่าว บลจ.กสิกรไทย ยังคงติดตามพัฒนาการเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และจะดำเนินการโดยคำนึงผลประโยชน์ภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสมแก่ผู้ลงทุน
ทั้งนี้ ในด้านสภาพคล่องของหุ้นจากการปลดเครื่องหมาย H และกลับมาซื้อขายได้ ประเมินว่านักลงทุนจะให้น้ำหนักกับการชี้แจงของบริษัทต่อ สำนักงาน ก.ล.ต. เป็นหลัก
คำแนะนำการลงทุนกองทุนตราสารหนี้จาก K WEALTH
K WEALTH มีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนตราสารหนี้ไทย โดยมองว่าจะมีผลกระทบจำกัดจากกรณีนี้ต่อตลาดตราสารหนี้ โดยอาจมีความผันผวนเกิดขึ้นในช่วงใกล้ต่ออายุภาระหนี้ของ EA แต่เมื่อผ่านพ้นไปแล้วคาดว่าสถานการณ์จะทยอยกลับสู่ภาวะปกติ
• สำหรับนักลงทุนที่มีสัดส่วนในกองทุนตราสารหนี้ไทย แนะนำคงสัดส่วนหรือทยอยสะสม
• สำหรับนักลงทุนที่ไม่มีสัดส่วนในกองทุนตราสารหนี้ไทย แนะนำทยอยสะสม
คำแนะนำการลงทุนกองทุนหุ้นจาก K WEALTH
K WEALTH มีมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยมองว่างเศรษฐกิจไทยยังขาดปัจจัยหนุนใหม่และยังติดตามทั้งพัฒนาการการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งคาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี รวมถึงผลกระทบจากกรณี EA ต่อตลาดหุ้นไทยในระยะต่อจากนี้
• สำหรับนักลงทุนที่มีสัดส่วนในกองทุนหุ้นไทยและกองทุนหุ้นไทยประเภท Passive Fund แนะนำคงสัดส่วน
• สำหรับนักลงทุนที่ไม่มีสัดส่วนในกองทุนหุ้นไทยและกองทุนหุ้นไทยประเภท Passive Fund แนะนำรอประเมินสถานการณ์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก บลจ.กสิกรไทย
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”