อัปเดตมาตรการอสังหาริมทรัพย์ 2567 ใครบ้างได้ประโยชน์

มาตรกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ จะช่วยให้นักลงทุนอย่างไรได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการอสังหาฯ นายหน้าที่ซื้อขายอสังหาฯ นักลงทุนในอสังหาฯโดยตรง และผ่านหุ้นในตลาด

• ภาครัฐประเมินว่ามาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ จะช่วยให้ GDP เติบโตเพิ่มขึ้นได้ถึง 1.8%


• ผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุด คือ ผู้ที่จะซื้อขายบ้าน จากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าจดจำนอง ภาครัฐประเมินว่าจะช่วย GDP โตเพิ่มขึ้น 1.58%


• บรรดานักวิเคราะห์ เช่น บล.กสิกรไทย และ Innovest X มองว่า เป็นผลบวกในระยะสั้น และGDP ที่เติบโตอาจไม่เป็นไปตามที่ภาครัฐประเมินมา




เมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย. 67 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดังนี้

1. ลดค่าธรรมเนียมการโอน จาก 2% เหลือ 0.01%

2. ลดค่าจดจำนอง จาก 1% เหลือ 0.01%

3. มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้ที่สร้างบ้านบนที่ดินเปล่า

4. สินเชื่อพิเศษของธนาคารรัฐ สำหรับผู้มีรายได้น้อย และบุคคลทั่วไป

5. ส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ผ่านมาตรการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นเวลา 3 ปี สำหรับโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท

แต่ละมาตรการใครได้ประโยชน์บ้าง เศรษฐกิจไทยจะโตอย่างที่คาดไว้หรือไม่ บทความนี้สรุปมาให้แล้ว



คนจะซื้อขายบ้าน

จะได้ประโยชน์จากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน เหลือ 0.01% สำหรับอสังหาริมทรัพย์ ประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ที่ดินพร้อมอาคาร และห้องชุด ที่มีราคาซื้อและราคาประเมิน ไม่เกิน 7 ล้านบาท และกรณีที่ขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ก็จะได้ประโยชน์จากการลดค่าจดจำนอง เหลือ 0.01% ด้วยเช่นกัน


ถามว่า น่าสนใจแค่ไหน ขอยกตัวอย่าง บ้านทาวน์เฮาส์ ราคา 5 ล้านบาท หากขอสินเชื่อบ้านด้วย จะทำให้ค่าธรรมเนียมการโอน ปกติ 2% หรือ 100,000 บาท เหลือ 0.01% หรือ 500 บาท ส่วนค่าจดจำนอง ปกติ 1% ของวงเงินสินเชื่อ (สมมติขอวงเงิน 4.5 ล้านบาท) หรือ 45,000 บาท เหลือ 0.01% หรือ 450 บาท แปลว่า ค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้าน ภายใน 31 ธ.ค. 67 นี้ จากตัวอย่าง ค่าใช้จ่ายรวม อยู่ที่ 145,000 บาท เหลือเพียง 950 บาท และบ้านจะเป็นมือ 1 หรือ มือ 2 ก็เข้าข่ายในมาตรการฯนี้เช่นกัน เห็นแบบนี้คนจะซื้อขายบ้าน ได้ประโยชน์จากค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนมือลดลง ภาครัฐประเมินว่า มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าจดจำนอง เหลือ 0.01% จะช่วยกระตุ้น GDP ให้เติบโตขึ้นได้ 1.58%



คนสร้างบ้านบนที่ดินเปล่า

ให้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่ทำสัญญาจ้างเพื่อสร้างบ้านบนที่ดินเปล่า ภายใน 31 ธ.ค. 68 สามารถใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทุกจำนวนค่าก่อสร้าง 1 ล้านบาท จะลดหย่อนภาษีได้ 10,000 บาท รวมกันแล้วไม่เกิน 100,000 บาท ก็จะช่วยบรรเทาภาระภาษีลง ภาครัฐคาดการณ์ว่า จะช่วยให้ GDP เติบโตขึ้น 0.01%



ผู้ประกอบการ

ในมุมของผู้ประกอบการ ก็ถือเป็นผู้ขายอสังหาริมทรัพย์เช่นกัน ดังนั้น มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าจดจำนอง จะช่วยให้ผู้ประกอบการที่พัฒนาที่อยู่อาศัย จะขายบ้านที่อยู่อาศัยได้เพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์ จากคาดการณ์เดิม หดตัว 3.6% จะทำให้หดตัวลดลงเหลือ 1.6% และช่วยให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ เฉพาะกลุ่มตลาดราคาบ้าน คอนโด 3-7 ล้านบาท จะได้ประโยชน์จากมาตรการฯนี้ นอกจากนี้ยังมีมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 3 ปี ไม่เกิน 100% ของเงินลงทุน (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และยื่นของรับการส่งเสริมภายใน 31 ธ.ค. 68 ทาง บล.กสิกรไทย มองว่า ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มตลาดราคาบ้าน คอนโด ราคา 3-7 ล้านบาท จะได้ประโยชน์สูงสุดจากมาตรการนี้



นักลงทุน

บริษัทหลักทรัพย์ฯ ต่างมองตรงกันว่า มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ จะช่วยได้ในระยะสั้น หากมองในเชิงการลงทุน จะช่วยผู้ประกอบการอสังหาฯได้ในระยะสั้น บล.กสิกรไทย มองหุ้นกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จะได้ประโยชน์* เช่น AP SIRI SUPALI ANAN BRI


จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาล คาดการณ์ว่าจะช่วยให้ GDP โตขึ้นประมาณ 1.8% ซึ่งทาง Innovest X** ประเมินว่า ไม่น่าจะเติบโตได้ในระดับนั้น เนื่องจากมูลค่าตลาดของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อยู่ประมาณ 2.7% ของ GDP (ประมาณ 500,000 ล้านบาท) หากจะให้ภาคธุรกิจอสังหาฯเติบโต 1.8% แปลว่า ต้องโตจากปัจจุบัน 50% ซึ่งเป็นไปได้ยาก ดังนั้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาคอสังหาริมทรัพย์ จะช่วยในระยะสั้น แต่เป็นไปได้ยากที่ GDP เพิ่มขึ้นถึง 1.8% หากประเมินจากขนาดของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประกอบ ดังนั้น ผู้ที่ได้รับประโยชน์ก็ประเมินโอกาสในการเติบโตจากมาตรการฯให้ดี เพราะอาจจะมีโอกาสในระยะสั้นเท่านั้น ส่วนคนที่ได้ประโยชน์สูงสุด คือ คนที่จะซื้อขายบ้าน นั้นเอง


รู้มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์แล้ว นักลงทุนหุ้น หรือ กองทุนหุ้นไทย มีโอกาสลงทุนในหุ้นที่เติบโตจากภาคอสังหาริมทรัพย์ และการขยายตัวของเศรษฐกิจของไทยเติบโตขึ้น ในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่ได้รับประโยชน์จากยอดขายอสังหาฯจากโครงการใหม่ หรือ โครงการที่สร้างเสร็จแล้ว จะช่วยให้ผลประกอบการ หรือเงินทุนหมุนเวียนได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ (ซื้อขายบ้าน คอนโด) มีโอกาสขยับขยายทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยภาพรวม มีเงินหมุนเวียนจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น เป็นโอกาสของตลาดหุ้นไทย และตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ในปีนี้


ขอขอบคุณ : ที่มา : *KS Forward วันที่ 9 เม.ย. 67

**บทวิเคราะห์มาตรการอสังหาริมทรัพย์ โดย Innovest X