ณ 24 เม.ย. 67 ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม ได้แก่ VNI และ VN30 ปรับตัวขึ้น 2.40% และ 2.56%ตามลำดับ ส่งผลให้กองทุนหุ้นเวียดนามของ บลจ.กสิกรไทย ที่ผู้จัดการกองทุนนำเงินไปลงทุนตลาดหุ้นเวียดนามโดยตรงไม่ผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ ปรับตัวขึ้นสูงกว่าดัชนีตลาด โดย K-VIETNAM K-VIETNAM-SSF และ KVIETNAMRMF ปรับตัวขึ้น +3.14% +3.04% และ +3.07% ตามลำดับ
ทำไมตลาดหุ้นเวียวนามปรับตัวขึ้น
คาดว่ามาจาก 2 สาเหตุหลัก ได้แก่
1) เวียดนามเตรียมเปิดตัวระบบซื้อขายหุ้นใหม่
• ประเทศเวียดนาม เตรียมเปิดตัวระบบซื้อขายหุ้นใหม่ ในวันที่ 2 พ.ค.67 โดยระบบใหม่นี้จะจัดการการชำระบัญชีของธุรกรรมภายใน 1 วัน เพื่อยกระดับตลาดหุ้นเวียดนามและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น
• หากระบบดังกล่าวประสบความสำเร็จ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เวียดนามที่จะถูกจัดประเภทใหม่ให้เป็นตลาดเกิดใหม่ ซึ่งปัจจุบันทั้งดัชนี MSCI และ FTSE จัดประเทศเวียดนามว่าเป็นกลุ่มประเทศชายขอบ (Frontier Markets) ซึ่งทำให้กองทุนต่างๆ รวมถึง Family Office (หน่วยงานทางการเงิน ที่บริหารทรัพย์สินของตระกูลใหญ่ เพื่อส่งต่อความมั่งคั่งให้กับคนรุ่นต่อไป) จำนวนมากไม่สามารถลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนามได้
• เมื่อปี 66 ธนาคารโลกได้ประเมินว่าการยกระดับดังกล่าวอาจกระตุ้นให้เกิดเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิระหว่าง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มีเงินไหลเข้าสู่ตลาด 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ภายในสิ้นทศวรรษนี้ หรือปี ค.ศ. 2029 (อีก 5 ปีข้างหน้า)
2) เศรษฐกิจประเทศเวียดนาม ขยายตัว
แม้วันที่ 24 เม.ย. จะมี 2 หน่วยงานหลัก ที่ออกมาให้ความเห็นเศรษฐกิจประเทศเวียดนามในทิศทางที่ไม่ได้ตรงกันนัก แต่ตัวเลขประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจก็ดูเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกัน
• ธนาคารโลก >> เปิดเผยการคาดการณ์ฉบับล่าสุด โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามจะขยายตัว 5.5% ในปี 67 และขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 6% ภายในปี 68 โดยการส่งออกสินค้าภาคอุตสาหกรรมการผลิตจะฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนในปี 67 โดยฟื้นตัวขึ้น 8.5% ในไตรมาส 4/66 เทียบกับปีก่อนหน้า และปรับตัวขึ้น 17.2% ในไตรมาส 1/67 เมื่อเทียบเป็นรายปี รวมถึงความต้องการอุปโภคบริโภคของโลกที่เริ่มมีมากขึ้น
• ธนาคารสแตนชาร์ต >> ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนามปี 67 ลงเหลือ 6.0% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ 6.7% เนื่องจากเศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ในไตรมาส 1/67 และเศรษฐกิจเวียดนามได้รับผลกระทบจากปัญหาการค้าโลก
จากข้อมูลทั้ง 2 แหล่ง สิ่งหนึ่งที่ตรงกันคือเศรษฐกิจเวียดนามปี 67 ยังถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อในอัตรา 5.5%-6% ซึ่งหากอ้างอิงข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) พบว่าปี 67 เศรษฐกิจโลกโดยรวมขยายตัว 3.2% โดยกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วขยายตัวเพียง 1.7% ในขณะที่เศรษฐกิจประเทศเวียดนามขยายตัวถึง 5.8% ดังนั้นแม้ธนาคารสแตนชาร์ตจะปรับลดคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจเวียดนามลง แต่ก็ถือว่ายังเป็นอัตราการเติบโตที่สูงอยู่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นโดยรวม
คำแนะนำการลงทุน กองทุน K-VIETNAM
K WEALTH มีมุมมองค่อนข้างเป็นบวกต่อกองทุน K-VIETNAM โดย
• ผู้ที่มีถืออยู่ หากมีสัดส่วนกองทุนหุ้นเวียดนามในทุก บลจ.
o ยังไม่เกิน 30%ของเงินลงทุนโดยรวม แนะนำให้ถือต่อหรือทยอยสะสมเพิ่มได้
o มีเกิน 30%ของเงินลงทุนโดยรวม แนะนำทยอยขายบางส่วนให้มีสัดส่วนต่ำกว่า 30% เมื่อมีผลตอบแทนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนกระจุกตัวลง และนำเงินไปลงทุนกองทุนแนะนำอื่นของ K WEALTH เช่น K-WPULTIMATE ที่เงินลงทุนส่วนใหญ่ประมาณ 85% มีการลงทุนในหุ้นหลากหลายประเทศ ช่วยกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนกระจุกตัวแค่บางประเทศได้
• ผู้ที่ยังไม่ลงทุนและต้องการลงทุนเพิ่ม สามารถทยอยลงทุนกองทุน K-VIETNAM ได้ หรือหากยังกังวลกับความเสี่ยงเฉพาะตัวหรือความผันผวนของตลาดหุ้นเวียดนามที่สูงกว่าประเทศอื่น แนะนำให้ทยอยลงทุนกองทุน K-WPULTIMATE แทน
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”