K WEALTH / บทความ / Weekly Wealth Update / อัปเดตทิศทางหุ้นจีนกับสารพัดมาตรการกระตุ้น
21 กุมภาพันธ์ 2567
2 นาที

อัปเดตทิศทางหุ้นจีนกับสารพัดมาตรการกระตุ้น


​​​​​​​​​​​​​​​“

• ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 19 ก.พ. 67 ตลาดหุ้นจีนโดยรวม (MSCI China Index) ปรับตัวลง 3.51 % ส่วนตลาดหุ้นจีนในประเทศ (CSI300 Index) ปรับตัวลงเล็กน้อย 0.80 % สวนทางกับตลาดหุ้นโลก (MSCI ACWI Index) ที่ปรับตัวขึ้นมา 3.20 % เมื่อเข้าเดือน ก.พ. ได้มาตรการกระตุ้นออกมาทั้งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและนโยบายสนับสนุนฝั่งตลาดทุน


• ในอดีตการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดทุนทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น แต่การที่จะให้ตลาดหุ้นจีนกลับมาเป็นขาขึ้นรอบใหญ่จำเป็นต้องเห็นเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจน ส่วน Downside ของตลาดหุ้นจีนเรามองว่ามีค่อนข้างน้อยจากระดับการชื้อจากของตลาดหุ้นจีนที่อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเทียบกับในอดีต ทำให้ K WEALTH มีมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนตลาดหุ้นจีน




ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงสวนทางกับหุ้นโลก

​ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 19 ก.พ. 67 ตลาดหุ้นจีนโดยรวม (MSCI China Index) ปรับตัวลง 3.51 % ส่วนตลาดหุ้นจีนในประเทศ (CSI300 Index) ปรับตัวลงเล็กน้อย 0.80 % สวนทางกับตลาดหุ้นโลก (MSCI ACWI Index) ที่ปรับตัวขึ้นมา 3.20 % ปัจจัยที่ทำให้หุ้นจีนปรับตัวลงประกอบไปด้วยแรงกดดันจากตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจปีที่แล้วออกมาน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดย GDP ปี 2023 ขยายตัว 5.2% เทียบกับปีก่อนหน้า ถึงแม้จะอยู่ในระดับที่สูงแต่น้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 5.3 %


รวมถึงความไม่มั่นใจต่อมาตรการกระตุ้นของภาครัฐที่อาจต่ำกว่าคาด ซึ่งนายกฯ จีนได้ส่งสัญญาณการกระตุ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยเน้นการเติบโตระยะยาวอย่างยั่งยืน



รัฐบาลจีนเริ่มเห็นถึงปัญหาและมีการออกนโยบายกระตุ้นทั้งเศรษฐกิจและตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงที่ผ่านมาทางรัฐบาลจีนได้มีการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดทุนออกมาอย่างต่อเนื่องโดยมีมาตรการที่สำคัญ ดังนี้ • ธนาคารกลางจีนออกมาลดอัตราส่วนเงินฝากขั้นต่ำที่ธนาคารพาณิชย์ต้องถือเก็บไว้เป็นเงินสำรอง (Reserve Requirement Ratio) ลง 0.50% ส่งผลให้มีสภาพคล่องเข้าระบบธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้น 1ล้านล้านหยวนเพื่อใช้ปล่อยสินเชื่อให้ภาคประชาชนและธุรกิจมากขึ้น 


• ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี 5 ปี (5-Year LPR) ลงจาก 4.2 % เหลือ 3.95 % ส่งผลให้เมืองต่างๆสามารถลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้านขั้นต่ำเพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 1/3 ของ GDP 


• หน่วยงานรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ Central Huijin Investment ประกาศเข้าชื้อกงอทุน ETF หุ้นจีนเพื่อเป็นการเรียกความเชื่อมั่นจากทั้งนักลงทุนในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ โดยหลังการประกาศดังกล่าวทำให้ยอดเข้าชื้อ ETF ตลาดหุ้นจีนสูงถึง 1.7 พันล้านหยวน


นอกจากนี้ยังมีข่าวว่ารัฐบาลจีนเตรียมงบประมาณ 2 ล้านล้านหยวน เพื่อเข้าซื้อหุ้นที่อยู่ในตลาดหุ้นแผ่นดินใหญ่ และเงินอีกส่วนราว 3 แสนล้านหยวน เตรียมเข้าซื้อหุ้นในตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งยังต้องติดตามความคืบหน้าในช่วงต่อจากนี้ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นนับตั้งแต่เข้าปี2024สะท้อนว่ารัฐบาลจีนเริ่มตระหนักถึงผลจากการเสียความเชื่อมั่นและการขาดมาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ จึงเริ่มหันกลับมากระตุ้นอย่างชัดเจนอีกครั้ง



มุมมองหุ้นจีนในระยะข้างหน้าขึ้นอยู่กับทิศทางของเศรษฐกิจ

​ในอดีตการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดทุนทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น แต่การที่จะให้ตลาดหุ้นจีนกลับมาเป็นขาขึ้นรอบใหญ่จำเป็นต้องเห็นเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจน ส่วน Downside ของตลาดหุ้นจีนเรามองว่ามีค่อนข้างน้อยจากระดับการชื้อขายของตลาดหุ้นจีนที่อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเทียบกับในอดีตโดย MSCI China Index ชื้อขายกันที่ Forward P/E 10.1 เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 12.55 เท่า ด้วย 2 เหตุผลดังกล่าว ทำให้ K WEALTH มีมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนตลาดหุ้นจีน



คำแนะนำการลงทุนกองทุนรวมหุ้นจีน

• การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นจีน เช่น กองทุน K-CHINA-A(A), K-CHINA-A(D), K-CCTV และ K-CHX มีมุมมอง Neutral โดยมีคำแนะนำ ดังนี้ 

      o นักลงทุนที่ยังไม่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นจีน หรือมีแต่สัดส่วนน้อยกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำถือต่อ และรอจังหวะลงทุนในอนาคต 

      o ​นักลงทุนที่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นจีน และมีสัดส่วนมากกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำให้ทยอยขายบางส่วนเพื่อลดสัดส่วนให้ต่ำกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด


บทความโดย K WEALTH Trainer ณัฐภัทร มิตรศิริสวัสดิ์

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ

KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!