ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปรับตัวแข็งแกร่ง รับการออกมาตรการกระตุ้น
ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปรับตัวขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 ม.ค. หลังมีรายงานระบุว่ารัฐบาลจีนกำลังพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดหุ้น ด้วยการอัดฉีดวงเงินราว 2 ล้านล้านหยวน (6% ของมูลค่าตลาดหุ้นจีน) โดยเงินส่วนใหญ่จะมาจากบัญชีของรัฐวิสาหกิจจีนที่อยู่นอกประเทศซึ่งจะนำมาซื้อหุ้นในประเทศ และคาดว่าทางการจีนจะใช้วงเงินในประเทศอีกอย่างน้อย 3 แสนล้านหยวน เพื่อเข้าลงทุนหุ้นในประเทศ
ซึ่งมาตรการดังกล่าวยังไม่ได้มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ โดยคณะรัฐมนตรีจีนจะเปิดรับฟังข้อสรุปเกี่ยวกับการดำเนินงานของตลาดทุน รวมทั้งพิจารณามาตรการที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 24 ม.ค. PBOC ปรับลดอัตราส่วนเงินสำรองสำหรับธนาคารพาณิชย์หรือ Reserve Requirement Ratio (RRR) ลง 0.5% ซึ่งจะมีผลในวันที่ 5 ก.พ. ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ธนาคารพาณิชย์สามารถปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าหรือซื้อพันธบัตรเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจอีก 1 ล้านล้านหยวน
ทางการจีนสั่งห้าม Hedge Fund ทำ Short Sell ในตลาด ด้าน Jack Ma ซื้อหุ้น Alibaba
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และกำกับตลาดหลักทรัพย์จีน (CSRC) สั่งห้ามกองทุน Hedge Fund ห้ามทำ Short Sell ในตลาด Futures ทำให้ตลาดหุ้นจีนมีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวขึ้นหลังมีรายงานข่าวว่า Jack Ma และ Joseph Tsai ซึ่งเป็น 2 ผู้ก่อตั้ง Alibaba ได้ซื้อหุ้น Alibaba รวมกันเป็นมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ ส่งให้ราคาหุ้น Alibaba ปรับตัวขึ้น 8%
ณ วันที่ 26 ม.ค. 67 หุ้น Alibaba มีมูลค่าตลาด 1.45 ล้านล้านดอลลาร์ฮ่องกง (190,000 ล้านดอลลาร์) อยู่ในอันดับ 2 ของตลาดหุ้นฮ่องกง (Hang Seng) ด้วยสัดส่วน 8.29%
มุมมองการลงทุน
K WEALTH มีมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีน โดยภาพรวมเศรษฐกิจจีนยังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและต่ำกว่าที่ตลาดคาดหวัง ทำให้ K WEALTH ยังติดตามความคืบหน้าและขนาดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการเรียกความเชื่อมั่นของภาคเอกชน ประชาชน และนักลงทุนต่างชาติ
คำแนะนำการลงทุนกองทุนรวมหุ้นจีน
การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นจีน เช่น กองทุน K-CHINA-A(A), K-CHINA-A(D), K-CCTV และ K-CHX มีมุมมอง Neutral โดยมีคำแนะนำ ดังนี้
• นักลงทุนที่ยังไม่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นจีน หรือมีแต่สัดส่วนน้อยกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำถือต่อ และรอจังหวะลงทุนในอนาคต
• นักลงทุนที่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นจีน และมีสัดส่วนมากกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำให้ทยอยขายบางส่วนเพื่อลดสัดส่วนให้ต่ำกว่า 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก KAsset, CNBC
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”