ตลาดหุ้นเวียดนามร่วงลงต่อเนื่องในระยะสั้นตามทิศทางตลาดหุ้นโลก
ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลงต่อเนื่อง ในระหว่างวันที่ 20-26 ก.ย. 66 ประมาณ -7.2% หรือ -8.5% จากจุดสูงสุดของปีนี้ การปรับตัวลงของตลาดหุ้นเวียดนามเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลงเช่นกัน ภายหลังการประชุม FOMC ที่เผยประมาณการว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งกว่าคาด ส่งผลให้ยังมีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินตึงตัวต่อไปเพื่อชะลอเงินเฟ้อ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าอย่างมีนัยยะเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นเวียดนาม
ปัจจัยลบในประเทศทำให้มีความผันผวนมากขึ้น
ระยะสั้นที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเวียดนามได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัยประกอบกัน ดังนี้
1. ข่าวบริษัทหลักทรัพย์ VPS ซึ่งมี Market Share สูงสุดในตลาดในไตรมาส 2 จะปรับลดวงเงิน Margin Lending (วงเงินกู้ยืมสำหรับลงทุนหุ้น) สำหรับนักลงทุนรายย่อย ทำให้มีแรงเทขายจากนักลงทุนรายย่อยจากการปรับลดวงเงินครั้งนี้ อย่างไรก็ตามทีมผู้จัดการกองทุนมองว่า เป็นปัจจัยกดดันเชิงเทคนิคระยะสั้น ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์จะมีการปรับเปลี่ยนวงเงิน Margin Lending เป็นประจำ เพื่อบริหารความเสี่ยงให้สอดคล้องไปกับภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้น ตลอดจนภาพรวมยอด Margin Lending ยังอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวลอย่างมีนัยยะ

2. ธนาคารกลางเวียดนามออกพันธบัตรระยะสั้นเพื่อดูดสภาพคล่อง ภายหลัง FOMC ยังคงนโยบายการเงินตึงตัว ซึ่งการดูดสภาพคล่องของธนาคารกลางเวียดนามเป็นการลดแรงกดดันค่าเงินดอง ที่ได้รับผลกระทบจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนาม ที่กว้างขึ้น ทั้งนี้ทีมผู้จัดการกองทุนมองว่า การดำเนินการของธนาคารกลางเวียดนามจะช่วยลดผลกระทบเชิงลบต่อค่าเงินดอง ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยระหว่างนี้ตลาดหุ้นจะมีความผันผวนมากขึ้นระยะสั้น แต่คาดว่าจะบรรเทาลงในระยะถัดไป
คาดระยะสั้นตลาดหุ้นเวียดนามยังคงผันผวนภายหลังตลาดหุ้นฟื้นตัวอย่างมีนัยยะจากต้นปี
ในระยะสั้นตลาดหุ้นเวียดนามยังคงมีความผันผวนภายหลังตลาดหุ้นฟื้นตัวอย่างมีนัยยะจากต้นปี จากความคาดหวังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปีนี้ ตลาดจนนโยบายการเงินยังอยู่ในทิศทางที่ผ่อนคลายลง แม้จะกลับมาตึงตัวขึ้นบ้างในระยะสั้นที่ผ่านมา เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินดอง และรัฐบาลมีการใช้นโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ยังคงมุมมองเชิงบวกในระยะกลางถึงยาว
ในระยะกลางถึงยาว K-Wealth ยังมีมุมมองเชิงบวก โดยคาดว่ารัฐบาลยังจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพื่อด้วยเป้าหมายการเติบโตปีนี้ 6.5% นอกจากนี้เศรษฐกิจเวียดนามยังคงน่าสนใจดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ที่ยังไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ด้านการบริโภคภายในมีแนวโน้มเติบโตหนุนโดยรายได้ประชาชนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ระบบการเงินและค่าเงินมีเสถียรภาพมากขึ้นเช่นกัน
มุมมองและคำแนะนำการลงทุนตลาดหุ้นเวียดนาม
K-Wealth ยังคงมีมุมมอง Slightly Positive ต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม จาก Upside ที่เพิ่มขึ้นหลังตลาดหุ้นเวียดนามปรับฐานลงมาในระยะที่ผ่านมา โดยประมาณการ EPS ปีหน้ายังเติบโตโดดเด่นที่ 18% และระดับมูลค่าตลาดหุ้นเวียดนามยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว จึงแนะนำให้นักลงทุนใช้โอกาสที่ตลาดหุ้นเวียดนามปรับฐานทยอยเข้าสะสม กองทุนหุ้นเวียดนาม (K-VIETNAM) โดยให้มีสัดส่วนในพอร์ตการลงทุนไม่เกิน 10%
คำแนะนำการลงทุน
• ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM เพื่อรับการเติบโตระยะกลางถึงยาวของเศรษฐกิจเวียดนาม โดยให้มีสัดส่วนในพอร์ตการลงทุนไม่เกิน 10%
o ต้องการลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน เน้นการลงทุนสินทรัพย์ประเทศไทย และรับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-PLAN2 และ K-PLAN3
• สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น
o ชอบกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศบางส่วน แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-PLAN1 ถือลงทุนอย่างน้อย 9-12 เดือน หรือ K-FIXEDPLUS แนะนำถือลงทุนอย่างน้อย 1 ปี
o หากไม่สามารถรับความเสี่ยงการลงทุนต่างประเทศได้ แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-CBOND ถือลงทุนอย่างน้อย 9-12 เดือน หรือ K-FIXED ถือลงทุนอย่างน้อย 1 ปี
o แต่หากต้องการลงทุนกองทุนที่มีนโยบายเน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade แนะนำลงทุนกองทุน K-GB ถือลงทุนอย่างน้อย 3-5 ปี
• สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น
และไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ แนะนำพักเงินในกองทุน K-SF ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง หรือกองทุน K-SFPLUS เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก KAsset
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”