พูดถึงกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นถึงกลางจาก บลจ.กสิกรไทย ก็คงนึกถึงกองทุน K-SF-A, K-SFPLUS หรือ K-FIXEDPLUS แต่จะว่าไปแล้วก็ยังมีกองทุน K-PLAN1 ที่ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กองทุนชื่อดังเหล่านั้น ที่ผ่านมาทุกคนอาจยังลังเลที่จะลงทุนกองทุนตราสารหนี้ เพราะดูผลตอบแทนย้อนหลังแล้วไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่
ส่องผลงานกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นถึงกลางยุคดอกเบี้ยขาขึ้น
ย้อนไป 1 ปีที่ผ่านมา กองทุน K-SF-A ทำผลตอบแทนได้ 1.08% กองทุน K-SFPLUS ทำผลตอบแทนได้ 1.21% กองทุน K-FIXEDPLUS ทำผลตอบแทนได้ 1.58% และกองทุน K-PLAN1 ทำผลตอบแทนได้ 1.26%
ซึ่งผลตอบแทนก็ไม่ได้ดีแบบโดดเด่นกว่าดอกเบี้ยเงินฝากหรือผลตอบแทนสลากออมทรัพย์ ยิ่งย้อนกลับไปดูช่วงเวลานี้เมื่อปีที่แล้วกองทุนที่กล่าวมาเหล่านี้จะพบว่าแทบทำผลตอบแทนไม่ได้เลย
เหตุผลเกิดจากเป็นช่วงเวลาที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ และช่วงที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น กองทุนตราสารหนี้ก็มีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนได้ไม่ดีเท่าไหร่ ซึ่งอาจไม่ดีถึงขนาดน้อยกว่าดอกเบี้ยเงินฝากด้วยซ้ำ
ผลที่เกิดขึ้น คือ นักลงทุนหลายคนหันนำเงินลงทุนไปเก็บไว้ในเงินฝาก หรือสลากออมทรัพย์
ผลตอบแทนเงินฝากหรือสลากออมทรัพย์อาจมีข้อจำกัด
สลากออมทรัพย์อายุ 1 ปี ให้ผลตอบแทนที่ 0.25% ต่อปี ซึ่งถ้าต้องการถูกรางวัลทุกงวดก็ต้องใช้เงินลงทุน 200,000 บาท (ถูกรางวัลเลขท้าย 4 ตัวทุกงวด) จะได้ผลตอบแทน 0.48% ต่อปี แม้กระทั่งใช้เงินลงทุน 2,000,000 บาท ก็จะได้ผลตอบแทน 0.48% ต่อปี เช่นกัน โดยรวมจะให้ผลตอบแทนประมาณ 0.73% ต่อปี
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 23 ส.ค. 2566) อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทยอยู่ที่ 0.3% ต่อปี ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน อยู่ที่ 1.00-1.05% ต่อปี
จะเห็นว่าแม้จะใช้เงินลงทุนสลากออมทรัพย์เพิ่ม แต่ผลตอบแทนเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อปีก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากแล้ว ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกไม่มากหรือคงที่แล้ว เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
แล้วมีกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นถึงกลางกลับมาเป็นทางเลือกได้บ้างหรือยัง?
ทำไมกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นถึงกลางถึงน่าสนใจในช่วงเวลาต่อจากนี้
ที่ผ่านมากองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นถึงกลางโดนกดดันจากทิศทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อชะลอเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามช่วงที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทยส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายออกมาบ้าง ดังนั้นสิ่งที่กดดันผลตอบแทนกองทุนตราสารหนี้ในประเทศอยู่ก็น้อยลง
ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้นมาสูง ดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและหุ้นกู้ ที่รู้จักกันในคำว่า Yield ปรับตัวขึ้นมาถึงระดับสูงที่สุดในรอบ 10 ปี อย่างน้อยถ้าถือครองตราสารหนี้เหล่านี้แม้ดอกเบี้ยจะไม่ขยับไปไหนก็ยังได้ผลตอบแทนจาก Yield ที่น่าสนใจไม่แพ้สินทรัพย์อื่นเลย
ดังนั้นการนำเงินส่วนที่นอกเหนือจากลงทุนสลากออมทรัพย์หรือฝากออมทรัพย์มาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนในประเทศก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในช่วงเวลาต่อจากนี้
สำหรับนักลงทุนที่สนใจก็มีกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นและกลางมาแนะนำ แบ่งความเหมาะสมตามความเสี่ยงที่รับได้และระยะเวลาลงทุน
โดยนักลงทุนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ แนะนำพักเงินในกองทุน K-SF-A เหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน หรือกองทุน K-SFPLUS เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน
นักลงทุนมองหากองทุนตราสารหนี้ที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศบางส่วน แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-PLAN1 ถือลงทุนอย่างน้อย 9-12 เดือน หรือกองทุน K-FIXEDPLUS แนะนำถือลงทุนอย่างน้อย 1 ปี