K WEALTH / บทความ / Wealth Management / มีหุ้นกลุ่ม defensive ติดพอร์ต ช่วยให้รอดทุกสภาวะ
22 สิงหาคม 2566
4 นาที

มีหุ้นกลุ่ม defensive ติดพอร์ต ช่วยให้รอดทุกสภาวะ


​​​​​​​​​​​​​​​“

• หุ้น Defensive เป็นทางเลือกลงทุนในหุ้นที่เติบโตช้า แต่สม่ำเสมอกว่าหุ้นเจริญเติบโตดี ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปมากแล้ว และเป็นหลุมหลบภัยให้กับนักลงทุนในภาวะตลาดผันผวน และมีความน่าสนใจเนื่องจากรายได้และกำไรมีเสถียรภาพ ไม่ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจ ความผันผวนต่ำ และผลตอบแทนสม่ำเสมอ


• หุ้น Defensive เป็นทางเลือกลงทุนในหุ้นที่เติบโตช้า แต่สม่ำเสมอกว่าหุ้นเจริญเติบโตดี ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปมากแล้ว และเป็นหลุมหลบภัยให้กับนักลงทุนในภาวะตลาดผันผวน และมีความน่าสนใจเนื่องจากรายได้และกำไรมีเสถียรภาพ ไม่ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจ ความผันผวนต่ำ และผลตอบแทนสม่ำเสมอ




ในภาวะที่ตลาดมีความผันผวนทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและภายนอกประเทศ การเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงในภาวะที่หุ้นมีอัตราเติบโตดี อย่างหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ที่มีการปรับตัวขึ้นมาสูงแล้ว อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ทำให้เงินลงทุนเติบโต อีกทางเลือกหนึ่งนั่นคือการลงทุนกลุ่ม Defensive ที่จะช่วยให้การลงทุนในหุ้นเติบโตช้าหน่อย แต่เติบโตสม่ำเสมอ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แล้วการลงทุนแบบนี้ดีอย่างไร มาติดตามไปพร้อมกัน



หุ้น Defensive คืออะไร


หุ้น Defensive หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หุ้นปลอดภัย” คือ หุ้นที่มีพื้นฐานค่อนข้างแข็งแกร่ง ความเสี่ยงต่ำ และมีการจ่ายเงินปันผลค่อนข้างสม่ำเสมอ จึงเป็นหุ้นที่มีความทนทานในทุกสภาพตลาด ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลงก็ตาม ในทางกลับกัน การเติบโตของรายได้และกำไรของหุ้นกลุ่มนี้ก็จะไม่หวือหวาเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่นๆ ในตลาด ​


หุ้น Defensive จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการได้รับเงินปันผลสม่ำเสมอ และไม่ค่อยมีเวลาในการติดตามข่าวสารมากนัก



หุ้น Defensive น่าสนใจตรงไหน


​หุ้น Defensive มีความน่าสนใจเนื่องจาก


1. รายได้และกำไรมีเสถียรภาพ ไม่ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจ

รายได้และกำไรของหุ้นกลุ่มนี้ค่อนข้างมีเสถียรภาพ เนื่องจากสินค้าและบริการของหุ้นกลุ่มนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องใช้อุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน ดังนั้น ไม่ว่าเศรษฐกิจในช่วงนี้จะดีหรือไม่ดี บริษัทก็ยังสามารถสร้างผลประกอบการที่ดีและจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ ภาวะเศรษฐกิจจึงไม่ค่อยมีผลกับผลประกอบการของบริษัท


2. ความผันผวนต่ำ

ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ตลาดหุ้นเป็นขาลง หุ้น Defensive มักจะได้รับผลกระทบไม่มากเนื่องจากทุกคนยังมีความต้องการใช้สินค้าหรือบริการอย่างต่อเนื่อง ราคาหุ้นจึงลดลงน้อยกว่าตลาด เรียกว่าเป็นหุ้นที่มีความผันผวนของราคาต่ำเมื่อเทียบกับความผันผวนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ จึงเหมาะกับการลงทุนในช่วงที่ตลาดเป็นขาลง


3. ผลตอบแทนสม่ำเสมอ

​ในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัว ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น หุ้น Defensive มักทำผลตอบแทนได้ดีและให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ แต่ผลตอบแทนอาจไม่สูงหรือไม่หวือหวาเท่ากับหุ้นเติบโต อย่างหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ทำผลตอบแทนได้ดีกว่า ซึ่งจากข้อมูลบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) พบว่า ปีนี้หุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ หลายตัวราคาปรับตัวขึ้นมา 40-100% จากกระแสของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่กำลังมาแรง ทั้งนี้ หากมองในมุมความเสี่ยง หุ้นเติบโตก็มีความเสี่ยงมากกว่าหุ้น Defensive เช่นกัน


สาเหตุที่แนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนหุ้น Defensive ในช่วงนี้เนื่องจากตลาดหุ้นมีความผันผวนและความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัย โดยหุ้นไทยยังคงต้องติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด รวมถึงทิศทางของเงินทุนต่างชาติ ส่วนหุ้นโลกยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามา ในขณะที่ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของธนาคารต่างๆ ของสหรัฐฯ จากการที่ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง



ลงทุนอะไรที่เรียกว่า Defensive


​สำหรับการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive ได้แก่ การลงทุนในหุ้นกลุ่มสินค้าและบริการที่มีความจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น


  • หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค อย่างไฟฟ้า ประปา ขนส่ง สื่อสาร โทรคมนาคม 
  • หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล 
  • หุ้นกลุ่มยา 
  • หุ้นกลุ่มอาหาร 


นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถเลือกลงทุนหุ้นกลุ่ม Defensive ผ่านกองทุนรวมหุ้นได้เช่นกัน โดยกองทุนแนะนำได้แก่



กองทุน K-GHEALTH

กองทุน K-GHEALTH เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทที่ประกอบธุรกิจดูแลสุขภาพทั่วโลก เช่น บริษัทยา โรงพยาบาลชั้นนำที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงไม่น้อยกว่า 67% ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน โดยลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund, Class A (acc) - USD (กองทุนหลัก) 97.99% เงินฝาก 2.44% และอื่นๆ -0.43% (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 66) และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง

ทั้งนี้ ทรัพย์สิน 10 อันดับแรกที่กองทุนหลักลงทุน ณ วันที่ 31 ก.ค. 66 ได้แก่



ที่มา: JPMorgan Funds - Global Healthcare Fund


หากพิจารณาผลตอบแทนของกองทุนหลักอย่างกองทุน JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund, Class A (acc) – USD ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า ผลตอบแทนชนะหุ้นโลก โดยสามารถทำผลตอบแทนได้ถึง 142% สูงกว่าดัชนี MSCI ACWI TR ที่ทำผลตอบแทนได้ 129%


สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน K-GHEALTH 3 ปี และ 5 ปี ณ วันที่ 15 ส.ค. 66 อยู่ที่ 3.14% และ 5.78% ต่อปี ตามลำดับ ผู้สนใจลงทุนแนะนำถือลงทุนอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป


สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน K-GHEALTH 3 ปี และ 5 ปี ณ วันที่ 15 ส.ค. 66 อยู่ที่ 3.14% และ 5.78% ต่อปี ตามลำดับ ผู้สนใจลงทุนแนะนำถือลงทุนอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป


Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน” 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : 

● บลจ.กสิกรไทย, บล.กสิกรไทย, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


บทความโดย K WEALTH Trainer สุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ CFP®

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ

​กองทุน K-GHEALTH

ซื้อเลย
ชื้ช่องลงทุน ทั้งไทยและต่างประเทศ จุดไหนที่จะโต
ลงทุนในสหรัฐฯ ตอนนี้ยังน่าสนใจอยู่ไหม?
ตลาดไม่เป็นใจ ลงทุนยังไงดี?
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!