ฝรั่งเทขาย SET หลุด 1,500 ซื้อเลยดีไหม

นักลงทุนที่ได้ติดตามการลงทุนในตลาดหุ้นไทยคงทราบดีว่าเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะภาคบริการทยอยฟื้นตัวจากวิกฤต Covid-19 จะเห็นได้ว่ารายได้และกำไรสุทธิกลุ่มที่เชื่อมโยงกับภาคการท่องเที่ยวตั้งแต่ขนส่งทางอากาศ โรงแรม ค้าปลีกงบการเงินไตรมาส 1/2566 ออกมาฟื้นตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามประมาณการณ์กำไรสุทธิหุ้นไทยในปีนี้ถูกปรับลง ซึ่งหลักๆจากกลุ่มพลังงานที่เผชิญความท้าทายทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลก และความเสี่ยงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่

นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยในปีนี้ จากทั้งปัจจัยภายใน และภายนอก

หากย้อนดูสถิติการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาตินับตั้งแต่ต้นปีมีแรงเทขายสุทธิกว่า 1.1 แสนล้านบาท กดดันดัชนี SET โดยฝรั่งเริ่มเทขายหนักตั้งแต่เดือนมกราคม จากทั้งปัจจัยต่างประเทศ อาทิ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับไปถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าเงินบาทในปัจจุบัน และปัจจัยในประเทศ เช่น ประเด็นด้านธรรมมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียน และความกังวลการจัดตั้งรัฐบาลใหม่

สถิติชี้ หากแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติเบาลง น่าจะส่งผลดีต่อหุ้นไทย

กลับมาที่สถิติการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย หากมองย้อนกลับไป 10 ปี ต่างชาติเทขายหุ้นไทยออกมาต่อเนื่องทำให้ปัจจุบันสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างประเทศอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหลายสิบปี อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าเมื่อแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติชะลอลงหรือกลับมาซื้อ ยกตัวอย่างเช่น ช่วงปี 2016-2017 และ 2021-2022 ดัชนี SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

ติดตามการจัดตั้งรัฐบาล และความไม่แน่นอนทางการเมือง

ในเดือนกรกฎาคมนี้ตลาดหุ้นไทยน่าจับตาเป็นพิเศษเนื่องจากไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะเริ่มขึ้น ตั้งแต่การเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 4 ก.ค. และคาดว่าจะมีการประชุมร่วมของรัฐสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีวันที่ 15 ก.ค. ดังนั้นหากมีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล รวมไปถึงนโยบายต่างๆที่อาจจะกระทบต่อตลาดทุน อาทิ Capital Gain tax การขึ้นภาษีนิติบุคคล ที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล อย่างไรก็ตามหากเราดูแนวคิดของ 2 พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร ก้าวไกลจะค่อนไปทางสังคมนิยม ขณะที่เพื่อไทยจะไปทางทุนนิยม แต่เรื่องค่าแรงขั้นต่ำทั้ง 2 พรรคเห็นตรงกัน ดังนั้นหาก 2 พรรคนี้สามารถร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จและสื่อสารให้นักลงทุนเชื่อมั่นถึงศักยภาพของตลาดทุนไทย มีโอกาสสูงที่ Fund flow จะไหลกลับหลังจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย และผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า

มุมมองการลงทุน

แม้ปัจจุบันทางเรายังมีมุมมองเป็นกลางต่อหุ้นไทยแต่เมื่อดัชนีปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,500 จุดเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสม เนื่องจากมูลค่า P/E คาดการณ์โดย Bloomberg Consensus ที่ระดับประมาณ 15.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ปัจจุบันเรามีกองทุนแนะนำ K-STAR บริหารโดยผู้จัดการกองทุน KAsset แบบ Active Management มีการปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะตลาดในแต่ละขณะ