K WEALTH / บทความ / Market Update / ประเด็นร้อน : จับตาหุ้นยุโรป หลัง ECB มีมติขึ้นดอกเบี้ย
27 ตุลาคม 2565
2 นาที

ประเด็นร้อน : จับตาหุ้นยุโรป หลัง ECB มีมติขึ้นดอกเบี้ย



“​

• แนะนำนักลงทุนจับตาสัญญาณ ทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ซึ่งอาจมีผลต่อตลาดหุ้น


• ผู้ถือกองทุนหุ้นยุโรป กองทุนน้ำมัน แนะนำขายคืน โดยเฉพาะหากกองทุนที่ถืออยู่นั้นมีกำไร


• สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น แนะนำพักเงินในกองทุน K-SF เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง




วันที่ 26 ต.ค. 65 ตลาดหุ้นยุโรปมีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย เช่น ดัชนี STOXX 600 +0.66%เทียบกับวันก่อนหน้า แต่ก็ถือว่าเป็นระดับที่สูงที่สุดในช่วง 5 สัปดาห์ย้อนหลัง หรือย้อนหลังไปจนถึง 16 ก.ย. 65

ทั้งนี้แม้ว่าดัชนีตลาดหุ้นยุโรปจะปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่หากพิจารณาราคากองทุน K-EUROPE-A(D) พบว่ามีการปรับตัวขึ้น +3.17%เทียบกับวันก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับกองทุนที่มีกลยุทธ์ การลงทุนแบบเชิงรุก หรือ active management ที่ระยะสั้นราคากองทุนอาจเปลี่ยนแปลงมากกว่าตลาดหุ้นโดยรวม หรือเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามได้


การขึ้นดอกเบี้ยของ ECB


ล่าสุดช่วงค่ำวันที่ 27 ต.ค. ตามเวลาประเทศไทย ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามที่ตลาดได้เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยตลาดหุ้นยุโรปแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงเทียบกับวันก่อนหน้า โดย ดัชนี STOXX 600 (หุ้นใหญ่/กลาง/เล็ก) ปรับตัวลงเพียง -0.03% ส่วนดัชนี Stoxx 50 (หุ้นใหญ่)  ปรับตัวลงเพียง -0.02% เทียบกับวันก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงตลาดหุ้นยุโรปได้รับรู้หรือสะท้อนผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ยของ ECB ไปก่อนหน้านี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทย มองว่าเศรษฐกิจยุโรปมีโอกาสสูงกว่าสหรัฐฯ ที่จะเกิดภาวะถดถอย โดยยุโรปยังคงได้รับผลกระทบโดยตรงจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทำให้เกิดการขาดแคลนพลังงาน


ความเคลื่อนไหวอื่น ที่น่าสนใจ


ตลาดหุ้นเวียดนาม ณ 27 ต.ค. มีการปรับตัวขึ้น เช่น ดัชนี VNI +3.49% และดัชนี VN 30 +3.85%เทียบกับวันก่อนหน้า จากการที่ตลาดมีแรงซื้อเข้ามา โดยมีหุ้น 28 บริษัท จาก 30 บริษัท ที่อยู่ในดัชนี VN30 มีการปรับตัวขึ้น และมีอยู่ 9 บริษัทที่ราคาปรับตัวขึ้นจนไปแตะระดับ Ceiling (ราคาสูงสุด ที่เป็นไปได้ตามเกณฑ์การซื้อขาย) หลังจากที่นักลงทุนรายย่อยซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนหลักของตลาดเวียดนาม คลายกังวลเกี่ยวกับเรื่องการทุจริตของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ จนทำให้เกิดกระแสประชาชนไปถอนเงินจากธนาคาร ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

สำหรับน้ำมันดิบโลก มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยดูจากราคากองทุน Invesco DB Oil Fund (กองทุนหลักของ K-OIL) มีการปรับตัวขึ้น 3.54% และ 1.00%เทียบกับวันก่อนหน้า ในวันที่ 26 และ 27 ต.ค. ตามลำดับ จากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ที่สูงกว่าคาดไว้


ประเด็นที่ควรติดตาม


การประชุมธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก ว่าจะมีทิศทางหรือส่งสัญญาณอย่างไร มีโอกาสที่ธนาคารกลางประเทศอื่นๆ จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยเหมือนธนาคารกลางแคนาดาที่เริ่มชะลอการจึ้นอัตราการดอกเบี้ย หรือไม่

โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED ที่จะทราบผลการประชุม ในวันที่ 3 พ.ย. ช่วงเช้ามืดตามเวลาประเทศไทย

รวมถึงธนาคารประเทศอื่นๆ ที่ทยอยแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ก่อนการประชุม FED​ ด้วย เช่น ธนาคารกลางญี่ปุ่น ที่แถลงวันที่ 28 ต.ค. ช่วงเช้า และธนาคารกลางออสเตรเลีย ที่แถลงวันที่ 1 พ.ย. ช่วงเช้า ตามเวลาประเทศไทย เป็นต้น

รวมถึงความเคลื่อนไหวของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับ 2 ของโลกอย่างประเทศจีน ว่าจะมีนโยบายหรือมาตรการที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจอย่างไร หลังจากที่ตลาดหุ้นจีนมีความผันผวนโดยมีการปรับตัวลงค่อนข้างแรงในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงแนวโน้มความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน ว่าจะคลี่คลายหรือตึงเครียดมากขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อภาคธุรกิจ เศรษฐกิจ และการลงทุนทั่วโลก 


คำแนะนำการลงทุน


ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นยุโรป เช่น K-EUROPE-A(D) K-EUSMALL K-EUX ฯลฯ ควรหาจังหวะขายหรือลดสัดส่วนการลงทุนลง

ผู้ถือกองทุน K-OIL แนะนำพิจารณาขายทั้งหมด หากมีกำไร

สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้และต้องการลงทุนระยะยาว แนะนำพิจารณาการลงทุนในกองทุนหุ้นไทย กองทุนหุ้นจีน กองทุนหุ้นญี่ปุ่น และกองทุนหุ้นเวียดนาม โดยควรมีการกระจายการลงทุนในกองทุนต่างๆ อย่างเหมาะสม

สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น แนะนำพักเงินในกองทุน K-SF ซึ่งเหมาะกับการพักเงิน 3 เดือนขึ้นไป เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก KAsset, FINNOMENA, ryt9

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”​


​​​​

บทความโดย K WEALTH TRAINER ราชันย์ ตันติจินดา CFP®
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!