ทำไมกองทุน K-CCTV ถึงปรับตัวลดลง
ตลาดหุ้นจีน ณ 24 ส.ค. ปรับตัวลดลงเนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีสาเหตุมาจาก
• การที่รัฐบาลจีนยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์
• การทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนที่เป็นปัญหายืดเยื้อมาเป็นเวลานาน
ส่วนสาเหตุที่กองทุน Schroder International Selection Fund China A ซึ่งเป็น 1 ใน 2 กองทุนที่ K-CCTV ลงทุนอยู่ในสัดส่วน 49.64% ปรับตัวลดลง หากพิจารณาหุ้น 10 อันดับแรก ที่กองทุนดังกล่าวลงทุนมากที่สุด ณ 31 ก.ค. 65 คิดเป็นสัดส่วนรวม 28.24% ของมูลค่ากองทุน พบว่า ส่วนใหญ่ราคาปรับตัวลง โดยมีรายละเอียดตามตารางด้านล่าง
จากตารางพบว่า ณ 24 ส.ค. มีอยู่ 9 หุ้น จาก 10 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนรวม 24.31% ของมูลค่ากองทุน ที่ราคาปรับตัวลงเทียบกับวันก่อนหน้า โดยมีอยู่ 3 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนรวม 7.48% ของมูลค่ากองทุน ที่ราคาปรับตัวลงมากกว่า 5% เทียบกับวันก่อนหน้า ได้แก่ • Ninebot Ltd. ผู้ให้บริการยานพาหนะไฟฟ้า • Luoyang Xinqianglian Slewing Bearing Co., Ltd. ผู้ผลิตตลับลูกปืนแท่นหมุนซึ่งใช้เป็นชิ้นส่วนหมุนของเครื่องจักรกลก่อสร้างและอุตสาหกรรม • Satellite Chemical Co., Ltd. ผู้พัฒนา ผลิตและจำหน่ายเคมีภัณฑ์
ส่วนข้อมูล ณ 25 ส.ค. มีอยู่ 9 หุ้น จาก 10 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนรวม 26% ของมูลค่ากองทุน ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเทียบกับวันก่อนหน้า โดยหุ้นที่ปรับตัวลงเทียบกับวันก่อนหน้า ได้แก่ Luoyang Xinqianglian Slewing Bearing Co., Ltd.
และหากพิจารณากองทุน UBS (Lux) Investment SICAV China A Opportunity ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่ K-CCTV ลงทุนอยู่ในสัดส่วน 46.92% ซึ่งหุ้น 10 อันดับแรก ที่กองทุนดังกล่าวลงทุนมากที่สุด ณ 31 ก.ค. 65 คิดเป็นสัดส่วนรวม 60.90% ของมูลค่ากองทุน พบว่า ส่วนใหญ่ราคาปรับตัวลง โดยมีรายละเอียดตามตารางด้านล่าง
ส่วนข้อมูล ณ 25 ส.ค. ทั้ง 10 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนรวม 60.90% ของมูลค่ากองทุน ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเทียบกับวันก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงกลับมาปิดบวก โดยดัชนี SSEC +0.97% China A50 +1.29% HSCE +4.31% HSI +3.63% ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนขานรับข่าวที่รัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1 ล้านล้านหยวน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์และการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยกองทุน Schroder International Selection Fund China A มีการปรับตัวขึ้น +0.85% และกองทุน UBS (Lux) Investment SICAV China A Opportunity มีการปรับตัวขึ้น +2.10% เทียบกับวันก่อนหน้า จึงคาดว่าราคากองทุน K-CCTV ณ 25 ส.ค. (คาดว่าประกาศคืนวันที่ 26 ส.ค.) จะปรับตัวขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนที่ประกาศออกมายังส่งผลต่อกองทุน JPMorgan Funds – China Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ K-CHINA ด้วยเช่นกัน โดยกองทุนหลักดังกล่าวมีการปรับตัวขึ้น +3.66% เทียบกับวันก่อนหน้า และส่งผลต่อกองทุน CSOP FTSE China A50 ETF (RMB) ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ K-CHX โดยกองทุนหลักดังกล่าวมีการปรับตัวขึ้น +1.59% เทียบกับวันก่อนหน้า จึงคาดว่าราคากองทุน K-CHINA และ K-CHX ณ 25 ส.ค. (คาดว่าประกาศคืนวันที่ 26 ส.ค.) จะปรับตัวขึ้นเช่นกัน
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
24 ส.ค. ทางการจีนประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก 19 นโยบาย มูลค่ากว่า 3 แสนล้านหยวน (43.7 พันล้านดอลลาร์) เมื่อรวมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งก่อนหน้าจะมีมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านล้านหยวน (146 พันล้านดอลลาร์)
วัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
- รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมถึงการลดผลกระทบจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในการควบคุมโรคโควิด-19 และการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวและอาจทำให้รัฐบาลจีนพลาดเป้าหมายการผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโต 5.5% ในปีนี้
- รัฐบาลต้องการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการเพิ่มการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศที่ซบเซาลงจากการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์
การนำเงินไปใช้ในโครงการต่างๆ เช่น
- ลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานจำนวน 3 แสนล้านหยวน และการจัดสรรเงินให้กับรัฐบาลท้องถิ่นจำนวน 5 แสนล้านหยวน
- เสริมสภาพคล่องให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์
- สนับสนุนภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งจำนวน 1 หมื่นล้านหยวน
- สนับสนุนรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตพลังงานจำนวน 2 แสนล้านหยวน เพื่อให้มั่นใจว่ามีพลังงานเพียงพอ
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจีนประกาศออกมาในครั้งนี้จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน อสังหาริมทรัพย์ การเกษตร และพลังงานของจีน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
• นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ระหว่างวันที่ 25-27 ส.ค.นี้ ซึ่งอาจทำให้เห็นสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยของประเทศต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการลงทุน
• การหารือระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เพื่อหาแนวทางหลีกเลี่ยงการ delisting หุ้นจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปี 2024 โดยเบื้องต้นเเนวทางการเเก้ไขคือ ให้ผู้ตรวจสอบบัญชีของสหรัฐฯ สามารถเดินทางไปฮ่องกงเพื่อตรวจสอบธุรกิจเเละเอกสารของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ซึ่งหากตกลงกันได้จะส่งผลดีต่อหุ้นเทคโนโลยีของจีน
คำแนะนำการลงทุน
• ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นจีน เช่น K-CCTV, K-CHX, K-CHINA อยู่ แนะนำถือลงทุนต่อ ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม สามารถทยอยลงทุนเพิ่มได้ แต่ควรเป็นเงินที่สามารถลงทุนระยะยาวได้ เนื่องจากตลาดหุ้นจีนยังคงมีความผันผวนจากมาตรการล็อกดาวน์และสถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์
• สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น แนะนำพักเงินในกองทุน K-CASH เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุน อีกครั้ง ขอขอบคุณข้อมูลจาก KAsset, RYT9.com, infoquest, The Standard
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”