K WEALTH / บทความ / Market Update / แรงกระเพื่อมเศรษฐกิจโลก หลังเพโลซีเยือนไต้หวัน
07 สิงหาคม 2565
4 นาที

แรงกระเพื่อมเศรษฐกิจโลก หลังเพโลซีเยือนไต้หวัน


​​​​​​​​​​​​​​“

●​ แนนซี เพโลซี เยือนไต้หวัน ในช่วงค่ำของวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา ทำให้เกิดความตึงเครียด ระหว่าง จีนและสหรัฐ เนื่องจากไต้หวัน ถือเป็นส่วนหนึ่งของจีน และเป็นชนวนทำให้จีน ไม่พอใจ การเยือนของ แนนซี เพโลซี ในครั้งนี้ และมีมาตรการตอบโต้ไต้หวันด้วยการซ้อมรบจริง และคว่ำบาตรการซื้อขายสินค้าของไต้หวัน


● มาตรการซ้อมรบและการคว่ำบาตรกับไต้หวัน ยังไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ หากความตึงเครียดลุกลาม อาจมีผลต่อการค้าการลงทุนได้


● สำหรับผู้ที่ไม่เคยมีกองทุนหุ้นจีน แนะนำทยอยสะสม ส่วนผู้ที่มีกองทุนหุ้นจีนอยู่แล้ว แนะนำให้ถือต่อ และติดตามมาตรการที่สำคัญ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในจีน เพื่อพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุน





ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 65 ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี มีกำหนดการเยือนประเทศแถบเอเชีย เริ่มต้นที่สิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และถูกจับตาว่า การไปเยือนไต้หวัน ในช่วงค่ำของวันที่ 2 ส.ค. จะทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีน ในทางการเมือง อาจจะลามไปถึงการค้าระหว่างประเทศ และส่งผลต่อเศรษฐกิจในที่สุด


มาตรการตอบโต้จากจีน

หลังจากการเยือนของประธานสภาฯสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี จีน จัดซ้อมรบบริเวณรอบๆเกาะไต้หวัน ในช่วงวันที่ 3-5 ส.ค. เพื่อเป็นการตอบโต้สหรัฐฯ รวมไปถึงคว่ำบาตรการซื้อขายสินค้ากับไต้หวันกว่า 2,000 รายการ เช่น ทรายธรรมชาติ ผลไม้และปลา ทำให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง จากสถานการณ์ตึงเครียดนี้​


china against usa.jpg

ที่มา : สำนักข่าว Voice of America​


ผลกระทบด้านการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ

บริเวณรอบๆเกาะไต้หวัน ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อความเสี่ยงในการขนส่งสินค้าผ่านช่องแคบเกาะไต้หวัน ซึ่งเป็นช่องทางหลักของสินค้าจากประเทศแถบเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ไปยังประเทศแถบยุโรป ปัจจุบัน (ณ 2 สิงหาคม 2565) มีเรือขนส่งสินค้า ประมาณ 88% ของเรือคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้น่านน้ำนี้ในการขนส่งสินค้า หากจีนขยายขอบเขตในการซ้อมรบ และการห้ามเรือขนส่งสินค้าผ่าน จะทำให้ความเสี่ยงด้านการค้าเพิ่มขึ้นได้ รวมถึงปัญหาขาดแคลนห่วงโซ่อุปทานของโลก จะเห็นได้จากมาตรการ Zero Covid ของทางการจีน ส่งผลให้การขนส่งสินค้าชะลอตัวลง และกระทบกับห่วงโซ่อุปทาน

รูปแผนที่การซ้อมของจีน.PNG


รูปแผนที่การซ้อมของจีน ในบริเวณเกาะไต้หวัน

​​​

ความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่าง จีน กับ ไต้หวัน

จีน ถือเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไต้หวัน คิดเป็น 28% ของการส่งออกของไต้หวัน และหากรวมตลาดส่งออกไปยัง ฮ่องกง จะคิดเป็น 43% ของการส่งออกของไต้หวัน โดยไต้หวัน มีสัดส่วนการส่งออกคิดเป็น 54% ต่อจีดีพีของไต้หวัน ซึ่งสินค้าส่งออกที่สำคัญของไต้หวัน เช่น ชิป โดยมีสัดส่วนของตลาด (Market share) มาจากไต้หวัน ประมาณ 63% นำโดยบริษัท Taiwan Semiconductors Manufacturing Company หรือ TSMC ที่มี Market Share กว่า 50% ซึ่งอาจได้รับผลกระทบ หากมาตรการตอบโต้ของจีนเพิ่มระดับความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น


Taiwan export ratio.PNG
สัดส่วนตลาดส่งออกของไต้หวัน ปี 2021


​ผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุน

จากมาตรการคว่ำบาตรการสั่งซื้อสินค้าจากไต้หวัน และการซ้อมรบของจีน ทำให้ตลาดหุ้นจีน ปรับตัวลดลงราวๆ 2% ในขณะที่ค่าเงินในประเทศแถบเอเชีย ที่รับข่าวความตึงเครียดอยู่ในฝั่งอ่อนค่าลง หลังจากปรับตัวแข็งค่าขึ้นระยะสั้นจากผลการประชุม FED และการประกาศตัวเลข GDP ของสหรัฐฯที่เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค


คำแนะนำการลงทุน

ปัจจัยที่สนับสนุนการลงทุนในหุ้นจีน

1.นโยบายการเงินและการคลังส่วนทางกับประเทศอื่นๆที่ทิศทางนโยบายเศรษฐกิจเป็นแบบตึงตัวมากขึ้น

2.ไม่มีปัญหาเงินเฟ้อ จึงไม่ได้อยู่ใน Cycle ของการขึ้นดอกเบี้​ยอย่างสหรัฐฯและยุโรป จึงมีความได้เปรียบประเทศอื่นในมุมของสภาพคล่อง

3.เศรษฐกิจอยู่ในภาพกำลังเริ่มฟื้นตัว คาดจะเห็นรัฐทยอยออกมาตรการกระตุ้นให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้

4.ระดับราคาหุ้นน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว สะท้อนการรับรู้ปัจจัยลบต่างๆไปเยอะแล้ว และยังถูกกว่าประเทศอื่นๆรวมถึงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวในอดีต

5.คาดการณ์การเติบโตของกำไรโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ จึงช่วยเพิ่มความน่าสนใจเข้าลงทุนเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ


ประเด็นที่ต้องติดตาม

เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรหรือการซ้อมรบของจีน ยังไม่มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญกับการค้าการลงทุนของจีนและไต้หวัน ให้ติดตามมาตรการตอบโต้ทั้งจีน และสหรัฐฯ จะลุกลามขยายผลออกไปหรือไม่ ถึงแม้จะมีหลายสำนักมองตรงกันว่า Valuation ของหุ้นจีน อยู่ในระดับไม่ถูกแต่ก็ไม่แพง ถือว่าน่าสนใจก็ตาม


สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยลงทุนในกองทุนหุ้นจีน แนะนำทยอยสะสม (แบ่งการเข้าซื้อเป็นหลายๆไม้) เพื่อลดความเสี่ยงในการเข้าซื้อ 


สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนหุ้นจีนอยู่แล้ว แนะนำให้ถือต่อ และให้ติดตามมาตรการตอบโต้ทั้งฝั่งจีนและสหรัฐฯ ก่อนตัดสินใจลงทุนอีกครั้ง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

  • สำนักข่าว Voice of America

  • รายการ  Morning Brief Finnomena

  • ธนาคารกสิกรไทย

  • บลจ.กสิกรไทย

บทความโดย K WEALTH TRAINER สุนิติ ถนัดวณิชย์ CFP®
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง