โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0% จากเดิม -0.5% อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.50% จากเดิม 0% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นมาที่ระดับ 0.75% จากเดิม 0.25%
นอกจากนี้ ECB ยังออกเครื่องมือใหม่เรียกว่า Transmission Protection Instrument (TPI) ซึ่งเป็นการเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศที่มีหนี้ในระดับสูง เช่น อิตาลี เพื่อไม่ให้ Bond Yield สูงเกินไป และลดความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นยุโรปไม่ได้วิตกต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนไหวปรับตัวผสมผสาน ปิดทั้งบวกและลบเพียงเล็กน้อย โดยดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น +0.44%, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น +0.27%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี ลดลง -0.27% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปรับขึ้น +0.09% ทั้งนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักต่อผลประกอบการบริษัทที่กำลังทยอยออกมาซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่ตลาดได้ซึมซับข่าวการขึ้นดอกเบี้ยมาระดับหนึ่งแล้ว แม้ว่าจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดแต่เป็นการปรับขึ้นจากฐานที่ต่ำมาก นักลงทุนจึงไม่ได้ตอบรับในด้านลบ
มุมมองการลงทุน
• แนวโน้มการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นจะสร้างแรงกดดันต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากผลกระทบของความขัดระหว่างแย้งรัสเซียกับยูเครน ขณะที่การบริโภคในยุโรปจะชะลอตัวจากปัญหาเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น และผลประกอบการบริษัทมีแนวโน้มจะอ่อนแอลงเนื่องจากภาวะต้นทุนสูง
• นโยบายการเงินที่ตึงตัว ประกอบกับความกังวลเศรษฐกิจมีแนวโน้มถดถอยจากภาวะเงินเฟ้อสูง จึงมีโอกาสที่ตลาดหุ้นจะผันผวนและปรับตัวลงได้อีกในอนาคต
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก รับข่าวผลประกอบการที่ออกมาดีของหลายบริษัท
ในส่วนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันที่ 21 ก.ค. 65 ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 1% จากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทเทสลา ซึ่งนอกจากทำให้ราคากองทุน K-USA +4.79% แล้ว ยังทำให้กองทุนผสมที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ บางส่วน เช่น กองทุน K-FITL และ K-FITXL ปรับตัวสูงขึ้นด้วย ดูได้จากข้อมูล ณ 20 ก.ค. 65 ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 เดือน ของกองทุน K-FITL อยู่ที่ 5.04% และกองทุน K-FITXL อยู่ที่ 5.46%
กองทุน K-FITL และ K-FITXL ราคามีการปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ในช่วงวันที่ 17 มิ.ย. 65 โดยกองทุน K-FITL ราคาอยู่ที่ 8.8238 บาทต่อหน่วย ส่วนกองทุน K-FITXL ราคาอยู่ที่ 8.9888 บาทต่อหน่วย
หลังจากนั้นมา ราคากองทุนมีการฟื้นตัวในรอบ 1 เดือน โดยดูจากผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 เดือน ณ 20 ก.ค. 65 ของกองทุน K-FITL อยู่ที่ 5.04% และกองทุน K-FITXL อยู่ที่ 5.46% โดยราคาปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 9.2684 บาทต่อหน่วย และ 9.4798 บาทต่อหน่วย ตามลำดับ เนื่องจากกองทุน K-FITL และ K-FITXL มีการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน K-GLOBE ณ วันที่ 31 พ.ค. 65 ในสัดส่วน 32% และ 37.10% ตามลำดับ ซึ่งกองทุน K-GLOBE มีสัดส่วนการลงทุนในสหรัฐฯ สูงถึง 60.01% ณ วันที่ 31 พ.ค. 65 ราคากองทุนจึงปรับตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ของกองทุน K-FITL และกองทุน K-FITXL พบว่ามีผลการดำเนินที่ติดลบอยู่เล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความผันผวนของการลงทุนที่ปรับขึ้นลงได้อยู่เสมอในระยะสั้น กองทุนประเภทนี้จึงเหมาะกับการลงทุนระยะยาวตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพื่อช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนระยะสั้นและเพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
คำแนะนำการลงทุน
● สำหรับผู้ที่ถือกองทุน K-EUROPE-A(D), K-EUX และ K-EUSMALL อยู่ แนะนำหาโอกาสขายคืนหรือทยอยลดสัดส่วนลง
● สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนกองทุน K-EUROPE-A(D), K-EUX และ K-EUSMALL เพิ่ม ไม่แนะนำลงทุน
● สำหรับผู้ที่ถือกองทุน K-FITL และกองทุน K-FITXL อยู่ แนะนำให้ถือลงทุนต่อ เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป
● สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนกองทุน K-FITL และกองทุน K-FITXL เพิ่ม สามารถลงทุนเพิ่มได้ โดยระยะเวลาลงทุนที่เหมาะสมคือลงทุนตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป
● สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น แนะนำพักเงินในกองทุน K-CASH เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง
ดูผลการงานดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ www.kasikornasset.com
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”