K WEALTH / บทความ / Market Update / ประเด็นร้อน : ไตรมาส 2 ปี 65 เศรษฐกิจจีนเติบโตต่ำกว่าคาด
18 กรกฎาคม 2565
2 นาที

ประเด็นร้อน : ไตรมาส 2 ปี 65 เศรษฐกิจจีนเติบโตต่ำกว่าคาด


​​​​​“

วันที่ 15 ก.ค. 65 สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงาน GDP ไตรมาส 2 ของจีนขยายตัวเพียง 0.4% ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.0% และต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ระดับ 5.5% ค่อนข้างมาก



สาเหตุที่ GDP จีนไตรมาส 2 ขยายตัวต่ำกว่าคาด

เนื่องจากเศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโควิด โดยตั้งแต่เดือน เม.ย. 65 เป็นต้นมา จีนได้ล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้เป็นเวลานานถึง 2 เดือน ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ชะลอตัวลง ทั้งในส่วนของการผลิตสินค้า และการขนส่งต่างๆ



มุมมองเศรษฐกิจจีน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินเศรษฐกิจจีนในปี 65 มีแนวโน้มเติบโตลดลงจากที่เคยประเมินไว้ โดยคาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ 3.7-4.2% ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากมาตรการของภาครัฐ ในขณะที่ยังมีความเสี่ยงจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่จะฉุดรั้งความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ และสถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่คลี่คลาย ส่วนนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของ GDP จีนในปี 2565 ลงสู่ระดับ 4% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขเป้าหมายที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้ที่ 5.5% เนื่องจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโควิดส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจ 


ถึงแม้นักวิเคราะห์หลายแห่งประเมินว่า เศรษฐกิจจีนในปี 65 จะโตต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐ แต่ก็ยังสูงกว่า GDP โลก ที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ไว้ที่ 3.6% ในขณะที่ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์ไว้ที่ 2.9% 


อย่างไรก็ตาม จีนได้ออก 33 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับความเสียหายจากการปิดเมืองเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 65 ทั้งในส่วนของการคลัง เช่น การขยายเวลาขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม การเลื่อนจ่ายประกันสังคมของธุรกิจขนาดเล็ก และการลงทุนผ่านการออกพันธบัตรรัฐวิสาหกิจประมาณ 3.45 ล้านล้านหยวนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่นโยบายการเงินจีนยังมีช่องว่างในการผ่อนคลายนโยบาย เนื่องจากระดับเงินเฟ้อยังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 3% (ล่าสุดอยู่ที่ 2.5% ในเดือนมิ.ย.65) โดยคาดว่าอาจมีการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์



ปัจจัยที่ต้องติดตาม

● การที่รัฐบาลจีนยังคงยืนยันที่จะใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์เพื่อควบคุมสถานการณ์โควิด หากมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นก็อาจทำให้เกิดการล็อกดาวน์ขึ้นได้อีก ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนเกิดความผันผวนได้ 

● ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จีนที่คิดเป็น 12.9% ของ GDP (ณ ปี 64) ล่าสุดสถานการณ์การก่อสร้างบ้านเป็นไปอย่างล่าช้า ส่งผลให้ผู้ลงทุนและผู้ซื้อบ้านเริ่มปฎิเสธที่จะจ่ายเงินผ่อนชำระต่อ ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในภาคอสังหาริมทรัพย์แล้วยังส่งผลกระทบต่อภาคธนาคารอีกด้วย



คำแนะนำการลงทุน กองทุนหุ้นจีน

● ผู้ที่ถืออยู่ แนะนำถือลงทุนต่อ ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่มสามารถทยอยลงทุนเพิ่มได้ แต่ควรเป็นเงินที่สามารถลงทุนระยะยาวได้ เนื่องจากตลาดหุ้นจีนยังคงมีความผันผวนจากมาตรการล็อกดาวน์และสถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ 

● สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้นหรือความเสี่ยงที่จีนอาจมีการล็อกดาวน์ แนะนำพักเงินในกองทุน K-CASH เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง



กองทุนหุ้นจีนที่แนะนำ

● K-CHX: เน้นหุ้นด้านการบริโภคและสถาบันการเงิน ลงทุนเฉพาะหุ้น A-Shares เท่านั้น โดยอุปสงค์ภายในประเทศจะมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะหนุนหุ้นกลุ่ม Old Economy อย่างกลุ่มอุปโภคและการเงิน ให้กลับมาฟื้นตัวได้ก่อนกลุ่ม New Economy อย่างกลุ่มเทคฯ 

● K-CHINA: สำหรับนักลงทุนที่ชอบหุ้นจีนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี พลังงานทดแทน และการบริโภค ลงทุนในหุ้น All China ที่มีคุณภาพดี เติบโตสูง เน้นหุ้นกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ซึ่งจะได้ประโยชน์จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจจากรัฐบาล 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก KAsset, The Standard, Infoquest 


Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”



บทความโดย K WEALTH TRAINER สุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ CFP®
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง สะเทือนสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
ประเด็นร้อน : หุ้นจีน-ฮ่องกง ปรับลงเล็กน้อย หลังรัฐปรับหุ้นเทคและโควิดรอบใหม่
ส่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนปี 65 ตั้งเป้าโต 5.5%