เงินเฟ้อสรัฐฯ ต่ำคาด หนุน Fed ลดดอกเบี้ย ปี 69

กดฟัง
หยุด
  • เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน พ.ย. ทั้งเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) และเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ประกาศออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด เป็นปัจจัยช่วยหนุนให้ Fed อาจลดดอกเบี้ยได้ในปี 2569
  • อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเงินเฟ้อที่ประกาศรอบนี้ อาจยังมีข้อจำกัดด้านคุณภาพหรือการนำไปใช้อยู่ เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่มีการเก็บข้อมูลเดือน ต.ค. 68
  • K WEALTH มองว่าระยะสั้น-กลาง เป็นแรงหนุนต่อตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง ถือเป็นโอกาสลงทุนกองทุน K-GSELECT สำหรับระยะกลางหรือผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง แนะนำลงทุนตราสารหนี้คุณภาพดีและได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง เช่น กองทุน K-GDBOND-A(A)

อัปเดคสถานการณ์

  • ดัชนีเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) ของสหรัฐฯเดือน พ.ย. 68 เพิ่มขึ้น 2.7% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ราว 3.1% สะท้อนแรงกดดันด้านราคาที่ผ่อนคลายลง
  • ดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งเงินเฟ้อที่ไม่รวมอาหารสดและพลังงาน เพิ่มขึ้น 2.6% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ราว 3.0% สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะในภาคบริการ ที่เริ่มคลี่คลาย
  • เงินเฟ้อที่ชะลอลง มาจากหลายหมวด ทั้งสินค้าและบริการ ขณะที่แรงส่งจากพลังงานและต้นทุนบางส่วนลดลง
  • อย่างไรก็ตาม รายงาน CPI รอบนี้ ยังมีข้อจำกัดด้านคุณภาพข้อมูลบางส่วน เนื่องจากผลกระทบการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ก่อนหน้า ทำให้ไม่มีการเก็บข้อมูลเดือน ต.ค. 68 ดังนั้นตลาดยังต้องติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อยืนยันแนวโน้มต่อไป

ดัชนีที่เกี่ยวข้อง


ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น หลังตัวเลขเงินเฟ้อออกมาต่ำกว่าคาด โดยหุ้นกลุ่ม Growth / Technology และหุ้นที่อ่อนไหวต่อดอกเบี้ยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังนโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น โดยดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ณ 18 ธ.ค. 68 เทียบกับวันทำการก่อนหน้า พบว่า

  • Nasdaq ปิดที่ 23,006.36 จุด เพิ่มขึ้น 313.04 จุด หรือ +1.38%
  • S&P500 ปิดที่ 6,774.76 จุด เพิ่มขึ้น 53.33 จุด หรือ +0.79%
  • Dow Jones ปิดที่ 47,951.85จุด เพิ่มขึ้น 65.88 จุด หรือ +0.14%

มุมมองตลาด

  • ตลาดตอบรับเชิงบวก เนื่องจากเงินเฟ้อที่ออกมาต่ำกว่าคาด ช่วยลดแรงกดดันต่อ Fed และเพิ่มความเป็นไปได้ของนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในระยะถัดไป
  • ความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของ Fed ในปี 2569 เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหากข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่น ตลาดแรงงาน และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังอ่อนแรงต่อเนื่อง
  • อย่างไรก็ตาม Fed ยังคงให้น้ำหนักกับ Core PCE มากกว่า CPI ทำให้ทิศทางดอกเบี้ยยังขึ้นกับข้อมูลเศรษฐกิจรอบถัดไปเป็นสำคัญ

ปัจจัยหลักที่ต้องติดตาม

  • ตัวเลข Core PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ Fed ใช้ประกอบการตัดสินใจหลัก
  • ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เช่น Nonfarm Payrolls และอัตราว่างงาน ว่ามีสัญญาณชะลอชัดเจนขึ้นหรือไม่
  • ความเสี่ยงจาก มาตรการภาษีนำเข้า (tariffs) ที่อาจทำให้ราคาสินค้าบางหมวดกลับมาปรับขึ้นในระยะถัดไป

คำแนะนำการลงทุน

  • ระยะสั้น–กลาง: เงินเฟ้อที่ออกมาต่ำกว่าคาดยังเป็นแรงหนุนต่อ ตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำลงทุนกองทุน K-GSELECT ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นโลกกระจายการลงทุนในหุ้นของประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ณ 17 ธ.ค. 68 อยู่ที่ 3.67%*
  • ระยะกลาง: แนะนำลงทุนตราสารหนี้คุณภาพดีช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ต และรับประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำกองทุน K-GDBOND-A(A) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้โลก ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ณ 17 ธ.ค. 68 อยู่ที่ 4.16%*

โดยยังคงแนะนำให้มีการกระจายเงินลงทุน โดยสามารถกระจายเงินลงทุนด้วยการทยอยลงทุนกองทุนผสม อย่าง K-WEALTHPLUS Series เช่น K-WPBALANCED K-WPSPEEDUP ได้


อีกทั้งควรติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอย่างใกล้ชิด ตัวอย่างเช่น CIO WEEKLY INSIGHTS ทุกต้นสัปดาห์ เป็นต้น


หมายเหตุ:
  • ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5 ได้แก่ K-GDBOND-A(A). K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6 ได้แก่ K-GSELECT
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ได้แก่ K-GDBOND-A(A), K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-GSELECT
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์)) โดย T+2 ได้แก่ K-GDBOND-A(A) T+3 ได้แก่ K-GSELECT T+6 ได้แก่ K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP


คำเตือน

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”, “ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”
*ดูผลการดำเนินงานย้อนหลังเพิ่มเติมของกองทุน ได้ที่ www.kasikornasset.com

ผู้เขียน

CIO Office at K WEALTH

Back to top