K-VIETNAM ปรับกลยุทธ์อย่างไร รับปี 69

กดฟัง
หยุด
  • หนึ่งในสาเหตุที่กองทุน K-VIETNAM ปรับตัวลงมากกว่ากองทุนส่วนใหญ่ในตลาด มาจากการ Overweight หุ้นกลุ่ม Information Technology ที่คาดว่ายังมีกำไรเติบโตดีในปี 2569 แต่ที่ผ่านมาตลาดถูกเทขายทำกำไร
  • ผู้จัดการกองทุน ยังคงติดตามและปรับพอร์ตการลงทุนอยู่เสมอ โดยภาพรวมหุ้นเวียดนามยังคงมีโอกาสเติบโตได้ใน 69
  • K WEALTH ยังมีมุมมองเป็นกลาง (Neutral) ต่อตลาดหุ้นเวียดนาม โดยในระยะสั้นอาจยังมีความผันผวนหากถือเกิน 20%ของเงินลงทุนหรือมีกำไรมากกว่า 10% แนะนำทยอยขายบางส่วน เพื่อลดสัดส่วนลง

ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา กองทุน K-VIETNAM ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นเวียดนาม ปรับตัวลงมาประมาณ -12.24% (ข้อมูล ณ 15 ธ.ค. 68) ในขณะที่ดัชนีชี้วัดของกองทุนปรับตัวลงเพียง -0.54% และเมื่อเทียบกับกองทุนหุ้นเวียดนามอื่น ที่ซื้อขายได้บน K PLUS พบว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาปรับลงทุนเช่นกัน โดยอยู่ในช่วง -2.21% ถึง -15.06% ซึ่งกองทุน K-VIETNAM ปรับตัวลงมากกว่ากองทุนหุ้นเวียดนามใหญ่ดังกล่าว


ทำไม? K-VIETNAM ผลการดำเนินงานต่ำกว่ากองทุนที่อื่น

ในระยะสั้นช่วง 3 เดือน และนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) กองทุน K-VIETNAM มีผลการดำเนินงานต่ำกว่ากองทุนหุ้นเวียดนามส่วนใหญ่ในตลาด สาเหตุจากการ Underweight หุ้นในกลุ่ม Vin Group โดยเฉพาะหุ้น VIC ที่มีการปรับตัวขึ้นมาประมาณ 600%นับตั้งแต่ต้นปี และเป็นหุ้นขนาดใหญ่ จึงทำให้เกิด Gap ความต่างของผลตอบแทนของกองทุนที่มีน้ำหนักการลงทุนที่ต่างกัน นอกจากนี้กองทุน K-VIETNAM มีการ Overweight หุ้นกลุ่ม Information Technology ซึ่งหุ้นกลุ่มนี้ถูกเทขายทำกำไรหลังจากปรับตัวดีในปี 2567 และยังโดนกดดันความกังวลผลกระทบจากการเติบโตที่อาจชะลอตัวลงโดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ และการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น


การปรับพอร์ตการลงทุนในระยะที่ผ่านมา

นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กองทุนมีการปรับพอร์ตการลงทุนในหุ้นรายตัว โดยกองทุนได้ประโยชน์จากการขายทำกำไรหุ้นรายตัวในกลุ่มธนาคารบางตัวที่มีการปรับตัวขึ้นมาเกินปัจจัยพื้นฐาน อย่างไรก็ดี ผลตอบแทนถูกกดดันจากการเพิ่มหุ้นในกลุ่ม Information Technology ที่คาดว่าจะยังมีการเติบโตของกำไรที่ดีในปี 2569 และปัจจุบันซื้อขายในระดับราคาที่ไม่แพง


แนวทางการปรับพอร์ต K-VIETNAM ในระยะถัดไป

ผู้จัดการกองทุนยังคงมีแนวทาง Underweight หุ้นในกลุ่ม Vin Group จากลักษณะของธุรกิจที่มี Highly leverage ที่สูง โดยที่ตลาดได้รับรู้ (priced in) ความคาดหวังเกี่ยวกับโครงการของภาครัฐฯ ไปพอสมควร ขณะเดียวกัน กองทุนเน้นลงทุนโดย Overweight หุ้นในกลุ่ม Financials, Consumer Discretionary และ Information Technology ที่คาดว่ามีการเติบโตที่ดีในปี 2569 และปัจจุบันมีการซื้อขายในระดับราคาที่เหมาะสม


มุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามปี 2569

ทิศทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามมีแนวโน้มแข็งแกร่ง ภายหลังสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งหากเทียบอัตราภาษีกับประเทศคู่แข่งที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ สินค้าจากเวียดนามยังมีความสามารถในการแข่งขันได้ ทั้งนี้ ทางรัฐบาลเวียดนามยังคงตัวเป้าการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการตั้งเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ที่ 8.4% (หลังขยายตัว 8.23% ในไตรมาส 3) พร้อมจะผลักดันให้ทั้งปี 2568 เติบโตมากกว่า 8% รวมถึงแผนระยะยาว 5 ปี (2569 - 2573) ที่ตั้งเป้า GDP จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 8 - 10% ด้านตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ล่าสุดยังมีแนวโน้มที่ดี ทั้งยอดค้าปลีกและการส่งออก


บลจ.กสิกรไทยให้เป้าหมาย VN Index ณ สิ้นปี 2569 ที่ 1,800 (ณ 16 ธ.ค. 68 อยู่ที่ 1,679) และประมาณการการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน ปี 2569 อยู่ที่ +18% ถือว่าโดดเด่นเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ โดยกองทุนยังคงเน้นการลงทุนรายหลักทรัพย์ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามในระยะยาวและมี Valuation อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่ม Financials, Consumer Discretionary และ Information Technology ที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะถัดไป


อย่างไรก็ตามแม้ตลาดหุ้นวียดนามจะมีโอกาสเติบโตได้ในปี 2569 และระยะยาวยังมีศักยภาพเติบโตเด่นเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค แต่ K WEALTH ยังมีมุมมองเป็นกลาง (Neutral) ต่อตลาดหุ้นเวียดนาม โดยคาดว่าในระยะสั้นต่อจากนี้ตลาดหุ้นเวียดนามอาจผันผวนจากแรงขายลดความเสี่ยง


คำแนะนำการลงทุน จาก K WEALTH

  • ผู้ที่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นเวียดนาม เช่น K- K-VIETNAM
    • หากมีสัดส่วนมากกว่า 20% หรือมีกำไรมากกว่า 10% แนะนำทยอยขายทำกำไรบางส่วน (Take Profit) เพื่อล็อกผลตอบแทน ปรับพอร์ตให้สมดุลและอลดความผันผวนของพอร์ตลง โดยนำเงินที่ขายคืนไปลงทุนกองทุนแนะนำของ K WEALTH
    • หากมีสัดส่วนน้อยกว่า 20% ของเงินลงทุน ยังคงสามารถถือต่อได้
  • ผู้ที่ยังไม่มีสถานะการลงทุนในกองทุนหุ้นเวียดนาม แนะนำลงทุนในกองทุนแนะนำอื่น ที่ K WEALTH มีมุมมองเชิงบวกมากกว่า

สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง สามารถทยอยเข้าลงทุนในกองทุนแนะนำของ K WEALTH ที่มีศักยภาพเติบโตระยะยาว เช่น:

  • ประเทศเศรษฐกิจขยายตัวสูงอย่างอินเดียผ่านกองทุน K-INDIA และประเทศจีนผ่านกองทุน K-CHINA
  • กลุ่ม Defensive ไม่ว่าจะเป็น Global Healthcare ผ่านกองทุน K-GHEALTH หรือกลุ่ม Global Infrastructure ผ่านกองทุน K-GINFRA
  • กองทุนหุ้นโลกที่เน้นคัดเลือกหุ้นคุณภาพผ่านกองทุน K-GSELECT
  • กองทุนหุ้นเทคโนโลยีเอเชียผ่านกองทุน K-ATECH

ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงต่ำ แนะนำทยอยเข้าลงทุนในกองทุนผสมที่มีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ได้แก่

  • K WealthPLUS Series ซึ่งเป็นกองทุนผสมอย่าง K-WPBALANCED K-WPSPEEDUP
  • K-FIXEDPLUS-A ซึ่งเป็นกองทุนกองทุนตราสารหนี้ระยะยาว

ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำลงทุนในกองทุนตลาดเงินหรือตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SFPLUS-A


หมายเหตุ:
  • ระดับความเสี่ยงกองทุน
    • K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS-A: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4
    • K-WPSPEEDUP, K-WPBALANCED: ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5
    • K-GSELECT, K-INDIA-A(A), K-GHEALTH, K-ATECH, K-CHINA-A(D), K-CHINA-A(A), K-GINFRA-A(D): ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6
  • นโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
    • K-SFPLUS: ป้องกันความเสี่ยง100%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-FIXEDPLUS-A: ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 90%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-INDIA-A(A), K-GHEALTH, K-CHINA-A(D), K-CHINA-A(A), K-GINFRA-A(D): ป้องกันความเสี่ยง มากกว่า 75%ของเงินลงทุนต่างประเทศ
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-GSELECT, K-ATECH: ป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
  • ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน (ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์))
    • K-SFPLUS: T+1
    • K-FIXEDPLUS-A: T+2
    • K-GSELECT : T+3
    • K-INDIA-A(A), K-GHEALTH, K-ATECH, K-CHINA-A(D), K-CHINA-A(A), K-GINFRA-A(D): T+4
    • K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP: T+6

คำเตือน

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”, “ทำความเข้าเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีและผลกระทบหากทำผิดเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน”

ผู้เขียน

CIO Office at K WEALTH

Back to top