“
ใครๆที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุน อย่างน้อยจะเริ่มรู้จักจากการลงทุนในหุ้นก่อน เนื่องจากซื้อขายได้ง่าย ไม่จำกัดเงินลงทุนขั้นต่ำ เริ่มต้นเรียนรู้จากเปิดบัญชีหุ้น และลองฝีมือได้เลย กำไรบ้างขาดทุนบ้างถือเป็นค่าเรียนรู้ แต่จากผลตอบแทนรวมย้อนหลังในตลาดหุ้นไทย ปี 2563 อยู่ที่ -6.19% ต่อปี และผลตอบแทนรวมเฉลี่ย 4 ปีอยู่ที่ 1.51% ต่อปี ทำให้ความน่าสนใจลงทุนในหุ้นไทยลดลงไปพอสมควร หากไปดูผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศ ที่ได้ 2 หลัก ในปี 2563 ถึงแม้จะมีการแพร่ระบาดของ COVID19 ก็ตาม ยังถือว่าได้ผลตอบแทนที่ดี ประกอบการการเข้าถึงวัคซีน ซึ่งมีโอกาสที่จะเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้เร็วกว่า ทำให้การลงทุนในต่างประเทศได้รับความน่าสนใจมากขึ้นในระยะ 2-3 ปีหลังมานี้ ใครที่อยากลงทุนหุ้นต่างประเทศ แต่ไม่อยากยุ่งยาก มีทางเลือกลงทุนง่ายๆผ่าน Index Fund ได้
“
Index Fund คืออะไร
Index Fund คือ กองทุนรวมดัชนีหุ้น เป็นหนึ่งในประเภทของกองทุนรวมหุ้น เป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งหมดที่ประกอบกันเป็นดัชนี และพยายามเลียนแบบให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีที่อ้างอิง เช่น กองทุนรวมดัชนี SET50 จะมีนโยบายการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ในดัชนี SET 50 และพยายามเลียนแบบให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี SET50
ทำไมถึงควรเริ่มต้นด้วยกองทุน Index Fund
ง่าย – เนื่องจากสามารถดูดัชนีหุ้นอ้างอิงในการเห็นทิศทางการขึ้นลง ยิ่งเป็นกองทุนรวมในต่างประเทศ จะทำให้สามารถติดตามผลการดำเนินงานได้ง่าย
ถูก – ค่าธรรมเนียมในการจัดการต่ำ เนื่องจากนโยบายการลงทุนให้เลียนแบบผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีอ้างอิง ใกล้เคียงที่สุด คือ ลงทุนน้ำหนักเหมือนกับน้ำหนักของหุ้นทุกตัวของดัชนีอ้างอิง หากเป็นการลงทุนในต่างประเทศ ผลตอบแทนอาจจะแตกต่างกันบ้าง เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือ ค่าธรรมเนียมในการจัดการอยู่บ้าง
กระจายความเสี่ยง – การลงทุนในกองทุนดัชนี เป็นการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นลง เนื่องจากมีจำนวนตัวหุ้นที่ต้องลงทุนใกล้เคียงกับดัชนี ดังนั้น จะช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนในต่างกลุ่มอุตสาหกรรมไปแล้วส่วนหนึ่ง
หลากหลาย-เลือกประเทศหรือทวีปในการลงทุนได้ทั่วโลก โดยกองทุนภายใต้การบริหารของ บลจ.กสิกรไทย กองทุนดัชนีหุ้นอ้างอิง 12 กองทุน จาก 8 ตลาด ใน 3 ทวีป ให้เลือกลงทุนได้หลากหลาย
ยกตัวอย่าง Index Fund ที่ลงทุนในประเทศต่างๆ
รูปภาพแผนที่โลก กองทุนดัชนีอ้างอิง (Index Fund) ภายใต้การบริหารของ บลจ.กสิกรไทย จะมี 3 ทวีป คือ ทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และทวีปเอเชีย อย่างไรก็ตาม หากจะมองตัวแทนหุ้นจากซีกตะวันตก คือ ดัชนีหุ้นในสหรัฐฯ ซึ่งก็มีหลายดัชนี้อ้างอิง แต่ตัวแทนของดัชนีหุ้นภาพรวมของสหรัฐและทวีปอเมริกา คือ ดัชนี S&P500
ในขณะที่ตัวแทนจากหุ้นซีกตะวันออก จะมีดัชนี MSCI ASIA Ex Japan หรือ ดัชนีอ้างอิงของบริษัท Morgan Stanley Capital International ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำดัชนีราคาหุ้นของโลก ที่มีคำท้ายว่า ASIA Ex Japan จะขยายความว่า เป็นดัชนีราคาหุ้นที่จัดทำขึ้นโดย MSCI ในแถบทวีปเอเชีย โดยไม่รวมประเทศญี่ปุ่น สาเหตุที่ไม่รวมญี่ปุ่นเข้ามาด้วย เนื่องจากประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
ในขณะที่ดัชนีหุ้นทั่วโลก จะมีดัชนี MSCI ACWI เป็นดัชนีอ้างอิง โดย ACWI ย่อมาจาก All Countries World Index หรือ ดัชนีหุ้นทั่วโลก
ในเวลานี้ ถือว่า ประเทศสหรัฐฯ เป็นตัวแทนของซีกตะวันตก ประเทศจีน เป็นตัวแทนของซีกตะวันออก หากรักใครชอบใครจะเน้นลงทุนอะไรในทวีปนั้นๆ ก็มีให้เลือก เช่น กองทุน K-US500X เน้นลงทุนในดัชนีอ้างอิง S&P500 ของสหรัฐ ในขณะที่กองทุน K-ASIAX เน้นลงทุนในดัชนีอ้างอิง MSCI ASIA Ex JAPAN และคิดว่าลงทุนในหุ้นทั้งโลกก็จะมีกองทุน K-WORLDX ที่เน้นลงทุนในดัชนีอ้างอิง MSCI ACWI
รู้จักตัวแทนจากหุ้นซีกต่างๆทั่วโลกแล้ว จะเลือกลงทุนอย่างไรดี มีข้อมูลประมาณการณ์ GDP ในปี 2021 จาก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 64 ที่ผ่านมา พบว่า ประเทศที่มี GDP สูงกว่าค่าเฉลี่ยของ GDP ทั้งโลก (ที่ 6%) มีอยู่ 9 ประเทศ ใน 3 ทวีป (เรียงลำดับจากมากไปน้อย) คือ ทวีปเอเชีย (อินเดีย 9.5% จีน 8.1%) ทวีปอเมริกาเหนือ (สหรัฐฯ 7% แคนาดาและเม็กซิโก 6.3%) ทวีปยุโรป (อังกฤษ 7% สเปน 6.2%) นอกจากข้อมูล GDP แล้ว ทั้ง 9 ประเทศ ยังอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการควบคุมและกระจายวัคซีนโควิด 19 ในระดับที่ดี ทำให้โอกาสในการฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ ได้
หมายเหตุ : Gross Domestic Product : GDP หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศนั้น แปลง่ายๆ คือ รายได้จากการขายสินค้าและบริการรวมที่เกิดขึ้นในประเทศนั้นๆ
มาลอง!! แกะไส้กองทุน
อยากจะรู้ว่า กองทุนดัชนีหุ้นอ้างอิง (Index Fund) ในประเทศต่างๆที่เราเลือกมา จะมีบริษัทอะไรกันบ้าง มาลองแกะไส้กองทุนกับข้อมูลบริษัทที่มีมูลค่าลงทุนสูงสุด 10 ตัวแรก* ดังนี้
กองทุน K-US500X
|
กองทุน K-WORLDX
| กองทุน K-ASIAX
|
|
|
|
*ข้อมูล Fund Fact Sheet ของกองทุนหลัก iShare ณ วันที่ 30 มิ.ย. 64
เห็นรายชื่อบริษัทที่ลงทุนอาจจะคุ้นหูบ้าง หรือไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่อย่างน้อยจะเริ่มต้นลงทุนในต่างประเทศ ก็ควรทราบว่าจะลงทุนในบริษัทใด และเน้นทวีปใดเป็นหลัก ถ้าเน้นแถบตะวันตกอย่างสหรัฐฯ ตัวแทนของทวีป คือ กองทุน K-US500X ที่อ้างอิงดัชนี S&P500 ถ้าเน้นแถบตะวันออกอย่างเอเชีย ตัวแทนของทวีป คือ กองทุน K-ASIAX ที่อ้างอิงดัชนี MSCI ASIA Ex JAPAN หรือถ้าจะกระจายลงทุนในหุ้นทั่วโลก ตัวแทนของหุ้นทั่วโลก คือ กองทุน K-WORLDX ที่อ้างอิงดัชนี MSCI ACWI และที่สำคัญสำหรับการลงทุนในกองทุนดัชนีหุ้นอ้างอิง คือ อย่าลืมหาข้อมูลผลการดำเนินงานย้อนหลัง เทียบกับตัวชี้วัดของกองทุน ให้มีค่าใกล้เคียงกันมากที่สุด หรือ ทางเทคนิคใช้คำว่า Tracking Error ให้ใกล้เคียง -0- มากที่สุดด้วย และจะลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างสูง (ระดับ 5 จาก 8) ไม่ควรเกิน 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด (ง่ายๆ กระจายลงทุนทั้ง 3 กองทุน ในสัดส่วนไม่เกิน กองทุนละ 10% ของเงินลงทุนทั้งหมด) หากสนใจลงทุนในกองทุน Index Fund จาก 8 ตลาด 3 ทวีป 12 กองทุน ทำได้เลยผ่าน App อย่าง K-My Fund สำหรับกองทุนจาก บลจ.กสิกรไทย
Disclamer : “โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน / K-US500X K-ASIAX K-WORLDX ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน เนื่องจากมิได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ”