18/2/2565

ปักหมุด 3 Diversity Trends ความหลากหลายที่ธุรกิจต้องเจอ

ความหลากหลาย เทรนด์ใหม่ที่จะเข้ามาเขย่าวงการธุรกิจ

กระแสของความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก ไม่ว่าจะเรื่องเพศ อายุ เชื้อชาติ ศาสนา หรือปัจจัยต่างๆ ที่ประกอบขึ้นมาเป็นบุคคลบุคคลหนึ่ง ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากในยุคนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่เข้าไปเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค แต่ยังส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ให้ธุรกิจต้องหันมาปรับสินค้า บริการ แคมแปญการตลาด ไปจนถึงวัฒนธรรมขององค์กรให้รองรับกับเทรนด์มาแรงที่ว่านี้

โดย 3 เทรนด์ต่อไปนี้ จะเข้ามาเป็นตัวชี้วัดว่า ธุรกิจของคุณพร้อมหรือยังที่จะไปต่อ

Genderless เมื่อการ “ไร้เพศ” กลายเป็นตรงกลางของธุรกิจ

จะครองใจลูกค้าวันนี้ได้ สินค้าต้องไม่จำกัดอยู่ที่ความเป็นเพศ “หญิง” หรือ “ชาย” แต่ไม่ว่า “ใคร” ก็ต้องใช้ได้และใช้ได้ดี ดังนั้น การตีกรอบ เช่น สีชมพูสำหรับผู้หญิง สีฟ้าสำหรับผู้ชาย เด็กผู้หญิงต้องเล่นตุ๊กตา เด็กผู้ชายต้องเล่นหุ่นยนต์ กำลังกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าตกยุคและล้าหลังในสายตาของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z ที่เลือกใช้ชีวิตและเลือกซื้อสินค้าในแบบที่พวกเขาชอบ ไม่ใช่ตามเพศที่พวกเขาเป็น และคนกลุ่มนี้นี่เองที่จะกลายเป็นกำลังซื้อหลักในอนาคต

ดังนั้น จะเห็นว่า แบรนด์มากมายพากันตบเท้าทำการตลาด ออกสินค้า หรือปรับธุรกิจโดยไม่มีเส้นแบ่งของความเป็นหญิงหรือชายมาเป็นตัวกำหนดมากขึ้น เช่น

  • Gucci เพิ่มแผนกเสื้อผ้าไม่ระบุเพศชื่อว่า Mx บนหน้าเว็บไซต์ ขายเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ และกระเป๋าที่เป็นกลางทางเพศ
Case study1
  • Harry Styles ไอค่อนคนดังแห่งความ Genderless เปิดตัวแบรนด์บิวตี้ Pleasing ภายใต้คอนเซปต์ Gender-Neutral Beauty หรือผลิตภัณฑ์ความงามที่ไม่แบ่งเพศ
tip icon

รู้หรือไม่?

การขายสินค้าไร้เพศ ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ร้านเยอะๆ เพื่อแยกสินค้าสำหรับชาย-หญิง อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องทำ Sample ตัวสินค้าทั้งแบบชายและหญิง เพราะใช้ตัวเดียวกันได้ จึงช่วยธุรกิจประหยัดต้นทุน

6 เทคนิคปรับธุรกิจ รับเทรนด์ Genderless

Real Beauty สวยในแบบของตัวเอง จุดขายใหม่ที่คนค้าขายต้องมอง

เพราะไม่ใช่ทุกคนจะมีความงามหรือหุ่นตามแบบที่สังคมนิยามว่าคือ มาตรฐาน ดังนั้น ความสวยหรือไซส์ที่แท้จริงของแต่ละบุคคล จึงกลายเป็นเรื่องร้อนแรงที่ถูกพูดถึงอย่างมากในปัจจุบัน จนนำมาสู่โอกาสทางธุรกิจ ในการสร้างจุดขายของความหลากหลายด้านความงาม และชูให้ทุกคนเห็นถึงคุณค่าความงามในแบบของตัวเอง เช่น

  • Savage X Fenty แบรนด์ชุดชั้นในของนักร้องดัง Rihanna เลือกใช้นางแบบที่มีรูปร่างที่หลากหลาย และขนาดของสินค้ามีไซส์ถึง 3X เพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าทุกไซส์
Case study2
  • Mistine แบรนด์เครื่องสำอางของไทย ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ โดยเปลี่ยนพรีเซนเตอร์จากดาราชั้นนำเป็นคนธรรมดาทั่วไป ในแคมเปญ I’M PERFECTLY ME เพื่อสะท้อนนิยามความสวยในรูปแบบใหม่ๆ
tip icon

รู้หรือไม่?

การนำเสนอสินค้าในเฉดสีผิวต่างๆ เพื่อรองรับลูกค้าทุกสภาพผิว เป็นอีกกลยุทธ์ช่วยกระตุ้นยอดขายได้

Diversity in the Workplace เปิดรับทุกความแตกต่าง กฎข้อใหม่บนโลกการทำงาน

ไม่เพียงแต่ในเชิงผู้บริโภคเท่านั้น เทรนด์เรื่องของความหลากหลายในองค์กรธุรกิจก็กำลังกลายเป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องเข้าใจ ทั้งในด้านอายุ เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม พื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคม ความบกพร่องทางร่างกาย เพศสภาพ และประสบการณ์ของพนักงาน ซึ่งต่างต้องการการเปิดใจและไม่ปิดกั้นจากเจ้านาย และกลายเป็นสิ่งที่บรรดาแรงงานรุ่นใหม่ใช้พิจารณาในการร่วมทำงานหรืออยู่ต่อไปกับบริษัทอีกด้วย ทั้งนี้ ธุรกิจไม่น้อยหันมาใส่ใจและมีนโยบายยอมรับความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น เช่น

  • Dots Coffee ร้านกาแฟในบ้านเรา จ้างพนักงานที่เป็นผู้พิการทางสายตา ทำหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นแคชเชียร์หรือแม้กระทั่งบาริสตา
Case study3
  • Starbucks ในญี่ปุ่นเปลี่ยนธีมชุดพนักงานใหม่ โดยเพิ่มสีของชุดและทรงผมให้มีตัวเลือกมากขึ้น ทั้งยังสามารถใส่กางเกงยีนส์และหมวกได้ เพื่อแสดงถึงการยอมรับในความแตกต่างทางชาติพันธุ์ อายุ เพศ และเคารพในความเป็นตัวเองของพนักงานแต่ละคน
tip icon

รู้หรือไม่?

JobsDB ได้ส่งอีเมลถึงบริษัทและผู้ประกอบการต่างๆ ที่ใช้บริการแพลตฟอร์ม โดยขอความร่วมมือให้ไม่ระบุอายุ เพศ เชื้อชาติ สถานภาพสมรส และปัจจัยอื่นๆ ที่สื่อถึงการเลือกปฏิบัติในประกาศงานทุกตำแหน่งที่เปิดรับ ตั้งแต่ 1 มกราคมปีนี้เป็นต้นไป เพื่อเคารพต่อสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคของบุคคลในทุกด้าน

ทั้ง 3 เทรนด์ที่กล่าวมานี้ จะเข้ามาเป็นกระแสหลักที่ธุรกิจต้องเจอ ซึ่งเจ้าของธุรกิจต้องเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งในแง่ของการตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการบริหารจัดการในองค์กร เพื่อให้สามารถดำเนินกิจการได้ทันกับยุค และคว้าโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจได้

เปิดโผ 20 อันดับบริษัท ที่สุดด้านความหลากหลายและไม่แบ่งแยกประจำปี 2021