29/7/2559

ปิดจุดอ่อนธุรกิจแฟชั่นได้อย่างไร

      ถ้าพูดถึงนักร้องแร็พชื่อดังของเมืองไทย คงไม่มีใครไม่รู้จักโจอี้ บอย  นักร้องที่มีเอกลักษณ์คือการใส่แว่นกันแดดติดตัวตลอดเวลา ความชอบนี้ทำให้เมื่อถึงเวลาที่นักร้องหนุ่มอยากเริ่มต้นธุรกิจ สิ่งแรกที่คิดทำคือ แว่นกันแดดแฟชั่น แบรนด์ DECK แว่นกันแดดแนวสตรีท แฟชั่น โดดเด่นด้วยการใช้ไม้สเก็ตบอร์ดจากแคนาดาที่มีน้ำหนักเบาและสามารถรองรับแรงกระแทกได้ในระดับสูง ด้วยคุณภาพที่ดีระดับเดียวกับแบรนด์ไฮเอนด์ จึงเป็นธุรกิจที่ โจอี้ บอย ลงทุนร่วมกับเพื่อนสนิทสมัยมัธยมอีก 2 คน คือ พลัม ชณัฐ ภัคเวโรจน์ และต่อ ภัทร ณรงค์ชัยกุล 

      DECK เป็นหนึ่งในธุรกิจแฟชั่น โดยส่วนใหญ่แล้วธุรกิจแฟชั่นมักจะเกิดง่าย ตายง่าย ไม่ยั่งยืน ยิ่งธุรกิจดารายิ่งดูเหมือนทำตามกระแส แต่ด้วยกลยุทธ์และสิ่งที่ DECK ใช้ในการทำธุรกิจ ทำให้สามารถปิดจุดอ่อนธุรกิจแฟชั่น และมียอดขายแว่นกันแดดเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในปีเดียว ถึง 2 เท่า จากปีแรกที่ขายได้เพียง 2,000 อัน โดย DECK มีวิธีในการดำเนินธุรกิจและใช้กลยุทธ์เพื่อปิดจุดอ่อนของธุรกิจ ดังนี้

1. ความถนัดที่รวมตัวกันอย่างลงตัว ทั้งสามคนนำความถนัดของตัวเองมาผสมผสานกันจนเกิดเป็นธุรกิจ โดยโจอี้ บอย รับหน้าที่ดีไซน์รูปแบบของแว่นตา เพราะชอบเสพเรื่องแฟชั่น มีความรู้เรื่องเทรนด์ของแฟชั่นในแต่ละปีบวกกับมีความครีเอทีฟสูง จึงทำให้สามารถดีไซน์แว่นตาให้ออกมามีดีไซน์ที่ตรงใจลูกค้า สำหรับ ชณัฐ ถนัดสายการผลิตจากประสบการณ์ทำธุรกิจอาหารส่งออกที่ตัวเองทำอยู่ จึงดึงเอาประสบการณ์มาดูแลในเรื่องขั้นตอนการผลิต และภัทร ถนัดสายค้าปลีกจากการทำธุรกิจค้าปลีกนาฬิกาแบรนด์ดัง พอได้ความถนัดของทุกคนมารวมกัน จึงกลายเป็นปัจจัยเสริมสำคัญที่ทำให้ DECK ขายได้

2. มีจุดขายที่ชัดเจน การที่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า DECK เป็นธุรกิจของโจอี้ บอย เป็นโจทย์ที่ทำให้ทั้งสามคนต้องหาทางแก้ไข เพราะไม่อยากให้ลูกค้าผูกติดว่าเป็นแบรนด์ของโจอี้เท่านั้น การสร้างจุดขายให้ชัดเจน จึงเป็นการแก้ปัญหาสำคัญ โดย DECK มีจุดขายที่ดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยเฟรมไม้ สีสันสวยงาม โดยไม้แต่ละชิ้นเมื่อตัดออกมาจะมีลายไม่เหมือนกัน จึงทำให้แว่นตาแต่ละชิ้นของ DECK มีเพียงชิ้นเดียวในโลก

3. สินค้าต้องมีคุณภาพที่สุด  DECK เป็นแว่นกันแดดแฮนด์เมด ทำให้ DECK กลายเป็นขวัญใจผู้รักการใส่แว่นกันแดด จนสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ยังไม่วายมีคนมองว่าสิ่งที่ทำให้ Deck ขายดี เพราะเป็นธุรกิจของดารา ที่ยังไงก็ไม่มีทางยั่งยืนได้ สิ่งนี้ยิ่งเป็นตัวสร้างแรงผลักดันให้เจ้าของธุรกิจทั้ง 3 คน มุ่งมั่นผลิตสินค้าให้ออกมาดีด้วยการเลือกใช้วัสดุเดียวกันกับที่ทำไม้สเก็ตบอร์ด คือ Canadian Maple Wood ซึ่งเป็นเนื้อไม้คุณภาพดี กันน้ำ กันรา กันปลวก น้ำหนักเบา ใช้เลนส์ CR39 เลนส์พลาสติกคุณภาพดีที่สุด การใส่ใจคุณภาพเช่นนี้ ทำให้ลูกค้าพึงพอใจกับสินค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยลบคำสบประมาทในเรื่องธุรกิจดาราที่ไม่ยั่งยืน

4. เกาะเทรนด์ตลาดแฟชั่นอยู่เสมอ แว่นกันแดด เป็นหนึ่งในสินค้าแฟชั่น ซึ่งความยากของ DECK คือการคาดการณ์แนวโน้มตลาดและความต้องการของลูกค้า เพราะลูกค้าแต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน การศึกษาและเกาะติดกระแสตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นเหตุผลที่ทำให้ DECK ออกแว่นตารุ่นใหม่ๆ มาตรงใจลูกค้าอยู่เสมอ

5. อย่าเข้าข้างตัวเองว่าสินค้าเราดีที่สุด SME ส่วนใหญ่ เมื่อผลิตสินค้าออกมามักคิดว่าเป็นสินค้าที่ดีที่สุด และคาดหวังว่ายังไงต้องขายได้ แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ใช่เหมือนที่คิด ดังนั้น ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า หรือผลสำรวจพฤติกรรมลูกค้า เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการ SME ต้องทำ เพื่อนำข้อมูลมาผลิตหรือพัฒนาสินค้าให้ตรงความต้องการของตลาด สำหรับ DECK ใช้การสำรวจพฤติกรรมของลูกค้า จนทำให้พบว่า กลุ่มผู้สูงอายุที่เคยเป็นกลุ่มเป้าหมายรอง กลับเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีการซื้อแว่นกันแดดมาก โดยเฉพาะช่วงจัดโปรโมชันเป็นช่วงที่ยอดขายยิ่งมากขึ้น เพราะเหตุผลหลักคือ คนอายุมากต้องการให้ตัวเองดูเด็กลง ด้วยลวดลายและสีสันที่ดูวัยรุ่นของ DECK จึงตอบโจทย์ ซึ่งสิ่งนี้เป็นประโยชน์ที่ได้จากการสำรวจพฤติกรรมลูกค้าอยู่เสมอ

6. ทำธุรกิจต้องซื่อสัตย์ สิ่งที่ DECK ยึดมั่นเสมอคือ ต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า โดยลูกค้าต้องได้สินค้าในราคาที่ควรจ่าย ส่วน DECK เองก็ต้องได้กำไรในส่วนที่ควรจะเป็น เมื่อสองสิ่งนี้มีความสมดุล ธุรกิจก็ยั่งยืนได้โดยอัตโนมัติ 
 
      หลายต่อหลายครั้งที่มักจะพบว่าธุรกิจดาราหลายราย ยิ่งเป็นธุรกิจแฟชั่นด้วยแล้วมักเกิดขึ้นมาให้เห็นในวงการเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่สำหรับธุรกิจแว่นกันแดดแบรนด์ DECK ยังมีเส้นทางที่สดใส เป็นเพราะแนวคิดและกลยุทธ์ในการทำธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับการบริหารจัดการหลังบ้านอย่างเป็นระบบ ทำให้ธุรกิจนี้ยังไปต่อได้อีกไกล

ติดตามแนวทางการสร้างธุรกิจ DECK  1 ใน 4 ทีมสุดท้าย SME ตีแตก The Final 2016