โอกาสธุรกิจอยู่รอบตัวเราเสมอ อยู่ที่ว่าจะทำอย่างไร? ถึงจะเปลี่ยนโอกาสนั้นให้กลายเป็น “โอกาสทอง” ของธุรกิจได้ พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด เจ้าของแบรนด์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชื่อดัง anitech ได้มาเผยกฎ
3 ข้อ ที่จะช่วยให้ธุรกิจโตได้จากโอกาสใหม่ๆ ในงานสัมมนา Live Concern : เพลย์ลิสต์ พลิกเกมธุรกิจ Season 2 ที่ธนาคารกสิกรไทยจัดขึ้น ในหัวข้อ “14 อีกครั้ง : เมื่อมีโอกาสธุรกิจมา จงคว้าไว้อย่ากลัวการเริ่มใหม่”
โดยพิชเยนทร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทพยายามหาโอกาสหรือสินค้าใหม่ๆ ให้กับธุรกิจ จากที่มีเมาส์เป็นสินค้าตัวแรก ก็ต่อยอดด้วยการคิดให้ไกลกว่าโต๊ะทำงานและมองถึงปัญหาของผู้คน จนพบโอกาสใหม่ของการทำปลั๊กไฟให้มีดีไซน์สวยงามและปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน จากเดิมที่ต้องซุกไว้ตามมุมห้องและไม่มีคุณภาพจนเป็นสาเหตุของการเกิดไฟไหม้หรือไฟช็อต
อีกทั้งยังเป็นเจ้าแรกที่ทำปลั๊กไฟแบบมีช่องชาร์จ USB เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนไปด้วย นอกจากนี้ ในยุค COVID-19 บริษัทยังได้แตกไลน์สินค้าใหม่ในกลุ่มของ Personal Care ภายใต้แบรนด์ Lab+ Series by anitech เพื่อเดินตามจุดประสงค์ขององค์กรที่ว่าด้วยการเป็นบริษัทที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนนั่นเอง
ทั้งนี้ ในการสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ พิชเยนทร์ใช้การเดินตามแนวทางกฎ 3 ข้อ ได้แก่
กฎข้อ 1 : คิดแบบ Startup...คิดให้ไว คิดให้โต
- เริ่มต้นจาก Pain Point การจะหาโอกาสใหม่ให้ธุรกิจ ต้องเริ่มต้นจากการมองไปที่ Pain Point ในสังคมว่า ยังมีความต้องการอะไรอีกบ้างที่ยังไม่มีใครจัดการ และเราจะเข้าไปแก้ไขได้อย่างไร
- ดูมูลค่าตลาด (Market Size) มูลค่าตลาดของธุรกิจที่จะทำนั้นใหญ่พอหรือไม่ เพราะถ้าตลาดเล็กเกินไป โอกาสที่จะเติบโตก็เป็นไปได้ยาก
- มีความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ที่คนอื่นไม่มี (Unfair-Competitive Advantage) การมีสิ่งที่คนอื่นไม่มี ไม่ว่าจะทักษะความสามารถ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ จะเป็นตัวช่วยให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว
- มีโมเดลการเติบโตของธุรกิจในอนาคตที่ดี (Scale) อยากไปต่อในโลกธุรกิจวันนี้ ต้องมีการออกแบบโมเดลธุรกิจไว้ให้ดีตั้งแต่ต้น พร้อมทั้งมีการใช้เทคโนโลยี เพื่อทำให้โตได้โดยไม่ต้องใช้เงินทุนสูงและคนจำนวนมา
กฎข้อ 2 : ทำอย่าง SME...ทำด้วยใจ ทำให้รอด
เพื่อให้การคว้าโอกาสใหม่แข็งแรงมากกว่าเดิมและอยู่รอดได้อย่างแข็งแกร่ง การทำอย่าง SME คือการคำนึงถึง
- กระแสเงินสด ต้องดูแลจัดการให้ดี มีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ธุรกิจขาดสภาพคล่อง
- สร้างคุณค่าไม่ใช่ปริมาณ เน้นสร้างคุณค่าที่แตกต่าง ไม่ใช่เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง อย่าลดต้นทุนเพื่อต่อสู้เจ้าใหญ่
- คน บริหารด้วยใจ หาคนที่เหมาะที่สุด ไม่ใช่เก่งที่สุด แต่คือคนที่เข้ากันได้และไปด้วยกันได้ในระยะยาว
- โฟกัสที่ลูกค้า สร้างแฟนคลับของกลุ่มลูกค้า และติดตามความต้องการให้ทัน ไม่จำเป็นต้องเน้นปริมาณมาก
กฎข้อ 3 : มีระบบแบบมหาชน...ไม่ใช่ระบบใหญ่ แต่เป็นระบบที่ดี
สุดท้ายคือ การดำเนินงานให้เป็นระบบแบบมหาชน ซึ่งหมายถึงการมีระบบที่ดีและจำเป็นกับธุรกิจ โดยมี 4 ระบบต่อไปนี้
- ระบบบัญชี เรื่องของการเงินการบัญชีควรทำให้เป็นระบบ และใช้เครื่องมือต่างๆ เข้ามาช่วย แทนการใช้ความเก๋า สัญชาตญาณ และการคาดคะเน เพราะนั่นคือหลุมพรางที่จะทำให้ไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วธุรกิจมีกำไรหรือไม่ มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นหรือเปล่า
หนี้ลดลงหรือเพิ่มขึ้น รวมถึงจะไม่สามารถพัฒนาประสิทธิภาพของธุรกิจได้
- การควบคุมค่าใช้จ่าย ควรมีการตั้งงบค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน หลายธุรกิจวัดสุขภาพของตัวเองไม่ได้ เพราะไม่มีการจัดทำงบค่าใช้จ่าย ทำให้เงินไหลออกจากธุรกิจแบบไม่รู้ตัว
- ระบบประเมินผล ปิดช่องว่างระหว่างเจ้าของและลูกน้องด้วยการมีระบบประเมินผลการทำงานที่ชัดเจน วัดผลได้ และบอกได้ว่าใครได้เงินเดือนขึ้นหรือไม่ได้เพราะอะไร
- การจัดการภาษี ต้องทำให้ถูกต้องและเป็นระบบ เพราะหากจัดการไม่ดี อาจโดนภาษีย้อนหลังได้
ถึงตรงนี้ พิชเยนทร์ได้ฝากทิ้งท้ายว่า สำหรับคนที่กำลังมองหาโอกาสที่จะเริ่มต้นธุรกิจในวันนี้ อยากให้มองหาสิ่งที่สามารถช่วยคนอื่นได้ เพราะการทำธุรกิจที่สามารถช่วยคนอื่นได้ด้วย จะทำให้เส้นทางของธุรกิจมีคุณค่ามากขึ้น นั่นเอง