ส่งออกไทยปรับตัว รับความท้าทายของตลาด EU

10/2/2560

ส่งออกไทยปรับตัว รับความท้าทายของตลาด EU

​     การที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศถอนตัวออกจาก EU ด้วยแนวทาง Hard BREXIT หรือการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษแบบเด็ดขาด บวกกับความเปราะบางของธนาคาร และตารางเวลาการเลือกตั้งของหลายๆ ประเทศในยุโรป ทำให้เศรษฐกิจ EU ในปี 2560 จะยังคงเติบโตช้า เนื่องจากการเริ่มกระบวนการ Hard BREXIT ซึ่งเป็นรูปแบบการถอนตัวที่กดดันให้ธุรกิจในอังกฤษต้องปรับตัวค่อนข้างมาก อาจเป็นจุดพลิกผันทางการเมืองใน EU และนำไปสู่การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ EU ในอนาคต



ปัจจัยดังกล่าว ทำให้เศรษฐกิจ EU ในปี 2560 มีแนวโน้มชะลอการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 1.6 แต่ประมาณการการเติบโตไว้ที่ร้อยละ 1.4-1.8 ภายใต้เงื่อนไข Hard BREXIT และผลการเลือกตั้งไม่กระทบต่อเศรษฐกิจและธุรกิจมากนัก ซึ่งการชะลอตัวดังกล่าวส่งผลต่อการส่งออกของไทยไป EU ที่ยังคงอ่อนไหวตาม

การส่งออกของไทยไป EU ตลอดปี 2559 มีมูลค่าการส่งออก 22,000 ล้านดอลลาร์ฯ เรียกได้ว่าแทบไม่มีการเติบโตจากปีก่อน และยังส่งผลมาถึงปี 2560 ด้วย แม้ภาพรวมตลาด EU อาจจะยังมีแนวโน้มไม่สดใสนัก แต่สินค้าหลายอย่างในบางตลาดยังพอมีศักยภาพของการเติบโตในปี 2560 ซึ่ง  SME ไทยควรเน้นการทำตลาดในประเทศที่หลากหลายและเลือกตลาดที่มีศักยภาพมากขึ้น



SME ไทยจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเมืองของสหภาพยุโรปที่ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย และมีผลต่อเนื่องจากการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและธุรกิจใน EU ที่จะทยอยปรากฏชัดขึ้น เมื่ออังกฤษเข้าสู่กระบวนการ Hard BREXIT ซึ่ง SME ไทยต้องเตรียมปรับตัวรวมทั้งปรับแผนการตลาดรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น



แม้ว่าในปี 2560 EU จะมีปัญหาเศรษฐกิจที่รอการแก้ไข หรืออาจมีมาตรการกีดกันทางการค้าใดเกิดขึ้นมา แต่ก็ยังคงเป็นตลาดที่ขับเคลื่อนการส่งออกของไทยด้วยสัดส่วนถึงร้อยละ 10 อีกทั้ง EU ยังเป็นตลาดสำคัญที่ผลักดันการส่งออกสินค้ามูลค่าสูง (High-end) ของไทยให้เติบโต แต่ธุรกิจไทยก็ต้องพัฒนาคุณภาพสินค้าและยกระดับการผลิตเพื่อตอบโจทย์การบริโภคและสร้างความแข็งแกร่งให้สามารถทำตลาดนี้ได้อย่างยั่งยืน

ติดตามอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บทวิเคราะห์ฉบับเต็ม…


ดาวน์โหลดบทวิเคราะห์ฉบับเต็ม