การให้สินเชื่ออย่างยั่งยืน
แนวทางการดำเนินงานโดยผนวกเรื่อง ESG ในกระบวนการบริหารความเสี่ยงของธนาคาร
และขับเคลื่อนผ่านโครงสร้างการกำกับดูแลที่กำหนดบทบาทหน้าที่ชัดเจน
และนำหลักปฏิบัติสากลมาเป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาสินเชื่อที่ครอบคลุมทั้งสินเชื่อเชิงพาณิชย์และสินเชื่อประเภทโครงการ
(Corporate/ and Project Finance) และการลงทุนในตราสารหนี้ต่างๆ
โดยแจ้งให้ลูกค้าได้รับทราบถึงโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน
กำหนดประเภทของสินเชื่อที่ธนาคารจะไม่สนับสนุน (Exclusion List)*
และกำหนดแนวปฏิบัติในการพิจารณาสินเชื่อสำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะ (Sector-Specific Guidelines)
รวมทั้งมีมาตรการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมแก่กลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงและมีผู้เชี่ยวชาญติดตามตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามมาตรฐานสากลและสินเชื่อที่ธนาคารสนับสนุนมีการจัดการด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ
เสริมสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
ธนาคารจะทำการทบทวนและปรับปรุงนโยบายและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาความเสี่ยงด้าน ESG
ประกอบการพิจารณาสินเชื่ออย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกังวลด้านสังคมและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
และได้ผนวกปัจจัยด้าน ESG เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรู้จักลูกค้า
และการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (KYC/CDD) เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ
สินเชื่อโครงการ (Project Finance)
ธนาคารกสิกรไทยได้บูรณาการการบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมเข้ากับกระบวนการประเมินสินเชื่อโครงการ
(Project Finance) สอดคล้องกับหลักการ Equator Principles (EP)
ผ่านกระบวนการตรวจสอบผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG Due Diligence) อย่างเป็นระบบ
โดยธนาคารตระหนักถึงความรับผิดชอบในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เกิดขึ้นจากการสนับสนุนทางการเงิน
โครงการที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment Report: EIA)
และรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการกิจการหรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
คุณภาพสิ่งแวดล้อมสุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต ของประชาชนอย่างรุนแรง (Environmental and Health Impact
Assessment: EHIA)
สินเชื่อโครงการจะถูกจัดประเภทความเสี่ยงออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ โครงการประเภท A B และ C
ตามลักษณะขนาดและความรุนแรงของผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่อาจเกิดขึ้น
สำหรับโครงการประเภท A ซึ่งมีความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) สูง
ธนาคารจะดำเนินกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ซึ่งครอบคลุมการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
แผนการดูแลความปลอดภัยและการจัดการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (safety and emergency response plans)
แผนการจัดการ (Action Plan) การปรึกษาหารือกับชุมชน (Community Consultation)
การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Engagement) กลไกรับเรื่องร้องเรียน (Grievance
Mechanism) และการเปิดเผยข้อมูล (Information Disclosure) ในประเด็นด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสังคม นอกจากนี้ธนาคารมีการพิจารณาความอ่อนไหวของพื้นที่ตั้งโครงการ เช่น พื้นที่อนุรักษ์ พื้นที่ลุ่มน้ำ พื้นที่แหล่งน้ำ หรือพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนพื้นที่ที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมหรือเป็นมรดกของคนท้องถิ่นและชนพื้นเมือง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการดำเนินโครงการจะต้องเคารพในสิทธิของชนพื้นเมือง รวมถึงพิจารณาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อการดำรงชีวิตของชุมชน การประกอบอาชีพ หรือการย้ายถิ่นฐาน ในประเด็นที่มีผลกระทบต่อชนพื้นเมืองหรือผู้ใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ธนาคารพิจารณาให้โครงการใช้กระบวนการปรึกษาหารืออย่างมีความหมายกับชุมชนท้องถิ่น และได้รับความยินยอมโดยสมัครใจโดยได้ข้อมูลล่วงหน้า (free, prior, and informed consent - FPIC) รวมถึงมาตรการชดเชยความเสียหายที่เป็นธรรมและโปร่งใสแก่ผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อรับฟังและตอบสนองต่อข้อกังวลจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็นชุมชนท้องถิ่น พนักงาน
และองค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) โดยที่ปรึกษาอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม (Independent Environmental and
Social Consultant) จะดำเนินการตรวจสอบข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
ธนาคารกำหนดให้โครงการต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้าน ESG ของธนาคาร
ทั้งนี้สำหรับโครงการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมในวงกว้าง เช่น
โครงการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำจากเขื่อน หรือโครงการในต่างประเทศ
ธนาคารจะขอให้มีที่ปรึกษาอิสระหรือผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก
เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการดำเนินงานที่สอดคล้องตามหลัก Equator Principles กฎหมาย
และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน
ตัวอย่างรายชื่อที่ปรึกษา ได้แก่ AFRY, WSP Global, Emergent Ventures Inter, Shaw’s Stone &
Webster และ Greener Consultant เป็นต้น
"สำหรับโครงการที่มีความเสี่ยงระดับปานกลางและต่ำ (โครงการประเภท B และ C)
ธนาคารกำหนดให้มีการประเมินความเสี่ยงด้าน ESG
และแนวทางการบริหารจัดการผ่านแบบฟอร์มประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น โดยมีการพิจารณาด้าน ESG
ประกอบในกระบวนการตัดสินใจด้านสินเชื่อ
เพื่อให้เกิดการสนับสนุนทางการเงินอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน
ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาสินเชื่อโครงการ ดังนี้
-
ตรวจสอบประเภทอุตสาหกรรมที่ธนาคารไม่ให้การสนับสนุน (Exclusion
List) นุน
-
จัดประเภทคำขอสินเชื่อสำหรับโครงการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรือสังคม
โดยอ้างอิงหลักการสากลและประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประเมินผลกระทบด้าน
ESG ผ่านแบบฟอร์มประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น
ที่จะถูกส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเพื่อประเมินผลการบริหารจัดการโครงการ
-
(โครงการประเภท A เท่านั้น)
ต้องขออนุมัติจากผู้บริหารสายงานธุรกิจและสายงานบริหารความเสี่ยงองค์กรเพื่อศึกษารายละเอียดของโครงการ
(หากไม่ได้รับอนุมัติ กระบวนการจะสิ้นสุดลง)
-
(โครงการประเภท A เท่านั้น)
รายงานต่อคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการและพัฒนาเพื่อความยั่งยืนเพื่อรับข้อเสนอแนะ
-
ศึกษารายละเอียดและดำเนินการเจรจาความเป็นไปได้ของโครงการในเชิงเครดิตรวมถึงการจัดการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
-
พิจารณาอนุมัติหรือปฏิเสธคำขอสินเชื่อตามอำนาจการอนุมัติ
พร้อมกำหนดเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
การเสริมสร้างขีดความสามารถในการบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
เนื่องจากสินเชื่อโครงการมีความเสี่ยงที่ซับซ้อน
ธนาคารจึงเห็นความสำคัญที่พนักงานต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
รวมถึงความสามารถในการประเมินประเด็นความเสี่ยงเฉพาะด้านได้ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถภายใน
ธนาคารได้จัดตั้งโครงการ “Climate Transition Capacity-Building Project”
เพื่อให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับสินเชื่อสีเขียว อาคารสีเขียว
และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านการจัดฝึกอบรม
ซึ่งการฝึกอบรมดังกล่าวจะให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมโดยอ้างอิงตามมาตรฐาน
IFC Performance Standards ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการระบุความเสี่ยงสำหรับสินเชื่อโครงการ
ที่ครอบคลุมการบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมในหลายด้าน ได้แก่ การระบุความเสี่ยง
การประเมินผลกระทบ การจัดทำระบบการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม (Environmental and Social
Management System: ESMS) และแผนการจัดการเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
โดยเนื้อหาการอบรมถูกออกแบบให้เพิ่มขีดความสามารถในการประเมินประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างรอบด้านในกระบวนการบริหารความเสี่ยงของธนาคาร
นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยมีความมุ่งมั่นในการลงทุนให้สอดคล้องกับหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนและ Net Zero
Commitment ของธนาคาร ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว ภายใต้นโยบายการลงทุนของธนาคาร
ได้กำหนดให้การลงทุนทั้งหมด ทั้งแบบเชิงรุก เชิงรับ และการบริหารโดยบุคคลภายนอก จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
กฎระเบียบ และกลยุทธ์และนโยบายภายในของธนาคาร ซึ่งรวมถึงการสอดคล้องกับนโยบายเครดิต ด้านสิ่งแวดล้อม
สังคม และธรรมาภิบาลของธนาคาร
เพื่อให้มั่นใจว่าการตัดสินใจลงทุนเป็นไปในทิศทางเดียวกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของธนาคาร
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมใน รายงานการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน 2567
บทการให้สินเชื่อและการลงทุนด้วยความรับผิดชอบตามเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
นโยบายเครดิต ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
และแนวปฏิบัติในการพิจารณาสินเชื่อสำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะ