4 จุดหมายร้านอาหาร 4 ภาค เสมือนยกเมนูมาเสิร์ฟถึงเมืองกรุง

4 จุดหมายร้านอาหาร 4 ภาค เสมือนยกเมนูมาเสิร์ฟถึงเมืองกรุง

​​​​        ​​เมื่อเราไม่สามารถเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อผ่อนคลายการและใจกันได้สะดวกนัก การหากลิ่นอายเล็ก ๆ น้อย ๆ ใกล้ตัว อย่างร้านอาหารที่หยิบยกอาหารประจำภาคมาปรุงพร้อมเสิร์ฟถึงที่เสมือนเราได้ไปอยู่ ณ จังหวัด หรือ ภูมิภาคนั้นได้จริง ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ดีไม่น้อยเลยนะคะ ซึ่งในวันนี้เอง Your Joy จะหยิบยกร้านอาหารที่ประกอบอาหารเป็นภาคต่าง ๆ ของประเทศไทยมาเสนอเป็นไอเดียในการเปลี่ยนมื้ออาหารในวันหยุดของคุณและครอบครัวกันค่ะ



ร้านอองตอง
ซอยพหลโยธิน 7 (อารีย์) กรุงเทพฯ | เปิดทำการเวลา 10.30 – 21.00 น.
หมายเลขโทรศัพท์ 02-0035254 | Facebook : https://www.facebook.com/ongtongkhaosoi 
 
        ร้านอาหารเหนืนย่านซอยอารีย์ เดินทางสะดวก ที่ความเป็นมาเริ่มต้นจากการเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวจากจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะได้เปลี่ยนคอนเซปต์ร้านมาเป็นร้านข้าวซอย และ อาหารเหนือสูตรคุณย่า ซึ่งแน่นอนว่าเมนูหลักของร้านนั้นเน้นการเสิร์ฟเมนูข้าวซอยเป็นหลัก พร้อมด้วยอาหารทานเล่นตามแบบฉบับเชียงใหม่ที่ไว้รับประทานเคียงคู่กับข้าวซอยค่ะ บรรยากาศในการนั่งรับประทานดูอบอุ่นด้วยการตกแต่งในโทนสีเหลืองนวลตามความหมายของชื่อร้านค่ะ (อองตองในภาษาเหนือ คือ สีเหลืองนวล)
 
        สำหรับเมนูที่พลาดไม่ได้ แน่นอนว่าเมื่อร้านเน้นการเสิร์ฟด้วยข้าวซอยเราจะไม่แนะนำเมนูข้าวซอยเลยคงไม่ได้แล้วค่ะ โดยเริ่มจากเมนูคลาสสิคอย่าง ข้าวซอยไก่ ที่ให้รสกลมกล่อมบวกับความหอมจากสมุนไพรและเครื่องเทศในน้ำซุป พร้อมด้วยไก่เนื้อนุ่มถึงรสเครื่องเทศ หรือท่านใดที่ชอบรับประทานแบบแห้ง ทางร้านมีเมนู ข้าวซอยคั่วแห้งเนื้อน่องลาย ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูเด็ดประจำร้าน ที่คงความเข้มข้นไม่แพ้สูตรต้นตำรับเลยทีเดียวค่ะ อย่างไรก็ตามทางร้านยังมีเมนูอื่น ๆ อย่าง ข้าวแกงฮังเลหมู หรืออาหารทานเล่นอย่างชุดหมูทอด ให้ท่านได้เลือกตามความชอบได้เลยค่ะ


ร้านส้มตำเด้อ ทองหล่อ
351/2 ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) กรุงเทพฯ | เปิดทำการทุกวัน 2 ช่วงเวลา 10.00 – 14.30 น. และ 17.30 – 21.30 น.
หมายเลขโทรศัพท์ : 02-0464904 | Facebook : https://www.facebook.com/somtumderthonglor | Website : http://www.somtumder.com/ 

        ย้ายมารับประทานอาหารรสจัดย่านทองหล่อกับร้าน ส้มตำเด้อ ร้านอาหารอีสานต้นตำรับแท้ ๆ แถมยังได้ไปสร้างชื่อถึงต่างแดนกันมาแล้วเลยทีเดียว โดยรสชาตินั้นจะอิงจากคอนเซปต์อาหารท้องถิ่นจากจังหวัดที่เจ้าของร้านและผู้ก่อตั้งเคยอาศัยอยู่เมื่อวัยเด็กอย่างขอนแก่น และ สกลนครค่ะ ภายในร้านตกแต่งด้วยสไตล์ Contemporary ผสมผสานความเป็นท้องถิ่นภาคอีสาน กับความเป็น Urban Lifestyle จากสีสัน และ รูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ที่รวมกันแล้วเข้ากันได้อย่างลงตัวค่ะ
 
        สำหรับเมนูแนะนำเมื่อพูดถึงอาหารอีสาน ก็คงไม่พูดถึงบรรดาสารพัดตำไม่ได้ค่ะ กับ ตำซั่วสกลนคร ตำปูปลาร้า (จากปลากระดี่สูตรเฉพาะของทางร้าน) โรยด้วยเม็ดกระถิน รสชาติจัดจ้านเข้ากับความหอมของสมุนไพรค่ะ หรือจะเป็นเมนูแกง อย่าง แกงอ่อมไก่ ซุปอีสานรสแซ่บนัว มีเนื้อไก่สับติดกระดูก ข้าวคั่ว และ น้ำปลาร้าปรุงรส เพิ่มความเผ็ดร้อนจากสมุนไพร ทานตอนน้ำซุปกำลังร้อนเพิ่มความคล่องคอในมื้ออาหารได้ดีทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูอื่น ๆ อย่าง ตำปลาดุกฟู, ลาบปลาดุกย่าง หรือ แม้แต่หมูปิ้งกะสิสดไว้ทานระหว่างมื้อก็มีเสิร์ฟให้รับประทานนะคะ นอกจากสาขาทองหล่อแล้วยังมีที่ศาลาแดง และ เชียงใหม่ด้วยนะคะ แถมยังมีสาขาที่ต่างประเทศอีกหลายที่เลยทีเดียว สามารถตรวจสอบสาขาอื่น ๆ ได้ที่เว็บไซต์ของร้านได้เลยค่ะ


ร้าน ศรีชา
80 บ่อน้ำมันพลาซ่า ถนนพุทธมณฑลสาย 2 | เปิดทำการทุกวัน เวลา 11.00 -21.00 น.
หมายเลขโทรศัพท์ : 081-9394877 | Facebook : www.facebook.com/novembercafesai2

        ‘โป๊ะแตก’ ชื่อเมนูที่น่าจะคุ้นหูของใครหลาย ๆ คน และ อาจจะเป็นหนึ่งในเมนูโปรดอีกด้วยกับต้มยำรสชาติจัดจ้าน อบอวลด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพรไทยหลากหลายชนิดและอุดมไปด้วยวัตถุดิบชั้นดีจากท้องทะเล ซึ่งต้นตำรับของโป๊ะแตกนั้นก็คือที่ศรีชาแห่งนี้นี่เอง
        ตัวร้านตั้งอยู่ในกลางสาทร บริเวณกลางกรุงที่รายล้อมด้วยตีกสูงใหญ่ ตัดกับบรรยากาศภายในร้านที่ตกแต่งโดยใช้สีสัน และ เฟอร์นิเจอร์ให้ดูราวกับกำลังรับประทานอาหาร ณ ร้านริมทะเล ซึ่งร้านแห่งนี้เกิดขึ้นจากความผู้ก่อตั้งร้านคุณป๊อป ที่ต้องการจะสืบทอดสูตรอาหารของคุณป้าเจ้าของร้านอาหาร ‘ศรีราชาซีฟู้ด’ จากจังหวัดชลบุรี ต้นกำเนิดเมนูโป๊ะแตกชามแรกของโลกดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นค่ะ 

 
        โดยเมนูของทางร้านจะเน้นเสิร์ฟอาหารที่ได้รสชาติดั้งเดิมแบบต้นตำรับร้านแรก โดยเมนูแนะนำที่ถือได้ว่าเป็นซิกเนเจอร์ และ เป็น Story ของทางร้านเลยนั่นก็คือ โป๊ะแตก ค่ะ ตำนานความอร่อยที่ไม่ต้องกล่าวอะไรอื่น ทั้งรสชาติที่จัดจ้าน ความหอมจากสมุนไพรและวัตถุดิบที่ใช้ประกอบเมนูเข้าคู่กับการรับประทานพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ เป็นที่สุดเลยค่ะ และ อีกเมนูที่อยากแนะนำกันนั่นคือ หมูญวณทรงเครื่อง เมนูโบราณหาทานยากและเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ที่นำหมูสับมาผสมกับปลาเค็ม ปรุงรสด้วยน้ำปลา เสิร์ฟพร้อมซอสตะไคร้ เมนูนี้จะมีรสคล้ายกับพล่าค่ะ คือมีรสเปรี้ยวและเค็มนำออกมา สามารถทานกับข้าว หรือ ทานเล่นเป็นเมนูระหว่างมื้อก็อร่อยหมดทุกแบบเลยค่ะ 


ร้านดินดิน (Din Din Thai Cuisine)
ซอยติดคอนโด The Base ปากเกร็ด นนทบุรี
เปิดทำการทุกวัน เวลา 11.00 – 22.00 น. (ยกเว้นวันพฤหัสบดี และ วันเสาร์ เปิดเวลา 11.00 – 20.30 น.)
หมายเลขโทรศัพท์ : 098-3758269​ | Facebook : www.facebook.com/anchancafe

ออกนอกกรุงกันมาสักเล็กน้อยกับร้านอาหารใต้รสจัดจ้านท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งแบบชิโนโปรตุกีสผสานความโมเดิร์นจากกระจกบานใหญ่และของตกแต่งกระจุกกระจิก ร้านนี้เริ่มต้นมาจากการชื่นชอบ จากนั้นจึงเปลี่ยนความชอบให้กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ค่ะ ซึ่งทางร้านเลือกที่จะชูความโดดเด่นของอาหารใต้ อาหารจากบ้านเกิดที่ปากพนัง และ ได้คุณพ่อคุณแม่มาเป็นพ่อครัว และ แม่ครัวใหญ่ของร้านคอยกำกับดูแลการทำอาหาร เอาใจใส่ทุกเมนูตั้งแต่วัตถุดิบที่ส่วนใหญ่แล้วส่งตรงจากปากพนังกันเลยทีเดียวค่ะ

 
        สำหรับเมนูแนะนำที่อยากให้ทุกท่านได้ลิ้มลองนั้น เริ่มต้นจาก กุ้งทอดใบเล็บครุฑ กุ้งแพทอดแบบปักษ์ใต้ที่นำกุ้งฝอยมาผสมกับเครื่องแกงใต้ และ ใบเล็บครุฑ จากนั้นนำไปแพเป็นชิ้นพอดีคำและทำไปทอดค่ะ รับประทานเป็นอาหารระหว่างมื้อคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดที่มีส่วนผสมจากน้ำส้มสายชูที่ผลิตจากต้นจากค่ะ และ อีกหนึ่งเมนูที่เป็นอาหารประจำอำเภอปากพนังนั่นก็คือ ผัดหมี่ปากพนัง เมนูทำง่ายแต่หารับประทานได้ค่อนข้างยากค่ะ โดยเมนูนี้ทางร้านใช้เส้นสดจากปากพนังมาผัดด้วยน้ำกะทิ และ เครื่องแกงที่ทำเองรับประกันความเข้มข้นเลยค่ะ 

        ร้านที่ยกมาข้างต้นเป้นเพียงส่วนหนึ่งของร้านอาหารไทยมากมายในเขตกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล หากแต่ในประเทศไทยนั้นยังมีอีกหลายร้านอร่อยที่ยังรอคอยให้ทุกท่านไปลิ้มลองกัน หากท่านใดมีร้านเด็ด ร้านโปรดในดวงใจ อย่าลืมบอกต่อคนรอบข้าง ให้เป็นอีกหนึ่งไอเดียการรับประทานอาหารในครอบครัววันหยดสุขสันต์กันนะคะ สำหรับวันนี้บริการเดอะพรีเมียร์กสิกรไทยขอให้ทุกท่านมีความสุขกับทุกมื้ออาหารแสนอร่อยในทุก ๆ วันค่ะ