ทำความรู้จักกับ BALANCED FUND
BALANCED FUND หรือ กองทุนผสม คือการลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท
เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสม ด้วยความเสี่ยงในแบบที่คุณรับได้ เป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนสายกลาง
เลือกไม่ถูก มีเงินลงทุนจำกัด ต้อง BALANCED FUND
- งบน้อยก็รับผลตอบแทนได้ไม่ขาดมือ
- มีผู้ช่วยคอยดูแล จับจังหวะลงทุนที่เหมาะสมให้ ไม่ต้องคอยตามเอง
- มีผู้ช่วยเลือกของดีให้ ไม่ต้องเหนื่อยศึกษาเลือกเอง
BALANCED FUND หรือ กองทุนผสม คือการลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท
เพื่อกระจายความเสี่ยงไม่ให้สูงไป พร้อมบาลานซ์ให้ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสม
จุดเด่นของ BALANCED FUND
- สามารถเลือกลงทุนตามผลตอบแทนที่ต้องการและความเสี่ยงที่รับได้
- ไม่ต้องเหนื่อยตามสภาวะตลาดอยู่ตลอด ให้มือโปรดูแล
- ลงทุนได้ทุกช่วงเวลา เพราะกองทุนจะปรับสัดส่วนเพื่อลดความเสี่ยงมาให้เลย
BALANCED FUND หรือ กองทุนผสม คือกองทุนที่กระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุน
ในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท
เลือกได้ทั้งความเสี่ยงมากเพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่า
หรือความเสี่ยงน้อยแต่ผลตอบแทนเซฟๆ
เลือกรับผลตอบแทนได้ต้อง BALANCED FUND
- ประเมินผลตอบแทนที่คาดหวังได้ ไม่ต้องคอยลุ้นกับความไม่แน่นอนของตลาด
- มีมือโปรช่วยจัดการให้ลงทุนได้ถูกจังหวะเวลา มั่นใจว่าได้กองทุนที่ดีที่สุดของ KAsset
- เพิ่มโอกาสได้ผลตอบแทน ตามความเสี่ยงที่คุณรับได้
BALANCED FUND หรือ กองทุนผสม คือการลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท
พร้อมมีมือโปรคอยปรับสัดส่วนให้ตามตลาดในช่วงเวลานั้นๆ และสามารถเลือกผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย
ลงทุนได้ตามต้องการกับ BALANCED FUND
- ไม่ต้องเสียเวลาอ่านข้อมูลเยอะๆ เพราะมีมือโปรเลือกให้ พร้อมปรับสัดส่วนกองทุน
- โอกาสทำกำไรดีกว่า มีผู้ช่วยจัดการซื้อ - ขายให้ได้ถูกจังหวะตลาด
- งบจำกัดก็ลงทุนได้ เพราะมีมือโปรเลือกกองทุนที่ดีที่สุดของ KAsset มาให้
BALANCED FUND หรือ กองทุนผสม คือการลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท
พร้อมมีมือโปรคอยปรับสัดส่วนให้ตามตลาดในช่วงเวลานั้นๆ และสามารถเลือกผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย
- ไม่ต้องเสียเวลาอ่านข้อมูลเยอะๆ เพราะมีมือโปรเลือกให้ พร้อมปรับสัดส่วนกองทุน
- โอกาสทำกำไรดีกว่า มีผู้ช่วยจัดการซื้อ - ขายให้ได้ถูกจังหวะตลาด
- งบจำกัดก็ลงทุนได้ เพราะมีมือโปรเลือกกองทุนที่ดีที่สุดของ KAsset มาให้
BALANCED FUND หรือ กองทุนผสม คือการลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท
พร้อมมีมือโปรคอยปรับสัดส่วนให้ตามตลาดในช่วงเวลานั้นๆ และสามารถเลือกผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย
- ไม่ต้องเสียเวลาอ่านข้อมูลเยอะๆ เพราะมีมือโปรเลือกให้ พร้อมปรับสัดส่วนกองทุน
- โอกาสทำกำไรดีกว่า มีผู้ช่วยจัดการซื้อ - ขายให้ได้ถูกจังหวะตลาด
- งบจำกัดก็ลงทุนได้ เพราะมีมือโปรเลือกกองทุนที่ดีที่สุดของ KAsset มาให้
BALANCED FUND หรือ กองทุนผสม คือการลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท เพื่อกระจายความเสี่ยง
พร้อมมีมือโปรคอยจัดการและรับผลตอบแทนแบบไม่เหวี่ยง
จุดเด่นของ BALANCED FUND
- ลงทุนได้ทุกช่วงเวลา เพราะกองทุนจะปรับสัดส่วนเพื่อลดความเสี่ยง เพิ่มโอกาสทำกำไร
- มีมือโปรช่วยเลือกกองทุนดีๆ มาให้ ไม่ต้องจับจังหวะลงทุนเอง
- จบปัญหาลงทุนแบบเดียวแล้วได้ผลตอบแทนน้อยเกินไป หรือผลตอบแทนสูงแต่เสี่ยงมากเกินไป
กองทุนสายกลางที่เหมาะกับคุณ
K-GINCOME-A(R)
งบจำกัดก็ลงทุนได้
หมดห่วงเรื่องเสี่ยงเกินไป
ผลตอบแทนไม่เพียงพอ
K-GINCOME-A(R)
กองทุนสายกลาง ไม่เน้นเสี่ยง
รับเงินเข้าสม่ำเสมอทุกสภาวะตลาด
กองทุนความเสี่ยงระดับ 5
- ลงทุนสบาย ทยอยรับผลตอบแทนสม่ำเสมอ
- ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 4% ต่อปี**
- ลงทุนได้ทุกสภาวะตลาด
ศึกษาข้อมูล K-GINCOME-A(R) เพิ่มเติม
K-FIT
เลือกลงทุนตามผลตอบแทน
ที่ต้องการ และความเสี่ยง
ที่รับได้ ไม่เหนื่อยเพราะ
มีมือโปรช่วยดูแล
K-FIT
กองทุนที่คุณเลือกได้
เลือกระดับผลตอบแทนตามความเสี่ยงที่รับได้
กองทุนความเสี่ยงระดับ 5-6
- ชอบเสี่ยง อยากได้โอกาสรับผลตอบแทนสูง หรือเน้นเซฟ ก็มีให้เลือกถึง 4 กองทุน
- ไม่เหนื่อยลุ้นสภาวะตลาด เพราะมีมือโปรช่วยปรับสัดส่วนการลงทุนให้
- ได้ของดี หลากหลายสินทรัพย์ในกองทุนเดียว
ศึกษาข้อมูล K-FIT เพิ่มเติม
Wealth PLUS
เงินมากหรือน้อยก็ลงทุนได้
มีเวลาเหลือ เพราะมีตัวช่วย
จัดการพอร์ตลงทุนให้
Wealth PLUS
ลงทุนสะดวกกว่ากับ Robo Advisor
ให้ระบบช่วยเลือกกองทุน
จัดพอร์ตให้อัตโนมัติตามแบบคุณ
- อยากลงทุนแต่เลือกกองทุนไม่ถูก และอยากได้ตัวช่วย
- ลงทุนง่าย มีระบบแนะนำ ประเมินและจำลองผลการลงทุนให้
- ไม่เหนื่อยติดตาม Wealth PLUS ช่วยจัดการให้
ศึกษาข้อมูล Wealth PLUS เพิ่มเติม
เปรียบเทียบกองทุนสายกลาง
กดที่รูปเพื่อขยายตาราง
รายละเอียดกองทุน | K-GINCOME-A(R) | K-FIT | Wealth PLUS |
---|---|---|---|
เริ่มต้นลงทุน | 500 | 500 | 1,000 |
รับผลตอบแทนทุกเดือน | - | - | |
เลือกผลตอบแทนได้ | - | ||
คำนวณระยะเวลาลงทุนได้ | - | - | |
ระยะเวลาลงทุนที่เหมาะสม | 3-5 ปี | 3 ปีขึ้นไป | ปรับเปลี่ยนได้ตามแผนลงทุนที่คาดหวัง |
สินทรัพย์ที่ลงทุน | หุ้นต่างประเทศ, ตราสารหนี้ต่างประเทศ, หุ้นกู้, อสังหาฯ | หุ้นไทย, หุ้นต่างประเทศ, ตราสารหนี้ไทย, ตราสารหนี้ต่างประเทศ, สินทรัพย์ทางเลือก | หุ้นไทย, หุ้นต่างประเทศ, ตราสารหนี้ไทย, ตราสารหนี้ต่างประเทศ, สินทรัพย์ทางเลือก |
ซื้อเพิ่ม / ขายคืนได้ตลอด | |||
บริหารและปรับสัดส่วนโดย | ผู้จัดการกองทุนปรับสัดส่วนทุกเดือน | ผู้จัดการกองทุนปรับสัดส่วนทุก 3 เดือน | Robo Advisor (Auto-Rebalance) |
การกำหนดสัดส่วนพอร์ตลงทุน | - | - | ปรับสัดส่วนให้อัตโนมัติตามความเสี่ยง |
ช่องทางการซื้อ | K PLUS, K-My Funds, K-Cyber Invest และธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา | K PLUS, K-My Funds และ K-Cyber Invest | K PLUS |
ซื้อง่ายผ่าน 4 ช่องทาง
วิธีเปิดบัญชีกองทุน
คำถามที่พบบ่อย
BALANCED FUND หรือ กองทุนผสม คือกองทุนที่สามารถกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น สินทรัพย์ทางเลือก เป็นต้น โดยมีผู้จัดการลงทุนจัดสัดส่วนแต่ละสินทรัพย์ให้เหมาะสมในพอร์ตกองทุน
- หุ้น เป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็ตามมาด้วยความเสี่ยงสูงเช่นกัน
- ตราสารหนี้ เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้น มีความมั่นคง เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ เป็นต้น ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอนและสม่ำเสมอ
- สินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ หรือน้ำมัน ให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกัน และการขึ้นลงของราคามักจะสวนทางกับหุ้น
ข้อดีคือ ผู้ลงทุนเลือกลงทุนเพียงกองทุนเดียว ก็จะได้กระจายความเสี่ยง ลดโอกาสขาดทุน และเพิ่มโอกาสทำกำไร เพราะหากผู้ลงทุนเลือกลงทุนเพียงกองทุนหุ้นอย่างเดียวก็จะมีความเสี่ยงสูงเกินไป ในขณะที่ลงทุนกองทุนตราสารหนี้แม้จะมีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็ได้รับผลตอบแทนน้อยเกินไป ดังนั้น BALANCED FUND จึงช่วยปรับการลงทุนให้สมดุล โดยมีผู้จัดการกองทุนที่คอยปรับสัดส่วนสินทรัพย์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด
- นักลงทุนมือใหม่ ที่อยากเริ่มลงทุน แต่ยังไม่อยากเสี่ยงสูงมาก และไม่รู้จังหวะในการเข้าลงทุน
- นักลงทุนที่มีประสบการณ์ลงทุนมาแล้ว แต่ไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ เพราะเคยลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งมากหรือน้อยเกินไป ไม่ได้กระจายความเสี่ยง หรือไม่มีเวลาปรับพอร์ตด้วยตนเอง
แนะนำควรถือครองกองทุน BALANCED FUND ทั้ง K-GINCOME และ K-FIT ตั้งแต่ 3-5 ปี เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนตามเป้าหมาย และลดโอกาสขาดทุนในระยะสั้นๆ
การเลือกกองทุนควรพิจารณาจากเป้าหมายการลงทุนดังนี้
- หากเป้าหมายคือ ต้องการรับผลตอบแทนกลับไปทุกเดือนระหว่างลงทุน ควรเลือก K-GINCOME-A(R) ซึ่งมีนโยบายรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุกเดือน
- หากต้องการถือกองทุนระยะยาว และคาดหวังให้เงินลงทุนเติบโตเป็นเงินก้อนใหญ่ใน 3-5 ปีข้างหน้า โดยไม่ต้องการรับเงินปันผลระหว่างลงทุน เลือกได้ทั้งกองทุน K-FIT ที่มีผู้จัดการกองทุนปรับพอร์ตให้ หรือ บริการ Wealth PLUS ซึ่งเป็นบริการจัดพอร์ตให้อัตโนมัติ (Robo Advisor) ตามเป้าหมายการลงทุน
ไม่จำเป็น เพราะแต่ละกองทุนมีการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายอยู่แล้ว ดังนั้นหากเลือกหลายกองทุน ในที่สุดอาจจะได้ลงทุนในสินทรัพย์คล้ายๆ กัน ดังนั้น ควรพิจารณาจากเป้าหมายในการลงทุนเป็นหลักมากกว่า
มีโอกาส เพราะ ราคาของกองทุนมีการเคลื่อนไหวตามราคาตลาดของสินทรัพย์ลงทุนในขณะนั้นๆ เช่น หากหุ้นที่กองทุนลงทุนอยู่ปรับตัวลงตามสภาวะตลาด ซึ่งราคาของกองทุนก็จะปรับลดตาม อย่างไรก็ตามในกรณีของ K-GINCOME-A(R) หากหุ้นตัวนั้นๆ ยังสามารถจ่ายปันผลได้ กองทุนก็ยังคงมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอและสามารถจ่ายผลตอบแทนอัตโนมัติได้ ในขณะที่กองทุน K-FIT ผู้จัดการกองทุนจะคอยปรับพอร์ตและซื้อขายเพื่อให้กองทุนมีกำไรสะสมและมีผลตอบแทนตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ดังนั้นหากผู้ลงทุนถือกองทุนระยะยาว 3-5 ปี โดยไม่ได้ขายคืนในขณะที่มูลค่ากองทุนปรับตัวลง ก็จะลดโอกาสขาดทุนได้
กองทุน K-FIT มีกองทุนให้เลือก 4 รูปแบบ แตกต่างกันตามสัดส่วนของสินทรัพย์ที่ลงทุน เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนตามผลตอบแทนที่ต้องการและความเสี่ยงที่รับได้
- ไม่อยากเสี่ยงมาก คาดหวังผลตอบแทนประมาณ 3% ต่อปี เลือก K-FITS
- เสี่ยงได้ปานกลาง คาดหวังผลตอบแทนประมาณ 5.5% ต่อปี เลือก K-FITM
- เสี่ยงได้มากขึ้น คาดหวังผลตอบแทนประมาณ 7% ต่อปี เลือก K-FITL
- เสี่ยงได้มาก คาดหวังผลตอบแทนประมาณ 8.5% ต่อปี เลือก K-FITXL
หมายเหตุ: อัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นดัชนีชี้วัดของกองทุนเกิดจากการจัดแบบจำลองการลงทุนย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งกองทุนมิได้รับประกันผลตอบแทนดังกล่าว และผู้ลงทุนอาจได้รับผลตอบแทนติดลบหรือน้อยกว่าอัตราผลตอบแทนที่กำหนดเป็นตัวชี้วัดได้
Wealth PLUS เป็นบริการจัดพอร์ตให้อัตโนมัติ (Robo Advisor) ตามเป้าหมายการลงทุนของคุณ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เหมาะสำหรับคนที่อยากลงทุน แต่ไม่มีเวลาติดตามกองทุนเอง อยากได้ผู้ช่วยส่วนตัวคอยปรับพอร์ตให้ตามสภาวะตลาด สามารถเริ่มลงทุนได้ง่ายๆ ผ่านแอป K PLUS โดยมีบริการครอบคลุมดังต่อไปนี้
- จัดพอร์ตเลือกกองทุนให้อัตโนมัติ ตามแผนการลงทุนที่คุณเลือกเองได้
- สร้างแผนการลงทุนได้เองง่ายๆ ด้วยบริการ Wealth PLUS บน K PLUS ได้เลย
- ระบบช่วยประเมินความเสี่ยงการลงทุน มีทั้งหมด 5 ระดับ จาก “ระดับต่ำ” ไปถึง “ระดับสูง”
- ช่วยวางแผนการลงทุนโดยจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมตามความเสี่ยงที่คุณรับได้
- สามารถซื้อ-ขายกองทุนเป็นพอร์ต ด้วยบริการ Wealth PLUS บน K PLUS
- ลงทุนรายเดือนอัตโนมัติ (DCA) เริ่มต้น 500 บาท
- ลงทุนรายครั้ง ครั้งแรกเริ่ม 1,000 บาท ครั้งถัดไปเริ่ม 500 บาท
- ปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนอัตโนมัติ (Auto Rebalance) ทุกๆ 6 เดือน
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม K-Contact Center 02-888-8888 กด 4 กด 1
สำหรับผู้ที่มีบัญชีกองทุนรวมอยู่แล้ว กดซื้อได้เลยง่ายๆ ผ่านแอป K PLUS หรือ K-My Funds และช่องทางออนไลน์ที่ K-Cyber Invest หรือที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา
สามารถเปิดบัญชีกองทุนรวมได้เองทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องไปสาขา โดยเตรียมเลขที่บัญชีออมทรัพย์ และข้อมูลตามบัตรประชาชนให้เรียบร้อย
- หากมีบัญชีออมทรัพย์ KBank และมีแอป K PLUS แล้ว กดเปิดบัญชีผ่านเมนู “ลงทุน” ได้เลย
- หากมีบัญชีออมทรัพย์ SCB, KTB เลือกเปิดบัญชีกองทุนผ่าน K-My Funds