ก้าวทันภัยไซเบอร์ > 9 เคล็ดลับใช้ Mobile Banking ให้ "ปลอดภัย" จากมิจฉาชีพ

9 เคล็ดลับใช้ Mobile Banking
ให้ "ปลอดภัย" จากมิจฉาชีพ

ทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือไม่ใช่แค่เครื่องมือสื่อสารอีกต่อไป แต่เป็น “กระเป๋าเงิน” ที่เราใช้ทำธุรกรรมทางการเงินแทบทุกวัน ไม่ว่าจะโอนเงิน จ่ายบิล หรือเช็กยอดบัญชี ทุกอย่างทำได้เพียงปลายนิ้ว แต่ความสะดวกนี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ โดยเฉพาะภัยจากมิจฉาชีพ ที่เปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงตลอดเวลา

เพื่อการใช้งาน Mobile Banking ได้อย่างมั่นใจ บทความนี้จะพาไปดู 9 เคล็ดลับง่ายๆ ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันให้การทำธุรกรรมทุกครั้ง ของคุณปลอดภัย

img-article-7

1. อัปเดต Mobile Banking ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ

การอัปเดตแอปพลิเคชัน Mobile Banking ไม่ได้เป็นแค่การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เท่านั้น แต่คือการเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานให้เราอีกด้วย เพราะการใช้แอปพลิเคชันเวอร์ชันเก่าที่อาจมีช่องโหว่ ก็เปรียบเสมือนการเปิดประตูทิ้งไว้ให้มิจฉาชีพเข้ามาลักลอบขโมยข้อมูลสำคัญ หรือทำทุจริตบัญชีของคุณได้ ดังนั้นการอัปเดตแอปพลิเคชันอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นปราการด่านแรก ที่จะช่วยรับมือกับรูปแบบการโจมตีใหม่ๆ และมั่นใจได้ว่าแอปพลิเคชันที่คุณใช้มีระบบรักษาความปลอดภัยล่าสุดจากธนาคารอีกด้วย

เคล็ดลับ : ตั้งค่าให้อัปเดตอัตโนมัติ หรือหมั่นตรวจสอบและอัปเดตด้วยตัวเองผ่าน App Store หรือ Google Play Store

howto iconวิธีการอัปเดตเวอร์ชัน K PLUS

สำหรับ iOS :

เข้าไปที่ App Store > พิมพ์ค้นหาแอป
"K PLUS"
> เลือกกด "อัปเดต" (Update)

สำหรับ Android :

เข้าไปที่ Play Store > พิมพ์ค้นหาแอป
"K PLUS"
> เลือกกด "อัปเดต" (Update)

img-article-6

2. อัปเดตระบบปฏิบัติการ (iOS/Android) ของโทรศัพท์ ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ

ระบบปฏิบัติการ (iOS/Android) เป็นหัวใจสำคัญของโทรศัพท์มือถือ ต้องหมั่นอัปเดตให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ เพราะการอัปเดตทุกครั้งไม่ใช่แค่เสริมประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการ หรือเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เท่านั้น แต่จะเป็นการอัปเดตเพื่อปิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย และป้องกันการโจมตีจากมัลแวร์ใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในทางกลับกันหากใช้เวอร์ชันที่ล้าสมัย อาจมี "ช่องโหว่" ที่เสี่ยงต่อการถูกมิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลหรือเข้าควบคุมโทรศัพท์ได้

เคล็ดลับ : เปิดฟังก์ชัน "อัปเดตอัตโนมัติ (Automatic Updates)" ไว้ได้เลย เพื่อให้ระบบของคุณปลอดภัยอยู่เสมอ หรือหมั่นตรวจสอบและอัปเดตอยู่เสมอ

howto iconวิธีเปิดการอัปเดตระบบปฏิบัติแบบอัตโนมัติ ดังนี้

สำหรับ iOS :

เข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) >
ทั่วไป (General) >
รายการอัปเดตซอฟต์แวร์ (Software Update) >
รายการอัปเดตอัตโนมัติ เลือกกด “เปิด” (Automatic Updates : “On”)

สำหรับ Android :

เข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) >
เกี่ยวกับโทรศัพท์ (About phone) >
อัปเดตซอฟต์แวร์ (Software update) >
ดาวน์โหลดอัตโนมัติ (Auto download) >
เลือก “ใช้เฉพาะ Wi-Fi” หรือ “ใช้ Wi-Fi หรือข้อมูลมือถือ” (Using Wi-Fi only / Using Wi-Fi or mobile data)

img-article-8

3. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก Official Store เท่านั้น

การดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากแหล่งทางการเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะหากดาวน์โหลดจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจทำให้มือถือของคุณติดมัลแวร์ที่มิจฉาชีพใช้สอดแนม ดักจับข้อมูลส่วนตัว หรือควบคุมอุปกรณ์โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นจึงควรดาวน์โหลดจาก Official Store เท่านั้น เช่น App Store สำหรับ iOS หรือ Google Play Store สำหรับ Android

เคล็ดลับ : 3 ทริก เช็กให้ชัวร์ ก่อนดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจะได้ไม่ถูกหลอก

  1. ดูชื่อผู้พัฒนา และคำอธิบาย ว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่
  2. ดูคะแนน และรีวิว สร้างความมั่นใจ
  3. ดูยอดการดาวน์โหลด หากเป็นแอปที่มีชื่อเสียง แต่มีการดาวน์โหลดต่ำกว่าความเป็นจริง ให้หลีกเลี่ยงการติดตั้ง
img-article-2

4. หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะในการทำธุรกรรม

การเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะ ตามร้านกาแฟ สนามบิน หรือห้างสรรพสินค้า ทำได้ง่ายและสะดวก แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่าปลอดภัย? หากเราเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย หรือเป็น “จุดปล่อยสัญญาณปลอม” ที่มิจฉาชีพติดตั้งโดยใช้ชื่อเหมือน Wi-Fi สาธารณะ ก็อาจเสี่ยงต่อ การถูกดักจับข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่าน ข้อมูลการทำธุรกรรม

เคล็ดลับ : เมื่อต้องทำธุรกรรมทางการเงิน
ควรใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตมือถือ (3G/4G/5G) ของตนเอง

img-article-9

5. ไม่ดัดแปลงระบบปฏิบัติการมือถือ เช่น Root หรือ Jailbreak

การทำ Root (Android) หรือ Jailbreak (iOS) คือ การปลดล็อกข้อจำกัดของระบบปฏิบัติการ ทำให้สามารถติดตั้งหรือปรับแต่งมือถืออย่างไรก็ได้ รวมถึงปลดล็อกระบบความปลอดภัยด้วยเช่นกัน ซึ่งเสี่ยงต่อการเข้าถึงข้อมูลสำคัญ และข้อมูลทางการเงินโดยมิจฉาชีพ

เคล็ดลับ : หากพบว่าโทรศัพท์มือถือของคุณถูก Root/Jailbreak คุณสามารถยกเลิกการ Root/Jailbreak ได้ ดังนี้

howto iconวิธีการยกเลิก Root/Jailbreak

สำหรับ iOS :
  1. เชื่อมต่อโทรศัพท์กับเครื่องคอมพิวเตอร์
  2. เข้าโปรแกรม iTunes บนเครื่องคอมพิวเตอร์
  3. เลือก “กู้คืน iPhone” (Restore iPhone)
สำหรับ Android :
  1. เข้าแอป SuperSU
  2. เลือก “ตั้งค่า” (Setting)
  3. เลือก “Full Unroot” แล้วกดรีสตาร์ทโทรศัพท์ของคุณ
img-article-3

6. ตั้งรหัสล็อกหน้าจอที่คาดเดาได้ยาก หรือใช้ Biometric (ลายนิ้วมือ/ใบหน้า)

รหัสล็อกหน้าจอ คือ ปราการด่านแรกในการปกป้องข้อมูลของคุณ ดังนั้นควรใช้รหัสที่ซับซ้อน ไม่นำข้อมูลที่คาดเดาได้ง่ายมาใช้ เช่น ข้อมูลส่วนตัว วันเดือนปีเกิด เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ควรใช้ควบคู่กับ Biometric (เช่น ลายนิ้วมือ/ใบหน้า) ด้วย หากโทรศัพท์มือถือของคุณหายหรือถูกขโมย รหัสล็อกหน้าจอที่ซับซ้อนนี้จะเป็นเกราะป้องกันอันแข็งแกร่งที่ช่วยขัดขวางการเข้าถึงข้อมูล ทำให้คุณมีเวลาเพียงพอในการดำเนินการระงับบัญชีได้ทันท่วงที ก่อนที่มิจฉาชีพจะสร้างความเสียหายได้

เคล็ดลับ : การตั้งรหัสผ่านที่แตกต่างกันในแต่ละระบบ
จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยง หากรหัสผ่านหนึ่งถูกเปิดเผย มิจฉาชีพจะไม่สามารถเข้าถึง ระบบอื่น ๆ ได้โดยง่าย

img-article-1

7. ระมัดระวังการกดลิงก์หรือไฟล์แนบ ที่น่าสงสัยจาก SMS อีเมล หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ

“ลิงก์” องค์ประกอบสำคัญที่มิจฉาชีพใช้ประกอบการหลอกลวง โดยมิจฉาชีพมักแอบอ้างเป็นธนาคาร หน่วยงานรัฐ หรือบริษัทที่น่าเชื่อถือ แล้วส่งลิงก์ปลอมผ่านทาง SMS อีเมล หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพื่อหลอกให้เหยื่อเข้าสู่เว็บไซต์ปลอมหลอกขอข้อมูลส่วนตัว ดาวน์โหลดไฟล์ อันตรายที่มีมัลแวร์แฝงอยู่ หรือแอดบัญชีโซเชียลปลอมเพื่อพูดคุยหลอกลวงต่าง ๆ

เคล็ดลับ : ธนาคารไม่มีนโยบายส่งลิงก์ หรือไฟล์แนบใด ๆ เพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลทางบัญชี โดยยกเลิกการส่ง SMS และอีเมลแบบแนบลิงก์แล้ว (ยกเว้นข้อมูลที่ลูกค้าขอผ่านช่องทางของธนาคาร)

img-article-4

8. ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงของแอปพลิเคชันอย่างสม่ำเสมอ และปิดสิทธิ์ที่ไม่จำเป็น

เมื่อติดตั้งแอปพลิเคชันใหม่ แอปพลิเคชันมักจะร้องขอสิทธิ์เพื่อเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ เช่น กล้อง ไมโครโฟน รายชื่อ รูปภาพ ตำแหน่ง เป็นต้น ซึ่งบ่อยครั้งที่เรากด "ตกลง" โดยไม่ได้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าจำเป็นต้องให้สิทธิ์ดังกล่าวหรือไม่ เช่น แอปไฟฉายขอสิทธิ์เข้าถึงรายชื่อหรือตำแหน่ง การให้สิทธิ์ที่ไม่จำเป็นอาจเปิดช่องให้มิจฉาชีพสามารถเก็บข้อมูลส่วนตัว หรือควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ได้ ดังนั้นควรตรวจสอบสิทธิ์ที่ แอปพลิเคชันร้องขอ และปิดการเข้าถึงที่ไม่จำเป็นอยู่เสมอ

เคล็ดลับ : ก่อน “อนุญาต (Allow)” ให้แอปพลิเคชันใด ๆ เข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ในเครื่องของเรา ควรอ่านข้อความร้องขอสิทธิ์อย่างรอบคอบ หากมีการขอสิทธิ์เกินความจำเป็น ควรกด “ไม่อนุญาต (Not Allow)” ทันที

howto iconวิธีการตรวจสอบสิทธิ

สำหรับ iOS :

เข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) >
แอป (Apps) >
เลือกแอปที่ต้องการตรวจสอบ >
เลือกรายการที่ไม่ต้องการให้แอปเข้าถึง >
เลือก ปิด (Off)
หรือ
เข้าไปที่ การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย >
เลือกดูตามประเภทสิทธิ์ เช่น บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง กล้อง
หรือ บลูทูธ แล้วกดปิดสำหรับแอปที่ไม่ต้องการให้เข้าถึง

สำหรับ Android :

เข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) >
แอป (Apps) >
เลือกแอปที่ต้องการตรวจสอบ >
การอนุญาต (Permissions) >
เลือกรายการที่ไม่ต้องการให้แอปเข้าถึง >
เลือก ไม่อนุญาต (Don’t allow)

img-article-5

9. ปิด Bluetooth หรือ NFC ทุกครั้ง เมื่อไม่ใช้งาน

Bluetooth และ NFC เป็นช่องทางการเชื่อมต่อแบบไร้สายระยะใกล้ที่ช่วยให้โทรศัพท์สามารถสื่อสารกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ เช่น การเชื่อมหูฟังผ่าน Bluetooth หรือการใช้ NFC ของสมาร์ทโฟน เพื่อ “แตะ” จ่ายเงินผ่าน Apple Pay, Google Pay หรือ Samsung Pay หรือการแตะจ่ายผ่านบัตรเครดิต ถึงแม้การใช้ Bluetooth หรือ NFC จะสะดวกในการใช้งาน แต่ก็อาจมีความเสี่ยงเกิดขึ้นได้หากเปิดทิ้งไว้ ซึ่งอาจเป็นช่องทางที่มิจฉาชีพใช้ในการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือและเข้าถึงข้อมูลในเครื่องมือถือได้

เคล็ดลับ : 5 ทริก ป้องกันการถูกทุจริตผ่าน Bluetooth และ NFC

  1. ตั้งค่าล็อกหน้าจอมือถือให้ปลอดภัย เช่น PIN ลายนิ้วมือ ใบหน้า เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
  2. ไม่ให้สิทธิ์การเข้าถึง Bluetooth และ NFC กับแอปพลิเคชันที่ไม่เกี่ยวข้อง
  3. ระวังการเชื่อมต่อ Bluetooth และไม่แลกเปลี่ยนข้อมูลกับบุคคลแปลกหน้า เพราะอาจเป็นช่องทางให้คนร้ายส่งมัลแวร์เข้ามือถือ
  4. ไม่ใช้ NFC กับอุปกรณ์อ่านข้อมูลหรือตัวรับสัญญาณที่ไม่ปลอดภัย เพื่อป้องกันการถูกขโมยข้อมูล
  5. ปิด Bluetooth และ NFC ทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน

howto iconวิธีการปิด Bluetooth

สำหรับ iOS :

เข้าไปที่ เข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) > บลูทูธ (Bluetooth) > กดปิด (Off)

สำหรับ Android :

เข้าไปที่ เข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การเชื่อมต่อ (Connections) > บลูทูธ (Bluetooth) > กดปิด (Off)

howto iconวิธีการปิด NFC

สำหรับ iOS :

ระบบจะปิดการใช้ NFC แบบอัตโนมัติ โดยเมื่อทำธุรกรรมหรืออ่านแท็ก NFC จะต้องปลดล็อกหน้าจอมือถือก่อนเสมอ

สำหรับ Android :

เข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การเชื่อมต่อ (Connections) > NFC และการชำระเงินแบบไร้สัมผัส (NFC and Contactless payments) > กดปิด (Off)

9 เคล็ดลับนี้เปรียบเสมือน “เกราะป้องกัน” ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกมิจฉาชีพ
สวมรอยทำทุจริตทางการเงินหรือขโมยข้อมูลส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และที่สำคัญที่สุด จะทำให้เราสามารถใช้ Mobile Banking ได้อย่าง สะดวก ปลอดภัย และมั่นใจ ในทุกธุรกรรม

#KBank #สติ #อัปเดตสติป้องกันสตางค์ #ป้องกันมิจฉาชีพ #รู้ทันกลโกง #Mobile Banking #โมบายแบงกิ้ง #เคล็ดลับปลอดภัย

ช่องทางรับแจ้งเหตุ และภัยจากมิจฉาชีพ
ช่องทางรับแจ้งเหตุ
และภัยจากมิจฉาชีพ

ศูนย์รับแจ้งเหตุและให้ข้อมูล

ภัยทางการเงินจากมิจฉาชีพ

Call Icon Call Icon 02-8888888 กด 001
ศูนย์รับแจ้งเหตุและให้ข้อมูล

ศูนย์รับแจ้งเหตุและให้ข้อมูล

ผ่าน K PLUS

เข้าสู่ K PLUS
ศูนย์รับแจ้งเหตุและให้ข้อมูล