สำรวจโอกาสและความเสี่ยงของ Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียกับสินทรัพย์ดั้งเดิม เช่น หุ้น ทองคำ ตราสารหนี้ เพื่อช่วยนักลงทุนตัดสินใจจัดพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสม

สะเทือนวงการลงทุน เมื่อ Bitcoin มาแรง

สำรวจโอกาสและความเสี่ยงของ Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียกับสินทรัพย์ดั้งเดิม เช่น หุ้น ทองคำ ตราสารหนี้ เพื่อช่วยนักลงทุนตัดสินใจจัดพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสม

กดฟัง
หยุด
  • ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) กลายเป็นประเด็นสำคัญในแวดวงการเงิน โดยเฉพาะโอกาสการลงทุนในปี 2025 ที่คาดกันว่าอิทธิพลของการขึ้นเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของนาย Donald Trump จะส่งผลดีต่อการเติบโตของ Cryptocurrency พร้อมด้วยปัจจัยหนุนด้านการลงทุนที่สำคัญ เช่น เทคโนโลยี Blockchain ที่ปลอดภัย การเติบโตและการเริ่มได้รับการยอมรับในวงกว้าง ผลตอบแทนที่สูง และการเข้าถึงที่ง่าย
  • ​ ​ อย่างไรก็ตาม การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เหมาะสำหรับนักลงทุนที่พร้อมรับความเสี่ยงสูงและเข้าใจตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็ว การกระจายการลงทุนและการจัดสรรพอร์ตอย่างเหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยง โดยแนะนำให้นักลงทุนเริ่มต้นด้วยการจัดสรรเงินทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างรอบคอบและหลีกเลี่ยงการใช้เงินที่สำคัญต่อชีวิตประจำวัน

Bitcoin มาแรง! โอกาสหรือความเสี่ยงสำหรับนักลงทุน?

​ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) โดยเฉพาะ Cryptocurrency ได้รับความสนใจอย่างมหาศาลในแวดวงการเงิน ไม่เพียงแต่ในหมู่นักลงทุนรุ่นใหม่ แต่ยังรวมถึงนักลงทุนสถาบันและองค์กรใหญ่ทั่วโลกที่เริ่มหันมาถือครองสินทรัพย์นี้อย่างจริงจัง จนทำให้เกิดคำถามสำคัญในวงการ 2 คำถามคือ: 

  • ​Bitcoin เป็นโอกาสทองของนักลงทุนรุ่นใหม่ หรือเป็นฟองสบู่ที่พร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ?
  • ในพอร์ตการลงทุนควรมีสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยหรือไม่?
​ ​

ในบทความนี้ เราจะสำรวจเหตุผลที่ Bitcoin มาแรง พร้อมทั้งเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของมันเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ดั้งเดิม เพื่อช่วยให้คุณประเมินได้ว่าสินทรัพย์นี้เหมาะสมกับพอร์ตของคุณหรือไม่​


ทำไม Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลถึงน่าจับตามอง?

1. เทคโนโลยี Blockchain

Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและโปร่งใส โดยข้อมูลทุกธุรกรรมจะถูกบันทึกไว้ในลักษณะของ Blockchain ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ การที่ Cryptocurrency มีพื้นฐานอยู่บน Blockchain ทำให้มั่นใจได้ว่าระบบมีความปลอดภัยสูงและไม่สามารถถูกปลอมแปลงได้ง่าย ทำให้หลายอุตสาหกรรม เช่น การเงิน โลจิสติกส์ และสุขภาพ เริ่มนำไปใช้งาน​


2. การเติบโตของตลาดและเริ่มได้รับการยอมรับในวงกว้าง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทใหญ่ ๆ เช่น Tesla, Visa, และ PayPal เริ่มยอมรับและสนับสนุนการใช้ Cryptocurrency ในการทำธุรกรรมทางการเงิน นอกจากนี้ ธนาคารและรัฐบาลในหลายประเทศยังเริ่มศึกษาและวางนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ ไม่ใช่เพียงการเก็งกำไร แต่มีแนวโน้มการเติบโตและเป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพระยะยาว​


3. ผลตอบแทนสูง

​Cryptocurrency มีลักษณะความผันผวนสูง ซึ่งแม้จะเป็นความเสี่ยง แต่หากนักลงทุนรับความเสี่ยงได้สูง การลงทุนใน Cryptocurrency ก็มีโอกาสการสร้างผลตอบแทนที่สูงมากในระยะเวลาสั้น ตัวอย่างเช่น ในระยะเวลาเพียง 5 ปี (2016-2021) ราคา Bitcoin ปรับเพิ่มขึ้นจากหลักพันดอลลาร์ สู่ระดับหลายหมื่นดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการทำกำไรโดยใช้ระยะเวลาลงทุนไม่นานมากในสินทรัพย์นี้ นอกจากนี้ ผลตอบแทนเฉลี่ยในระยะยาว ก็ให้ผลตอบแทนที่น่าจูงใจ การลงทุนใน Bitcoin ตั้งแต่ปี 2010 ถึงปัจจุบัน ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าทุกสินทรัพย์ดั้งเดิม เช่น ทองคำ ตราสารหนี้ และหุ้นโลก


4. การเข้าถึงที่ง่าย

​ระบบซื้อขายที่สามารถให้นักลงทุนเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินทุนไม่มากและไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลกก็สามารถลงทุนใน Cryptocurrency ได้ เพียงแค่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งแตกต่างจากสินทรัพย์อื่นที่อาจมีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขในการลงทุน


​กราฟ : เปรียบเทียบผลตอบแทนของ Bitcoin ทองคำ ตราสารหนี้ และ หุ้นโลก ตั้งแต่ปี 31 ก.ค. 2010 – 3 ธ.ค. 2024


​ที่มา Bloomberg ณ วันที่ 3 ธ.ค.2567


​เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์
​​ปัจจัย
​Cryptocurrency
​หุ้น
​ทองคำ
​ตราสารหนี้
​ผลตอบแทน
​สูงมาก
​ปานกลางถึงสูง
​ปานกลาง
​ต่ำถึงปานกลาง​​
ความผันผวน (ความเสี่ยง
​สูงมาก
​ปานกลาง
​ต่ำ
​ต่ำมาก
​ความปลอดภัย
​ต่ำ
​ปานกลางถึงสูง
​สูง
​สูงมาก (โดยเฉพาะตราสารหนี้รัฐบาล)
​รายได้ต่อเนื่อง
​ไม่มี
​มี (ปันผลในบางกรณี)
​ไม่มี
​มี (ดอกเบี้ย)
การกำกับดูแล​
​ขาดการกำกับดูแล
​มีการกำกับดูแลชัดเจน
​ไม่มีการกำกับดูแล
​มีกฎระเบียบชัดเจน
สภาพคล่อง
​สูง
​ปานกลางถึงสูง
​ปานกลาง
​ปานกลางถึงต่ำ​

​​อิทธิพลของ Donald Trump ต่อ Bitcoin และ Cryptocurrency

​ในช่วงที่ Donald Trump เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสมัยแรก เขามีบทบาทสำคัญต่อทิศทางของสินทรัพย์ดิจิทัลในหลากหลายมิติ:​

  • ทัศนคติที่ต่อต้าน Bitcoin และ Cryptocurrency

    ในปี 2019 Trump เคยแสดงความเห็นว่า Bitcoin และ Cryptocurrency อื่นๆ ไม่ใช่เงินจริงและมูลค่าถูกสร้างจากอากาศ ทำให้นักลงทุนบางส่วนเกิดความกังวลในเรื่องกฎระเบียบที่อาจเข้ามาจำกัดการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล

  • นโยบายทางการเงินในยุค Trump

    การลดภาษีและการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เพิ่มหนี้ภาครัฐ สร้างความกังวลด้านเงินเฟ้อในระยะยาว ส่งผลให้ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น

  • ผลกระทบจากสงครามการค้ากับจีน

    ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในยุค Trump ทำให้นักลงทุนมองหาทางเลือกที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและไร้พรมแดน เช่น Bitcoin


​แม้ที่ผ่านมา Trump จะไม่ได้มีท่าทีสนับสนุน Cryptocurrency แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงการบริหารของเขา ได้กระตุ้นการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในทางอ้อม การกลับมาอีกครั้งของ Trump ในปีหน้า จึงคาดว่าจะส่งผลให้ตลาด Cryptocurrency กลับมาคึกคักอีกครั้ง

Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลเหมาะกับคุณแค่ไหน?

​Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลเหมาะสำหรับนักลงทุนที่พร้อมรับความเสี่ยงได้สูงและเข้าใจตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็วเป็นอย่างดี โดยความเสี่ยงที่สำคัญได้แก่

  1. ความผันผวนของราคาสูง: ราคา Cryptocurrency สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในระดับสูงในระยะเวลาอันสั้น เช่น ราคาของ Bitcoin ที่ขึ้นลงหลายพันดอลลาร์ภายในวันเดียว
  2. ขาดการกำกับดูแล: การลงทุนใน Cryptocurrency ยังไม่ได้รับการควบคุมอย่างเต็มที่จากหน่วยงานกำกับดูแล ในหลายประเทศ ทำให้มีความเสี่ยงด้านการฉ้อโกงและการถูกโจรกรรมข้อมูล
  3. ความซับซ้อนทางเทคนิค: นักลงทุนมือใหม่อาจพบว่าการเข้าใจเทคโนโลยี Blockchain และการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเรื่องยาก
​ ​ ​

​หากคุณเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้ได้และพร้อมรับมือ คุณก็สามารถเริ่มลงทุนใน Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลได้ แต่อย่างไรก็ตาม การกระจายการลงทุนยังคงเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงและสร้างสมดุลในการลงทุน


คำแนะนำการจัดพอร์ตลงทุนที่ผสมผสานระหว่างสินทรัพย์ดั้งเดิมและสินทรัพย์ดิจิทัล

  • กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ดั้งเดิม เช่น หุ้น, ตราสารหนี้, ทองคำ ตามความเสี่ยงที่รับได้
  • ​แบ่งสัดส่วนการลงทุนใน Bitcoin หรือ Cryptocurrency 5-10% ของพอร์ต (ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่รับได้) เพื่อเพิ่มโอกาสให้พอร์ตเติบโตและความเสี่ยงโดยรวมไม่สูงจนเกินไป และไม่ควรใช้เงินลงทุนที่เป็นเงินสดสภาพคล่องที่ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
  • ​ใช้กองทุนรวมที่ลงทุนใน Blockchain หรือ Cryptocurrency เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้น เช่น ASP-DIGIBLOC, KT-BLOCKCHAIN-A, LHGBLOCK-A หรือ SCBDIGI เป็นต้น



​ ​​


ความสำเร็จในการลงทุนไม่ได้มาจากการไล่ตามกระแส แต่มาจากการวางแผนที่ชาญฉลาดและเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับตัวคุณ​