น้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากความกังวลพายุกระทบการผลิตในอ่าวเม็กซิโก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นที่ 71.99 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นที่ 75.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นหลังจากมีรายงานว่า บริษัทพลังงานหลายแห่งในอ่าวเม็กซิโกได้เริ่มทำการอพยพคนงานออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมัน ทั้งนี้ก่อนที่พายุโซนร้อนราฟาเอลจะเคลื่อนตัวเข้าถล่มอ่าวเม็กซิโก โดยคาดการณ์ว่าพายุโซนร้อนลูกนี้จะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นพายุเฮอร์ริเคนภายในสัปดาห์นี้ และอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ลดลงประมาณ 4 ล้านบาร์เรล
กลุ่มโอเปก และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ประกาศเลื่อนแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน
โอเปกพลัสได้มีมติเลื่อนแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันที่กำหนดไว้ในเดือนธันวาคมออกไปอีกหนึ่งเดือน โดยมีกำหนดการเดิมคือการเพิ่มกำลังการผลิต 180,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการทยอยยกเลิกการปรับลดกำลังการผลิตที่เกิดขึ้นโดยสมัครใจจำนวน 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์อุปสงค์ที่อ่อนแอ โดยเฉพาะจากประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดสำคัญสำหรับน้ำมัน การเลื่อนแผนดังกล่าวจึงถือเป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมันและตอบสนองต่อสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนในปัจจุบัน
ดัชนีที่เกี่ยวข้อง
สัญญาน้ำมันดิบ (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.73% ที่ราคา 71.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 0.6% ที่ราคา 75.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
มุมมองการลงทุน
ราคากองทุน K-OIL ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.10% (ตามราคา NAV ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2024) ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันอันเนื่องมาจากเหตุการณ์พายุที่เกิดขึ้น แม้ว่าปัจจัยนี้จะเป็นปัจจัยชั่วคราว แต่ความต้องการพลังงานทั่วโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในประเทศจีน อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันยังมีความผันผวน
ดังนั้นทาง K WEALTH ยังคงมีมุมมองที่เป็นกลางต่อการลงทุนในน้ำมัน และแนะนำให้นักลงทุนพิจารณาลงทุนในหุ้นของกลุ่มธุรกิจที่มีมูลค่าเหมาะสมและมีรูปแบบการดำเนินงานที่สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองได้ เช่น กลุ่ม Healthcare และ Infrastructure
• ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น MedTech, Biotechnology
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GINFRA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงในบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เช่น ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า สนามบิน
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GOLD** (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8 ระดับ) เพื่อรับกับความผันผวนจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
• สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น หรือกังวลกับความเสี่ยงในการลงทุน
o หากรับความเสี่ยงได้บ้าง หรือเป็นเงินลงทุนที่ถือได้อย่างน้อย 1 ปี ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่
กองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศ
กองทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศหรือรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศได้
• หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือต้องการหลีกเลี่ยงทางเลือกที่มีความผันผวน หรือต้องการพักเงินสั้นๆ เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง แนะนำ
o กองทุน K-SF-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน
o กองทุน K-SFPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”
*กองทุน K-GHEALTH, K-VIETNAM และ K-GINFRA มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
**กองทุน K-FIXED-A, K-FIXEDPLUS, K-SF-A, K-SFPLUS และ K-GOLD มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด