K WEALTH / บทความ / Market Update / ประเด็นร้อน : แนะสะสมกองทุน K-CHINA ขานรับจีนผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด 19
07 ธันวาคม 2565
2 นาที

ประเด็นร้อน : แนะสะสมกองทุน K-CHINA ขานรับจีนผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด 19


​​


• กองทุน K-CHINA ปรับตัวขึ้น หลังทางการจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 ในหลายเมือง เป็นสัญญาณดีว่านโยบาย Zero-COVID อาจสิ้นสุดลงภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า แนะนำถือหรือลงทุนต่อในกองทุนหุ้นจีน


• กองทุน K-VIETNAM ผันผวนในช่วงสั้น โดยปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อต่างชาติ แต่ถูกกดดันเหมือนตลาดหุ้นอื่นทั่วโลก จากความกังวลว่า FED อาจเร่งขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรตามจากเศรษฐกิจเวียดนามที่ยังมีแนวโน้มเติบโต แนะนำลงทุนกองทุนหุ้นเวียดนามต่อ แต่ควรจำกัดสัดส่วนเงินลงทุน เนื่องจากเป็นตลาดหุ้นที่มีความผันผวนสูง


• กองทุน K-OIL ปรับตัวลง จากความกังวลว่า FED จะเร่งขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงมีความผันผวนสูง แนะนำให้ขายคืนทั้งหมดหากมีกำไร


“​



I: หุ้นจีน เช่น กองทุน K-CHINA ปรับตัวขึ้น


5 ธ.ค. 65 กองทุนหลักของ K-CHINA (กองทุน JPM China) ราคามีการปรับตัวขึ้น +4.71%เทียบกับวันก่อนหน้า ส่วนวันที่ 6 ธ.ค. กองทุนหลักดังกล่าวมีการปรับตัวลงเล็กน้อย -0.63% เทียบกับวันก่อนหน้า แต่เนื่องจากวันที่ 5 ธ.ค. เป็นวันหยุดทำการของประเทศไทย จึงคาดว่าการเปลี่ยนแปลงของราคากองทุนหลักช่วงวันที่ 5-6 ธ.ค. จะสะท้อนในราคากองทุน K-CHINA ณ 6 ธ.ค. ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับตัวขึ้น (คาดว่าจะประกาศคืนวันที่ 7 ธ.ค.)

แม้ผลการดำเนินงานย้อนหลังนับตั้งแต่ต้นปีของกองทุน K-CHINA ติดลบมากถึง -29.92% (ณ 1 ธ.ค. 65) แต่หากพิจารณาราคากองทุน K-CHINA นับตั้งแต่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา เริ่มทยอยปรับตัวสูงขึ้น โดยล่าสุด ณ 2 ธ.ค. 65 ราคามีการปรับเพิ่มขึ้น +26.22%เทียบกับราคาเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 65


ทำไม ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้น


ตลาดหุ้นจีนขานรับข่าวจีนยกเลิกมาตรการควบคุม COVID-19 ในหลายเมือง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนจะผ่อนคลายนโยบาย Zero-COVID มากขึ้น โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 5 ธ.ค. เซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีน มีประชากรมากกว่า 23 ล้านคน ที่ถูกล็อกดาวน์เป็นเวลาหลายเดือน เตรียมจะยกเลิกข้อกำหนด โดยให้ชาวเมืองเซี่ยงไฮ้ไม่ต้องแสดงผลตรวจเชื้อ COVID-19 ที่เป็นลบ ด้วยวิธี PCR ภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อเข้าใช้ระบบขนส่งสาธารณะ และเข้าสถานที่กลางแจ้ง เช่น สวนสาธารณะ สถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น ยกเว้นสถานที่บางแห่งที่ยังต้องแสดงผลตรวจอยู่ เช่น ร้านอาหาร บาร์ และสถานพยาบาล ฯลฯ

สอดคล้องกับเมืองอื่นๆ เช่น ปักกิ่ง เทียนจิน เซินเจิ้น และเฉิงตู ที่ประกาศยกเลิกข้อกำหนดในการตรวจเชื้อ COVID-19 ก่อนใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ไปตั้งแต่วันเสาร์ที่ 3 ธ.ค. ตัวอย่างเช่น กรุงปักซึ่งเป็นเมืองหลวงของจีน ที่ยังคงข้อกำหนดในการตรวจเชื้อก่อนเข้าสถานที่บางแห่งไว้ เช่น ร้านอาหาร และสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างบ้านพักคนชรา

ประกอบกับนางซุน ชุนหลาน รองนายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่า ขณะนี้ความสามารถในการก่อโรค (pathogenicity) ของไวรัส COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนเริ่มลดน้อยลง จากการที่ประชาชนฉีดวัคซีนมากขึ้น รวมถึงมีประสบการณ์ที่มากขึ้นในการควบคุมไวรัสชนิดนี้ด้วย จึงอาจเป็นการส่งสัญญาณสำคัญว่า นโยบาย Zero-COVID มีโอกาสจะสิ้นสุดลงภายในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า


มุมมองการลงทุน


แม้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอาจต้องใช้เวลา แต่ด้วยนโยบายการเงินและการคลังที่มีความยืดหยุ่น เพียงพอที่จะรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ทำให้จีนยังคงสามารถใช้นโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายต่อไปได้ สวนทางกับประเทศอื่นๆ ที่เป็นแบบตึงตัวมากขึ้น อีกทั้งระดับราคาหุ้นจีนยังต่ำกว่าตลาดหุ้นอื่นอีกมาก จึงเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวที่โดดเด่นได้ โดยในช่วงประมาณ 1 เดือนที่ผ่านเป็นช่วงที่ราคากองทุน K-CHINA ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ +26.22% เลย


II: หุ้นเวียดนาม เช่น กองทุน K-VIETNAM มีความผันผวน


2 ธ.ค. ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม อย่างดัชนี VNI ปรับตัวขึ้น +4.22%เทียบกับวันก่อนหน้า ทำให้ราคากองทุน K-VIETNAM ณ วันดังกล่าวปรับตัวขึ้น +3.97% อย่างไรก็ตามแม้วันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันหยุดทำการของประเทศไทย ดัชนี VNI ยังคงปรับตัวขึ้นอีก +1.26%เทียบกับวันก่อนหน้า แต่ล่าสุดวันที่ 6 ธ.ค. กลับปรับตัวลดลง -4.11%เทียบกับวันก่อนหน้า ส่งผลให้ราคากองทุน K-VIETNAM ปรับตัวลง -0.71%เทียบกับ 2 ธ.ค. ซึ่งเป็นการสะท้อนราคาหุ้นเวียดนามในวันที่ 5-6 ธ.ค.


ทำไม ตลาดหุ้นเวียดนามถึงผันผวน


เนื่องจากตลาดหุ้นเวียดนามเป็นตลาด Frontier Market ซึ่งยังมีผู้ถือหุ้นรายย่อยในสัดส่วนที่สูง ตลาดจึงมีความผันผวนกว่าตลาดหุ้นทั่วไป โดยเมื่อ 2 ธ.ค. ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้น จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ โดยในช่วงเดือน พ.ย. หลังจากที่ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้น ก.ย. 65 จนมาถึงจุดต่ำสุดในวันที่ 15 พ.ย. ส่งผลให้ราคาหุ้นเวียดนามต่ำลงอยู่ในระดับที่น่าสนใจสำหรับลงทุนต่างชาติ ทำให้เริ่มมีแรงซื้อหุ้นเวียดนามกลับเข้ามา และตลาดหุ้นเวียดนามก็ทยอยปรับตัวขึ้นตามมา ซึ่งหากพิจารณาราคากองทุน K-VIETNAM ล่าสุด ณ 6 ธ.ค. 65 กองทุนที่มีการปรับตัวสูงขึ้นถึง +17.96%เทียบกับวันที่ 15 พ.ย. 65

ส่วน 6 ธ.ค. ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลง ซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลก หลังจากที่นักลงทุนกังวลว่า FED อาจเร่งขึ้นดอกเบี้ย จากการที่เมื่อคืนวันที่ 5 ธ.ค. สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีภาคบริการของสหรัฐเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน รวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้


มุมมองการลงทุน


เศรษฐกิจประเทศเวียดนามยังคงเติบโตได้ดีจากเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรายได้ของประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น ระบบการเงินและค่าเงินของประเทศมีเสถียรภาพมากขึ้น ตลอดจนการที่สหรัฐฯ ประกาศไม่ดำเนินมาตรการทางภาษีกับประเทศเวียดนามอีก เป็นปัจจัยบวกต่อภาคการส่งออกของเวียดนาม

โดยกองทุน K-VIETNAM เน้นการลงทุนรายหลักทรัพย์ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาวและมีการประเมินมูลค่า (Valuation) อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การเงิน และสินค้าอุปโภคบริโภค ที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากความกังวลความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาเงินเฟ้อ เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ตลอดจนการสอบสวนจากภาครัฐฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ได้ผ่านพ้นไป


III: กองทุนหุ้นสหรัฐฯ เช่น K-USA และกองทุนน้ำมัน K-OIL ปรับตัวลง


5 ธ.ค. 65 กองทุนหลักของ K-OIL (กองทุน Invesco DB Oil) ราคาปรับตัวลดลง -3.19%เทียบกับวันก่อนหน้า ส่วนวันที่ 6 ธ.ค. กองทุนหลักดังกล่าวก็มีการปรับตัวอีก -3.62%เทียบกับวันก่อนหน้า แต่เนื่องจากวันที่ 5 ธ.ค. เป็นวันหยุดทำการของประเทศไทย จึงคาดว่าการเปลี่ยนแปลงของราคากองทุนหลักช่วงวันที่ 5-6 ธ.ค. จะสะท้อนในราคากองทุนกองทุน K-OIL ณ 6 ธ.ค. (คาดว่าจะประกาศคืนวันที่ 7 ธ.ค.)

กองทุนหลักของ K-USA (US Advantage) ณ 6 ธ.ค. 65  ปรับตัวลง -4.59%เทียบกับวันก่อนหน้า ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ราคากองทุน K-USA ณ 6 ธ.ค. (คาดว่าจะประกาศคืนวันที่ 7 ธ.ค.) ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกัน


ทำไม ราคากองทุนหุ้นสหรัฐฯ และกองทุนน้ำมันปรับตัวลง


เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า FED (ธนาคารกลางสหรัฐฯ) อาจยังคงเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสู้กับเงินเฟ้อ หลังจากที่สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีภาคบริการของสหรัฐ เดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค. บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ รวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ย. และตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ด้วย ซึ่งล้วนเป็นข้อมูลที่ FED ให้ความสำคัญในการพิจารณาสัญญาณภาวะเงินเฟ้อ แม้ก่อนหน้านี้เมื่อ 30 พ.ย. นายเจอโรม พาวเวล ประธาน FED ได้เคยส่งสัญญาณว่า FED อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ตาม

อย่างไรก็ตาม น้ำมันดิบโลก เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงโดยที่ในช่วงที่ผ่านมานอกจากทิศทางดอกเบี้ยของ FED แล้ว สถานการณ์ COVID-19 ของจีนที่เริ่มผ่อนคลาย ซึ่งสะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้พลังงานที่อาจสูงขึ้น รวมถึงการประชุม OPEC+ ที่เพิ่งมีมติในการลดกำลังการผลิตน้ำมันลง อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบกลับมาบวกหรือผันผวนได้ในช่วงนี้

ส่วนกองทุน K-USA ซึ่งเป็นกองทุนที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบเชิงรุก (active management) ที่เน้นลงทุนหุ้นเติบโตสูง รวมถึงมีการลงทุนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กด้วย ราคาจึงมีความผันผวนมากกว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวม เช่น วันที่ 6 ธ.ค. ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง 1%-2% ในขณะที่กองทุนหลักของ K-USA ปรับตัวลงถึง -4.59% เป็นต้น


คำแนะนำการลงทุน


ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นจีนอยู่ (เช่น K-CHINA K-CHX K-CCTV K-CHINA-SSF และ KCHINARMF) แนะนำถือลงทุนต่อ ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่มและรับความเสี่ยงได้สูง สามารถทยอยลงทุนเพิ่มได้ แต่ควรเป็นเงินที่สามารถลงทุนระยะยาวได้

ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นเวียดนามอยู่ (เช่น K-VIETNAM K-VIETNAM-SSF และ KVIETNAMRMF) แนะนำถือลงทุนต่อ ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่มและรับความเสี่ยงได้สูง สามารถทยอยลงทุนเพิ่มได้ โดยควรเป็นเงินที่สามารถลงทุนระยะยาว และควรมีสัดส่วนเงินลงทุนไม่เกิน 5%-10% ของเงินลงทุนในส่วนของหุ้น เนื่องจากตลาดหุ้นเวียดนามมีความผันผวนกว่าตลาดหุ้นทั่วไป

ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ (เช่น K-USA) แนะนำให้หาจังหวะขายคืน เพื่อลดสัดส่วนการลงทุนลง ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม ไม่แนะนำให้ลงทุน

ผู้ที่ถือกองทุนน้ำมัน (เช่น K-OIL) แนะนำให้พิจารณาขายคืนทั้งหมดหากมีกำไร ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม ไม่แนะนำให้ลงทุน

สำหรับผู้ที่กังวลกับความผันผวน แต่ยังคงรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้หรือต้องการรับผลตอบแทนระยะยาว แนะนำลงทุนกองทุนผสม เช่น กองทุน K-GINCOME-A(A) ที่มีการแบ่งสัดส่วนและกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก  ช่วยลดความผันผวนและความเสี่ยงจากการลงทุนสินทรัพย์หรือหุ้นที่กระจุกตัวเพียงบางประเทศ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก KAsset, Finnomena, RYT9

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”


​​

บทความโดย K WEALTH TRAINER ราชันย์ ตันติจินดา CFP®
ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 66 ส่งผลการลงทุนอย่างไร
ประเด็นร้อน : หุ้นสหรัฐฯ ส่งสัญญาณดีรับเฟดจะชะลอขึ้นดอกเบี้ย แนะทยอยทำกำไรกองทุน K-USXNDQ-A
ประเด็นร้อน : กนง. เคาะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ผลพวงจากเงินเฟ้อที่ยังสูง
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!