K WEALTH / บทความ / Wealth Management / เทคนิคซื้อประกันรถยนต์ ให้ได้ความคุ้มครองที่คุ้มค่า
14 ธันวาคม 2565
10 นาที

เทคนิคซื้อประกันรถยนต์ ให้ได้ความคุ้มครองที่คุ้มค่า





● ประกันรถยนต์ชั้น 1 ค่าเบี้ยสูงกว่าประกันชั้นอื่นๆ แต่ก็มีวิธีลดค่าเบี้ยได้ง่ายๆด้วยกัน 5 วิธี โดยแต่ละวิธีก็มีความเหมาะสมแตกต่างกันออกไป


● ประกันรถยนต์มีหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นถ้ายังไม่มีเป้าหมายในใจ อาจต้องลองเปรียบเทียบความแตกต่างกันดูก่อน


● แต่ละคนมีความต้องการความคุ้มครองที่แตกต่างกัน การเลือกประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์ก็จะไม่เหมือนกัน



ถ้าพูดถึงเรื่องประกันรถยนต์ เมื่อมีเจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งให้ต่ออายุประกันรถยนต์ หลายคนก็เลือกที่จะต่อกับเจ้าเดิม เพราะไม่อยากมานั่งเสียเวลาดำเนินการทำเรื่องอะไรใหม่ให้วุ่นวาย หรือต้องการความสะดวกสบาย แต่หากเรายอมเสียเวลาเพิ่มอีกสักนิด ไม่ว่าจะเป็นการต่อกับประกันเจ้าเดิม หรือเจ้าใหม่ เพื่อสอบถามเรื่องส่วนลดประกันรถยนต์ ที่บางเงื่อนไขเราก็แทบไม่ได้ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายการทำประกันรถยนต์ได้


5 ส่วนลดประกันรถยนต์ที่ต้องรู้


1.ติดกล้องหน้ารถ (CCTV) 


โดยทาง คปภ. หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย มีการออกคำสั่งนายทะเบียน ระบุให้รถยนต์ที่ติดกล้องรถยนต์ (CCTV) สามารถขอให้บริษัทประกันทำการลดค่าเบี้ยประกันได้ 5-10% ของเบี้ยประกันสุทธิ และสามารถยื่นขอส่วนลดค่าเบี้ยประกันได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นชั้น 1, 2+ ,3+ ,2, 3 ตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันภัย


2.ส่วนลดประวัติดี 


ในกรณีที่ไม่เคยชน ไม่เคยเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทประกันภัย ไม่เคยเคลม หรือหากเกิดอุบัติเหตุแต่เป็นฝ่ายถูก และสามารถระบุคู่กรณีได้ ก็จะได้รับส่วนลดประวัติดีจากบริษัทประกันภัยเมื่อต่ออายุประกันรถยนต์ โดยส่วนลดจะคำนวณจากเบี้ยประกันรถยนต์ในปีที่ต่ออายุ หรือหากต้องการเปลี่ยนบริษัทประกันภัย ก็สามารถขอเอกสารจากบริษัทประกันภัยเดิม เพื่อนำไปขอส่วนลดเบี้ยประกันรถยนต์กับบริษัทประกันภัยที่ใหม่ได้ โดยบริษัทประกันภัยส่วนใหญ่มักมีส่วนลดประวัติดี แต่จะมีบางบริษัทเท่านั้น ที่อาจไม่มีส่วนลดประวัติดี หากไม่ใช่ประกันชั้น 1

ส่วนลดประวัติดี

3.ส่วนลดจากค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible)

เป็นการที่ผู้ทำประกันเลือกรับความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายส่วนแรกไว้เอง หากเกิดอุบัติเหตุและผู้ขับเป็นฝ่ายผิด ก็จะต้องรับผิดชอบความเสียหายส่วนแรกไว้ตามเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์ประกันรถยนต์ เช่น 5,000 บาท ส่วนความเสียหายที่เหลือ ทางบริษัทประกันภัยก็จะเข้ามาดูแลต่อไม่เกินวงเงินที่กำหนด โดยส่วนลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์นี้จะอยู่ที่ 5% เหมาะกับคนที่ขับรถชำนาญ มั่นใจว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุบ่อยนัก เพราะหากเกิดอุบัติเหตุบ่อย เราก็ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกก่อนทุกครั้ง โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะเห็นส่วนลดประเภทนี้ในประกันชั้น 1 และมีบางบริษัทก็จะมีส่วนลดนี้ในประกันชั้น 2+ ด้วย

4.ส่วนลดระบุคนขับ 

สำหรับคนที่ใช้รถคนเดียว หรือไม่เกิน 2 คนสามารถเลือกซื้อประกันรถยนต์แบบระบุคนขับเพื่อประหยัดค่าเบี้ยประกันได้ โดยแต่ละช่วงอายุก็จะมีส่วนลดที่แตกต่างกันออกไป กรณีผู้ขับไม่ใช่คนที่ระบุชื่อในกรมธรรม์ แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา หากเป็นฝ่ายถูก รถยนต์ที่ถูกชนเสียหาย บริษัทประกันก็จะดูแลตามปกติ แต่หากเป็นฝ่ายผิดก็ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรกเอง โดยส่วนลดระบุคนขับนี้จะมีอยู่ในประกันชั้น 1 เท่านั้น

ส่วนลดระบุคนขับ


5.ประกันรถยนต์ปลอดแอลกอฮอล์


ผู้ทำประกันรถยนต์จะได้รับส่วนลด 10% เมื่อแจ้งกับบริษัทประกันภัยว่าขอเพิ่มเติมสัญญาแนบท้ายตัวนี้เพื่อใช้เป็นหลักฐานว่าผู้เอาประกันภัยจะขับขี่รถยนต์โดยไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นส่วนลดแบบนี้จึงไม่เหมาะกับนักดื่ม สายปาร์ตี้สังสรรค์ หรือหากดื่มก็ต้องไม่ขับรถเด็ดขาด เพราะหากประสบอุบัติเหตุแล้วตรวจเจอแอลกอฮอล์เกินค่ามาตรฐาน บริษัทประกันภัยจะไม่คุ้มครองค่าเสียหายต่อตัวรถยนต์ และบุคคลภายนอก โดยปัจจุบันส่วนลดดังกล่าว จะมีเฉพาะบางบริษัทประกันภัยเท่านั้น

5 ส่วนลดประกันรถยนต์เหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิธีการลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์เท่านั้น ยังมีอีกหลายวิธี เช่น การเลือกประกันรถยนต์แบบเปิดปิด การเลือกประกันรถยนต์ที่นำไปซ่อมได้เฉพาะอู่รถยนต์ภายนอกอย่างเดียว ไม่สามารถนำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์บริการของค่ายรถยนต์ได้ เป็นต้น


ความแตกต่างของประกันรถยนต์ประเภทอื่นๆ


ประกันรถยนต์ชั้น 1 หลังจากที่ดูส่วนลดต่างๆ แล้ว หลายคนอาจยังรู้สึกว่ายังเป็นค่าเบี้ยประกันภัยที่สูงอยู่ ดังนั้นการเลือกประกันรถยนต์ชั้นอื่นๆ ที่ความคุ้มครองน้อยกว่าประกันชั้น 1 จะทำให้ค่าเบี้ยถูกลงมาตามความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป แต่หลายคนก็อาจสงสัยต่อไปว่าประกันภัยแต่ละชั้นที่ค่าเบี้ยไม่เท่ากัน มีความคุ้มครองที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ชั้นไหนที่เหมาะกับเรา ทีมงาน K WEALTH จึงนำมาเปรียบเทียบให้ดูกันแบบง่ายๆดังนี้


ความแตกต่างของประกันฯ ภาคสมัครใจแต่ละประเภท

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ แตกต่างกับประกันชั้น 1 


คือค่าเบี้ยถูกกว่า แต่หากขับรถชนวัตถุที่ไม่ใช่รถ หรือรถถูกชนแล้วหนี และไม่สามารถจำเลขทะเบียนรถ หรือไม่มีหลักฐานจากกล้องหน้ารถ แบบนี้ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายเอง รวมถึงรถยนต์ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ประกันชั้น 2+ ก็ไม่คุ้มครอง ดังนั้นประกันชั้น 2 + จึงเหมาะกับคนที่ขับรถมีความชำนาญสูง อายุรถเริ่มมาก มีกล้องหน้ารถ และไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยธรรมชาติ หากอ้างอิงข้อมูลของเมืองไทยประกันภัย พบว่าค่าเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 อยู่ที่ 9,500 บาท ขณะที่เบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 2+ เริ่มต้นที่ 7,200 บาท นอกจากนี้เมืองไทยประกันภัยยังมีประกันรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองกรณีน้ำท่วมให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ด้วยเบี้ยเริ่มต้น 8,400 บาท
ประกันรถยนต์ชั้น 3+ แตกต่างกับประกันชั้น 2+ คือ 3+ ค่าเบี้ยถูกกว่า แต่ไม่คุ้มครองกรณีรถเสียหายจากไฟไหม้ รวมถึงรถถูกโจรกรรมสูญหาย ดังนั้นคนที่ซื้อประกันรถยนต์ชั้น 3+ ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการจอดรถให้อยู่ในพื้นที่ที่มีปลอดภัยสูง มากกว่าผู้ทำประกันชั้น 2+ โดยประกันภัยชั้น 3+ หากอ้างอิงจากเมืองไทยประกันภัยค่าเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ 6,400 บาท

ประกันชั้น 2 แตกต่างกับประกันชั้น 1 


คือประกันชั้น 2 ค่าเบี้ยถูกกว่า แต่ไม่คุ้มครองรถของผู้ขับขี่ในกรณีเกิดอุบัติเหตุแล้วผู้ขับขี่เป็นฝ่ายผิด และไม่คุ้มครองกรณีรถประสบภัยธรรมชาติ ซึ่งโดยรวมแล้วให้ความคุ้มครองน้อยกว่าประกันชั้น 2+ ที่คุ้มครองรถยนต์ผู้ขับบางกรณี แต่ค่าเบี้ยประกันชั้น 2 ก็จะถูกกว่าด้วย ดังนั้นผู้ทำประกันชั้น 2 จึงเหมาะกับผู้ขับขี่ที่มีความชำนาญสูงมาก อาจจอดรถในที่เปลี่ยวบ่อยๆ และรถมีอายุที่มากจนไม่สามารถต่อประกันชั้น 1 ได้

ประกันชั้น 3 แตกต่างกับชั้น2 


คือ ประกันชั้น 3 ค่าเบี้ยถูกกว่า แต่ไม่คุ้มครองกรณีรถเกิดไฟไหม้ หรือสูญหาย รวมถึงเกิดอุบัติเหตุแล้วผู้ขับเป็นฝ่ายผิดเอง จึงเหมาะกับผู้ที่มีความชำนาญในการขับรถสูงมาก และไม่จอดรถในที่เปลี่ยว หรือไม่ปลอดภัย โดยค่าเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 3 ของเมืองไทยประกันภัยเริ่มต้นที่ 1,900 บาท แต่หากต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติม เช่น อุบัติเหตุแบบรถชนรถ และมีคู่กรณี แล้วเราเป็นฝ่ายผิด ก็แนะนำประกันรถยนต์ชั้น 3+ แทน 


ใครเหมาะกับประกันรถยนต์ชั้นไหน


อยากได้ความคุ้มครองรถยนต์แบบจัดเต็ม แนะนำประกันชั้น 1 แล้วใช้ส่วนลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ตามความเหมาะสมกับผู้ขับขี่ เช่น ติดกล้องรถยนต์เพิ่ม ทำประกันรถยนต์แบบปลอดแอลกอฮอล์

อยากได้ความคุ้มครองใกล้เคียงประกันชั้น 1 แต่รถเก่าแล้ว แนะนำประกันชั้น 2+ ความคุ้มครองใกล้เคียงกัน เหมาะกับคนที่มีความชำนาญการขับรถ แต่ก็ยังมีความกังวลเรื่องการเฉี่ยวชนอยู่บ้าง และบางครั้งมีความจำเป็นต้องจอดรถในที่เปลี่ยว

กังวลการขับรถอยู่บ้าง แต่จอดรถที่ปลอดภัยเสมอ แถมรถเก่าแล้ว แนะนำประกันชั้น 3+ ซึ่งใกล้เคียงกับประกันชั้น 2+ แต่ไม่คุ้มครองกรณีรถเกิดไฟไหม้ หรือสูญหาย ดังนั้นการทำประกันชั้น 3+ ต้องจอดรถในที่ปลอดภัย

ประสบการณ์ขับรถโชกโชน รักรถเยี่ยงลูก อยากได้ค่าเบี้ยถูกที่สุด แนะนำประกันชั้น 3 ซึ่งเหมาะกับคนที่มีความมั่นใจในการขับรถสูง ถ้าเกิดอุบัติเหตุไม่ใช่ฝ่ายผิดแน่นอน รวมถึงนำรถไปจอดในที่ปลอดภัยเสมอ 


ขอบคุณข้อมูลจาก : เมืองไทยประกันภัย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.), แรปบิท แคร์  



บทความโดย K WEALTH TRAINER มนัสวี เด็ดอนันต์กุล AFPT™

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ

​ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1

ดูเพิ่มเติม

​ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 3​

ดูเพิ่มเติม

​ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 3+​

ดูเพิ่มเติม
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!